คนละครึ่งคืนชีพ! ‘หนู’ยันไม่เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เอกชนหนุน-ชงเพิ่ม200บ./วัน

คนละครึ่งคืนชีพ! ‘หนู’ยันไม่เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เอกชนหนุน-ชงเพิ่ม200บ./วัน

วันพุธ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

คนละครึ่งคืนชีพ!

‘หนู’ยันไม่เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง

เอกชนหนุน-ชงเพิ่ม200บ./วัน

แฉเคยเสนอ‘รบ.อิ๊งค์’ถูกปัดตก

เหตุชื่อเหมือนโครงการยุค‘ลุงตู่’

 

“ภูมิใจไทย”ลุย“คนละครึ่ง” ดันเป็นนโยบายศก.แรกของพรรค เชิญ“ผู้ประกอบการ-เอกชน”ซึ่งรับลูกพร้อมหนุน มารับฟังเสียงสะท้อนปัญหา-ข้อเสนอส่งต่อทีมศก.พรรค ด้านหัวหน้าทีมศก.ภท.เผยเป็นรัฐบาลช่วงรอยต่อเงินเหลือไม่มาก ต้องบริหารให้ดี เพราะนายกฯไม่มีนโยบายกู้เพิ่ม เพราะ‘หนี้สาธารณะสูง’ จ่อนำข้อเสนอครั้งนี้ให้ว่าที่‘รมว.คลัง’ทำการบ้านรอ หลังแถลงนโยบายเดินหน้าทันทีสำหรับข้อห่วงใยเรื่องภาษีย้อนหลังนั้น ยืนยันแนวคิด“นายกฯอนุทิน” ไม่มีเก็บย้อนหลัง ส่วนเอกชน-ผู้ประกอบการ”เผยเคยเสนอ‘รัฐบาลอิ๊งค์’ แต่ไม่เป็นผล เหตุชื่อโครงการเหมือน‘รัฐบาลลุงตู่’เลยถูกตีกลับ อวย ‘ภท.’ทำงานเร็วจนน่าตกใจ‘นายกฯหนู’ เผยคนละครึ่งยุคภท.คนเสียภาษีได้สิทธิ์ 60: 40 กลุ่มทั่วไป 50 : 50เมินถูกมองก็อปปี้นโยบาย อันไหนดีพร้อมสานต่อ ขอแค่ปชช.ได้ประโยชน์


เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ ได้เชิญผู้ประกอบการ ภาคเอกชน อาทิ สมาคมภัตตาคาร LINE Man Grab และวงใน มาพบปะเพื่อหารือกับคณะทำงานของพรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับโครงการคนละครึ่ง ที่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเตรียมปัดฝุ่น

ภท.เร่งเครื่อง“คนละครึ่ง”โครงการแรก

นายสิริพงษ์กล่าวต่อว่า ตนขอบคุณผู้ประกอบการไว้ใจเข้ามาพูดคุย ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย จะเร่งผลักดันเรื่องเศรษฐกิจเป็นนโยบายแรกของพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศออกไป และมีนโยบายเศรษฐกิจบางอย่าง ที่ยังทำไม่สำเร็จจะผลักดันนำมาต่อยอด และคุยกับภาคเอกชนผู้ประกอบการวันนี้ตนในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะนำเรื่องที่ผู้ประกอบการสะท้อน ไปหารือในที่ประชุมทีมเศรษฐกิจพรรคอีกครั้ง และรายงานนายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรีต่อไป

เอกชนพร้อมหนุนชงเพิ่มเป็น200บ./วัน

หลังหารือ นายสิริพงศ์เปิดเผยว่า วันนี้ได้หารือกับสมาคมภัตตาคารอาหารแห่งประเทศไทย แพลตฟอร์ม วงในไลน์แมน แกร็บ มาพูดคุยกันเกี่ยวกับความเห็น“โครงการคนละครึ่ง” ที่นายอนุทินมีแนวคิดหลักว่าจะกลับมาใช้ ข่าวดีอย่างหนึ่งที่คิดว่าน่าจะดำเนินการได้เร็วคือภาคเอกชนพร้อมมากที่อยากช่วยเหลือในโครงการนี้ ยินดีแชร์ข้อมูลร้านอาหารให้กระทรวงการคลังทำฐานข้อมูล หมายความว่าคนที่ใช้แพลตฟอร์มอยู่แล้วอาจไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

