'พท.’ตามอาฆาตยื่นศาลรธน.  สอย‘หนู-เท้ง’  ทำMOAครอบงำ/ล้มล้างปชต.

'พท.’ตามอาฆาตยื่นศาลรธน. สอย‘หนู-เท้ง’ ทำMOAครอบงำ/ล้มล้างปชต.

วันจันทร์ ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

'พท.’ตามอาฆาตยื่นศาลรธน.

สอย‘หนู-เท้ง’

ทำMOAครอบงำ/ล้มล้างปชต.

ยุบสภา4เดือน-แลกโหวตนายกฯ

‘ทวี’หนุนฟันดาบสองเปิดซักฟอก

“เพื่อไทย-ประชาชาติ” เดินเกมทวงแค้นเอาคืน ล่าสุด 60 สส. เข้าชื่อชงปธ.สภาฯยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “อนุทิน-ส้มเท้ง” พ้นสมาชิกภาพปมทำ MOA ยุบสภา 4 เดือน-ทำประชามติแก้รธน.แลกโหวตนั่งนายกฯ อ้างเข้าข่ายครอบงำ ชี้นำพรรคการเมือง ก้าวก่ายแทรกแซงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ขณะที่ “วันนอร์” รับลูกยื่นศาล 8 กันยาฯนี้ขณะที่ “ทวี”แง้มดาบสองหนุนเปิดซักฟอก

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส.พรรคเพื่อไทยไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสภาฯ ได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส. ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคประชาชน และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (2) ประกอบมาตรา 185 (1) และ (2)หรือไม่


คําร้องดังกล่าว ถูกส่งถึงสํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและได้รับการประทับตราเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 11.38 น. ภายใต้เลขที่รับ 14239/2568โดยมีเนื้อหาอ้างถึงการทําบันทึกข้อตกลงทางการเมืองหรือ MOA ทั้ง 5 ข้อระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจโดยตกลงกันว่า สส.พรรคประชาชนจะให้ความเห็นชอบนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

โดยข้อตกลงดังกล่าวนั้น มีเงื่อนไขสําคัญที่อาจขัดต่อหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย เช่น นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย และรัฐบาลใหม่ต้องผลักดันการทําประชามติหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่ดําเนินการใด ๆ เพื่อให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ขณะที่พรรคประชาชนยืนยันว่าจะทําหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มรูปแบบและไม่มีบุคคลใดของพรรคเข้าร่วมเป็นรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําร้องเห็นว่า การกําหนดเงื่อนไขดังกล่าวทําให้ ส.ส. ของพรรคการเมืองต้องปฏิบัติภายใต้ความผูกมัดทางการเมืองที่พรรคประชาชนเป็นผู้กําหนด อันเป็นการกระทําที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่ระบุว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องไม่อยู่ในความครอบงําหรืออาณัติมอบหมาย และต้องทํางานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ

อีกทั้งยังถูกมองว่าเป็นการละเมิดมาตรา 164 ซึ่งกําหนดให้คณะรัฐมนตรีต้องบริหารประเทศด้วยความสุจริต รอบคอบ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ไม่ใช่ภายใต้เงื่อนไขการเมืองที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์

นอกจากนี้ในคำร้อง ยังเห็นว่า การกระทำดังกล่าว ยังขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28, 29 และ 46ซึ่งห้ามการครอบงําหรือควบคุมพรรคการเมืองอื่น และห้ามการทําข้อตกลงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยมิชอบ การที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนทําMOA กันเป็นลักษณะการทําให้ ส.ส. และพรรคขาดความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่

ถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจใน การปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและเป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) และ (3) ด้วย

รวมทั้งยังฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ที่ห้ามไม่ให้ ส.ส. ก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทํางานของฝ่ายบริหารเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือพรรค

ดังนั้น การกระทำของ นายอนุทินและนายณัฐพงษ์จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 185 (1) และ(2)ของรัฐธรรมนูญ จึงทำให้สมาชิกภาพของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (7)

“ข้าพเจ้าจึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 2 กราบเรียนต่อท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอได้โปรดส่งคำร้องไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้สมาชิกภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวต่อไป”ท้ายคำร้องระบุ

มีรายงานว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่ได้ลงนามเพื่อส่งคำร้องดังกล่าวไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากต้องใช้เวลาตรวจสอบความถูกต้องของการลงลายมือชื่อ โดยคาดว่าจะส่งให้ตามขั้นตอนในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) เบื้องต้นมีสส.ที่ร่วมเข้าชื่อดังกล่าวมีประมาณกว่า 60 คน

สำหรับ สส.ที่ร่วมเข้าชื่อดังกล่าว คาดว่าจะเป็นกลุ่มสส.พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชาติ เพราะในการประชุมสภาฯ เพื่อโหวตเลือกนายกฯ เมื่อ 5 ก.ย. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ สส.พรรคเพื่อไทย หลายคนเห็นสอดคล้องว่าควรส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อประเด็นข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนนั้นขัดกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญ

ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวในประเด็นนี้ว่า พรรคเพื่อไทยเป็นหลักในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ในฐานะฝ่ายค้าน ต้องมองความหวังของประชาชนในภาวะที่ต้องมีรัฐบาลที่ธำรงในหลักนิติธรรมไม่ถูกแทรกแซงอย่างไรก็ดีขณะนี้ต้องให้กำลังใจนายอนุทิน ให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และรอดูหน้าตาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ที่จะทำหน้าที่ จากนั้นจะเป็นประเด็นการตรวจอสบคุณสมบัติ

เมื่อถามว่ามีประเด็นยื่นศาลรัฐธรรมนูญกรณีคุณสมบัตินายกฯคนใหม่ กรณีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ใช่หรือไม่ เพราะขณะนี้มีประเด็นถูกตรวจสอบทั้งคดีฮั้วสว.และที่ดินเขากระโดง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ทำเมื่อใดก็ได้ ซึ่งเราต้องเป็นฝ่ายค้านอย่างมีเหตุผล

เมื่อถามถึงการทำงานร่วมกันกับพรรคประชาชนฐานะฝ่ายค้านในสภาฯ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สส.ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้นไม่ต้องห่วง เพราะไม่ได้มาค้านกันเรื่องผลประโยชน์ของนักการเมือง แต่ค้านบนผลประโยชน์ของประชาชน แม้มีมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ที่ผ่านมาเคยทำงานร่วมกันมาด้วยดีกับพรรคเพื่อไทย

“เราเป็นฝ่ายค้านมีประสิทธิภาพ วันนี้พลวัตรแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้นเขาต้องรู้ตัวว่าต้องทำงานยึดกฎหมาย ยึดรัฐธรรมนูญ เดิมต้องใช้อำนาจขององค์กรอิสะตรวจสอบ แต่ขณะนี้อำนาจเสียงส่วนใหญ่อยู่ที่สภาฯ มีฝั่งฝ่ายค้านเกือบ 300 เสียง แค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีก็หมดอำนาจแล้ว” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

เมื่อถามถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สามารถยื่นได้ หลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาฯแต่เรื่องนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกัน แต่เป็นความเห็นส่วนตัวของตน เพราะตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้รัฐบาลมีเสียงข้างมาก แต่เมื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยขณะนี้ต้องให้กำลังใจ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top