นอกจากนี้ ยังรับฟังปัญหาของโครงการช่วงที่ผ่านมา เช่น หลักเกณฑ์เงื่อนไขที่มากไป ระยะเวลาการใช้จะใช้อย่างไรให้เหมาะสมวงเงิน ซึ่งภาคเอกชนเสนอ 200 บาทต่อวัน จากเดิมที่โครงการคนละครึ่งให้ 150 บาทต่อวัน ซึ่งทางเรารับข้อเสนอ แต่ด้วยภาวะที่เราเป็นรัฐบาลช่วงรอยต่อ เงินที่เหลือในโครงการมีไม่มาก และนโยบายของนายกฯจะไม่กู้เพิ่ม เพราะหนี้สาธารณะค่อนข้างสูง ทำให้ทรัพยากรเงิน ทรัพยากรเวลามีจำกัด ก็อาจได้ไม่ถึงตามที่ท่านเสนอมา แต่ยืนยันว่าไม่น่าเกลียดสามารถขับเคลื่อนได้แน่นอน และครั้งนี้เราจะขยายสิทธิ์เพิ่มจำนวนด้วย แต่จะนำเสนอให้นายกฯพิจารณาดูว่าจะหาเงินมาจากไหน

ร้านค้าโล่ง“อนุทิน”ยันไม่เก็บภาษีย้อนหลัง

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกังวลเรื่องการเก็บภาษีย้อนหลังที่ร้านค้ากังวลมากว่าเมื่อเข้าโครงการจะทำให้ต้องเสียภาษีย้อนหลัง นายสิริพงศ์ยืนยันว่าแนวคิดของนายอนุทินคือไม่มีการเก็บภาษีย้อนหลัง และยังมีแนวคิดอีกว่าสิทธิประโยชน์สำหรับผู้อยู่ในระบบภาษีอาจมีเพิ่มขึ้นด้วย แต่รายละเอียดอย่างไรต้องรอนายกฯแถลง นอกจากนี้ ยังได้รับข่าวดีจากแพลตฟอร์มต่างๆว่าช่วงที่ทำกิจกรรม อาจมีส่วนลดพิเศษในโครงการคนละครึ่งด้วย ซึ่งจะนำข้อเสนอของสมาคมต่างๆเสนอต่อว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อทำการบ้านไว้ก่อนแล้วจะเริ่มต้นให้เร็วที่สุดหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาล

ถามถึงข้อกังวลเรื่องแอปพลิเคชั่นที่จะใช้ในโครงการนายสิริพงศ์กล่าวว่า เมื่อวาน (8 กันยายน) ปลัดกระทรวงการคลังบอกว่าหากอยู่ในฐานระบบอยู่แล้วก็ไม่ต้องทำเพิ่ม เมื่อถึงเวลาก็ใช้ได้เลย แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในระบบก็ลงทะเบียนใหม่ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา

หมดหวังรบ.อิ๊งค์ผู้ค้า7แสนรายแบกหนี้อ่วม

ด้านนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทยกล่าวว่า ต้องยอมรับตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อค้าแม่ค้าประมาณ 700,000 รายในประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา เกิดความทุกข์ยากร้านค้าต่างๆต้องปิดตัวลง คนที่ไม่ได้ปิดร้านต้องอยู่อย่างหวานอมขมกลืน เพราะยอดขายตกต่ำในพื้นที่กรุงเทพฯตกไปถึง 60% ส่วนต่างจังหวัดยอดขายตกต่ำไปเกือบ 90% ที่ผ่านมามีหนี้สินเพิ่มขึ้น ตนในฐานะเป็นตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหารได้รับฟังและรวบรวมปัญหามาตลอด จนมาถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่เราหมดหวังกับรัฐบาลที่แล้ว ตนบังเอิญไปเจอผู้บริหารของไลน์แมน - วงใน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและข้อมูลทุกอย่างตรงกันว่าทางรอดของผู้ประกอบการร้านอาหารคือ ต้องมีโครงการคนละครึ่ง

แฉรบ.ก่อนปัดตกเพราะชื่อคล้ายยุคลุงตู่

นางฐนิวรณ์รณกล่าวต่อว่า ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการพยายามเสนอไปกับรัฐบาลชุดที่แล้วแต่ไม่เป็นผล มีการให้เหตุผลกลับมาว่าชื่อโครงการเหมือนกับรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ตนก็พยายามกลับไปหารือเพื่อจะเปลี่ยนชื่อโครงการ จนเรียกว่าเกือบจะหมดหวังไปแล้ว พอมีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นก็ได้รับการติดต่อว่ารัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยจะผลักดันนโยบายคนละครึ่งขึ้นมาเป็นนโยบายแรกๆ กระทั่งเมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) ได้รับความชัดเจนว่าปลัดกระทรวงการคลังมีงบประมาณส่วนนี้ ทำให้เชื่อว่าตอนนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งหมด จะมีความสุขมีความหวังในชีวิตมากขึ้นว่าเราจะรอดแล้ว นอกจากนี้ เท่าที่รับฟังเสียงของประชาชนทุกคนพูดเป็นสิ่งเดียวกันว่าต้องการโครงการคนละครึ่งกลับมา

อวย ภท.ทำงานเร็วจนน่าตกใจ

นางฐนิวรณ์รณกล่าวอีกว่า ต้องขอชื่นชม ว่าการทำงานของพรรคภูมิใจไทยรวดเร็วมาก เรียกว่าเร็วจนน่าตกใจ ซึ่งวันนี้ยังได้สะท้อนในเรื่องของการเก็บภาษีย้อนหลัง กับนายสิริพงศ์ ด้วย และรับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ โดยให้สิทธิ์กับผู้เสียภาษี พร้อมเปิดรับฟังว่าผู้ที่เสียภาษีอยู่ต้องการอะไรจากรัฐบาล โดยเน้นย้ำว่าขออย่ามีเงื่อนไขใดๆเพิ่มเติม ขอให้ผู้ประกอบการได้รับทุกอย่างแบบง่ายๆ เราเชื่อมั่น ว่าโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลนี้ จะมีลูกเล่นที่ดีกว่าที่ผ่านมา

“รัฐบาลชุดที่แล้วเราพยายามทุกอย่าง ทั้งเรื่องขออย่าขึ้นค่าแรง อย่าขึ้นค่าพลังงาน แต่รัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน เพราะผู้ประกอบการเป็นเรื่องที่บีบหัวใจ โดยเฉพาะช่วงโควิดที่ทุกอย่างแย่มากจริงๆ วันนี้เรามีความหวังเพราะรัฐบาลนี้ฟังเสียงเราแล้ว” นางฐนิวรณ์กล่าว

มั่นใจใช้ระบบเดิมเชื่อมระบบไร้ปัญหา

ขณะที่นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnaiให้สัมภาษณ์ถึงความกังวลในการเชื่อมระบบโครงการคนละครึ่ง ถ้ารัฐบาลชุดใหม่ดำเนินโครงการว่า เรื่องการเชื่อมระบบเราไม่กังวลเพราะเป็นโครงการเดิม ระบบเดิม และอาจมีร้านอาหารเปิดใหม่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไลน์แมน ก็มีฐานข้อมูลเดิมอยู่แล้วค่อนข้างเยอะ พร้อมแชร์ข้อมูลให้รัฐบาล และจะทำให้การลงทะเบียนง่ายขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าโครงการคนละครึ่งในเฟสที่ผ่านมา เรื่องการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์ม มีปัญหาอะไรที่จะทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมหรือไม่ นายยอดกล่าวว่า ไม่ค่อยกังวลมาก เพราะถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างดี ยอดขายร้านขนาดเล็กโตขึ้น 2.5 ถึง 4 เท่า และยอดขายก็ต่อเนื่องหลังโครงการด้วย ฉะนั้นเรื่องระบบจะไม่มีปัญหา อาจมีเล็กๆน้อยๆ เช่นการโอนเงิน ซึ่งทางร้านฝากมาว่า อยากได้เป็น 4+1 เพราะเฟสที่แล้วเป็น 4+3 ร้านอาหารหมุนเงินไม่ทัน และหลังพูดคุยกับคณะทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลภูมิใจไทย คิดว่า 4+1 ไม่น่ามีปัญหาอะไร

เชื่อเพิ่มเงินเป็น200บ.ทำให้คนเอ็นจอย

ถามว่าหากเพิ่มวงเงิน 200 บาทต่อวัน จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจมากขึ้นเพียงใด นายยอด กล่าวว่า เป็นโครงการที่ออกแบบมาได้ค่อนข้างดี copayment ช่วยกันจ่าย จะมีระยะเวลาที่ใช้จ่ายได้ยาวนานขึ้น จำกัดเงินต่อวันฉะนั้นเอฟเฟกต์ก็ค่อนข้างยาว การเพิ่มเงินเป็น 200 บาทจะทำให้คนเอ็นจอย ร้านอาหารที่บิลต่อหัวสูงขึ้น ซึ่งการกระจายรายได้จะยิ่งดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตามเราก็ต้องดูขนาดของงบประมาณทั้งหมด รวมถึงระยะเวลาของโครงการแต่จากที่ฟังจากรัฐบาลก็พยายามทำเต็มที่ในการรวบรวมงบประมาณเพื่อสนับสนุนโครงการนี้ และเมื่อโครงการเปิดก็คิดว่า จะมีร้านอาหารมาลงทะเบียนกับเราเพิ่มขึ้นมากแน่นอน แพลตฟอร์มก็สนับสนุนต่อยอดกับรัฐบาล และการทำโปรโมชั่นแคมเปญต่างๆเพื่อกระตุ้นยอดใช้จ่ายให้เศรษฐกิจหมุนไปยิ่งกว่าเดิม

ภท.เมินครหาก็อปปี้ใครพร้อมทำเพื่อปชช.

วันเดียวกัน ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงกระแสตอบรับที่ดี ที่รัฐบาลใหม่ จะดำเนินการโครงการคนละครึ่งว่า ยอมรับว่ากระแสดีเพราะเราฟังประชาชน เพราะไม่ใช่พรรคการเมืองที่คิดว่าจะทำแบบนี้ว่าจะก็อบปี้พรรคไหน เพราะทำเพื่อประชาชน ประชาชนได้ประโยชน์เราจะไปก็อปปี้ใครเราก็จะทำ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ30บาทรักษาก็ต้องเดินต่อไป แม้ว่าจะเกิดในรัฐบาลทักษิณ รวมถึงโครงการคนละครึ่งมาจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และตนเป็นรัฐมนตรีสมัยท่านตนก็ยกมือสนับสนุน

คนละครึ่งยุคใหม่คนเสียภาษีได้สิทธิ์60:40

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระแสข่าวคนละครึ่งจะเป็น50 :50 หรือจะเป็นแบบพลัส นายอนุทินยอมรับว่าเมื่อคืนวันที่ 8 กันยายน จากที่ได้คุยกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รมว.คลัง หากไม่กระทบวินัยการเงิน หรืองบประมาณ และช่วยเหลือประชาชนได้ แต่จะออกในรูป 60 : 40 เพื่อจูงใจกลุ่มคนที่เสียภาษี ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เสียภาษีอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เสียภาษีก็ 50: 50 ถือเป็นไอเดียที่นายเอกนิติ เสนอ

“ผมก็เห็นด้วย และสั่งให้ไปพิจารณาเพิ่มเติม แต่ต้องไม่ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย งบประมาณ และไม่เสียวินัยการเงินการคลัง ยอมรับว่าโครงการจะทันในกรอบ 4 เดือน และนายเอกนิติก็แจ้งมาว่างบประมาณมีดำเนินการ พร้อมเปรียบว่า กระเป๋าก็ยังมีเหมือนเดิม” นายอนุทิน กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top