‘เรือนจำคลองเปรม’วางมาตรการเข้ม! ดูแลคุมขังความปลอดภัย‘ทักษิณ’

‘เรือนจำคลองเปรม’วางมาตรการเข้ม! ดูแลคุมขังความปลอดภัย‘ทักษิณ’

วันพุธ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568, 19.05 น.

"เรือนจำกลางคลองเปรม"วางมาตรการเข้ม! ดูแลคุมขังความปลอดภัย"ทักษิณ" พร้อมมอบหมายผู้ต้องขังประพฤติดีเป็นบัดดี้ประกบช่วยเหลือ ส่วนหลังครบกักโรคต้องพิจารณาแยกแดนให้เหมาะสม ป้องกันเหตุต่างขั้วการเมืองประสงค์ร้าย แย้ม"ทักษิณ"เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านวิชาการ อาจแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเรือนจำในงานต่างๆ ขณะที่พบรถตู้เบนซ์"ครอบครัวชินวัตร"โผล่เข้าเรือนจำ

จากกรณีวันที่ 9 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไว้คุมขังตามคำพิพากษาของศาลให้บังคับโทษจำคุกแก่จำเลย โดยให้จำคุก 1 ปี ต่อมาในช่วงเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรมราชทัณฑ์ กำหนดให้เป็นเรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี (HUB) ได้ดำเนินการย้ายนายทักษิณ ไปควบคุมยังเรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากเป็นนักโทษเด็ดขาด เพื่อแยกการปฏิบัติตามประเภทของผู้ต้องขังอย่างเหมาะสม ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น


ล่าสุดวันนี้ (10 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ว่า มีสื่อจากหลากหลายสำนักปักหลักติดตามทำข่าวการนอนเรือนจำคืนแรกของนายทักษิณ และการเยี่ยมของทนายความ ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ พบว่ามีรถตู้ยี่ห้อ Mercedes-Benz สีเทา ทะเบียน ธห 1155 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถตู้ประจำครอบครัวชินวัตร ได้เลี้ยวเข้ามาบริเวณภายในวงเวียนเรือนจำกลางคลองเปรม แต่ไม่ได้หยุดจอด หรือพบว่ามีบุคคลเดินทางโดยสารมาด้วยแต่อย่างใด

ด้านแหล่งข่าวในกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยภาพรวมเกี่ยวกับการคุมขังนายทักษิณ ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แห่งเรือนจำความมั่นคงสูงของไทย ว่า สำหรับสาเหตุที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ต้องย้ายนายทักษิณ ไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องด้วยเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถูกกำหนดให้เป็นเรือนจำสำหรับรองรับการควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี (Hub) ทุกประเภท ทำให้เรือนจำฯ ต้องย้ายผู้ต้องขังที่คดีเด็ดขาดแล้วไปควบคุมยังเรือนจำ/ทัณฑสถานต่างๆ ทราบว่าทุกวันนี้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีการคุมขังนักโทษเด็ดขาดเพียง 10% ส่วนที่เหลือเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี อีกทั้ง นายทักษิณ คือผู้ต้องขังที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดเป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว จึงต้องย้ายไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม แทน โดยเมื่อเข้าไปในเรือนจำแห่งใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่เรือนจำจะต้องมีการรับตัว ตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นบุคคลตามชื่อที่ปรากฏในหมายจำคุก พร้อมจัดทำทะเบียนประวัติ ตรวจค้นตัวตามมาตรฐานการตรวจค้นและการป้องกันสิ่งของต้องห้าม และดำเนินการตรวจสุขภาพ จัดการเกี่ยวกับสิ่งของที่ติดตัวมาของผู้ต้องขัง พร้อมชี้แจงระเบียบ ข้อบังคับ และส่งตัวไปยังแดนแรก ณ ห้องกักโรคโควิด-19 ระยะเวลา 5 วัน (9 ก.ย. - 13 ก.ย.) เพื่อรอการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังไปคุมขังยังแดนที่เหมาะสม

รายงานข่าวภายในกรมราชทัณฑ์ เผยอีกว่า สำหรับรอยต่อระหว่างทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กับเรือนจำกลางคลองเปรม ถือว่ามีความใกล้ชิดกัน เพราะอยู่ติดกัน และส่วนหนึ่งของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็เป็นพื้นที่ของเรือนจำกลางคลองเปรมเก่า เพียงแค่ว่าถูกคั่นไว้ โดยจะเห็นได้ว่าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ถือเป็นจุดไข่แดง พอเลยขึ้นไปก็เป็นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนตรงวงเวียนจะเป็นเรือนจำกลางคลองเปรม จึงเป็นกรณีที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังเจ็บป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาลได้อย่างสะดวก

รายงานข่าวภายในกรมราชทัณฑ์ เผยต่อว่า ส่วนกรณีที่เป็นผู้ต้องขังคดีรายสำคัญเช่นนี้ การเข้าไปคุมขังภายในเรือนจำก็จะต้องได้รับการดูแลความปลอดภัยอย่างสูงสุด โดยเฉพาะการมอบหมายให้ผู้ต้องขังที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยพนักงานเรือนจำฯคอยดูแลและให้ความช่วยเหลือ ซึ่งผู้ต้องขังรายดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดีอยู่แล้ว จึงจะได้เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ การดูแลความปลอดภัยของผู้ต้องขังถือว่าเป็นมาตรฐานสากล แต่หากเป็นผู้ต้องขังสำคัญเช่นนี้ ก็จะต้องมีมาตรการเข้มข้นเข้มงวด เพราะหากเกิดอันตรายใดเกิดขึ้นระหว่างที่ผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำ ก็จะเป็นปัญหาและอุปสรรคความรับผิดชอบที่ปฏิเสธไม่ได้ของเรือนจำดังกล่าวที่คุมขังอยู่ อีกทั้งหากมองเรื่องทางการเมืองก็จะต้องระวังในส่วนของคนที่ไม่ได้ชอบด้วย เพราะในเรือนจำกลางคลองเปรมทราบว่ามีผู้ต้องขังคดีทางการเมืองอยู่จำนวนหนึ่ง มีทั้งกลุ่มพรรคพวกเดียวกัน และคนละกลุ่มการเมืองกัน นอกจากนี้ เมื่อนายทักษิณครบกำหนดการกักโรคโควิด ก็จะต้องได้รับการพิจารณาจำแนกแยกแดน ซึ่งแดนขังที่มีความเป็นไปได้ อาทิ แดน 6 แดนแรกรับ/ผู้ต้องขังป่วย/ผู้ต้องขังชรา คุมขังผู้ต้องขังที่มีกำหนดโทษไม่เกิน 50 ปี หรือแดน 7 แดนการศึกษาและพัฒนาจิตใจ

รายข่าวภายในกรมราชทัณฑ์ เผยด้วยว่า ส่วนกรณีโครงการพักการลงโทษนั้น ด้วยความที่นายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ซึ่งตามหลักการจะต้องจำคุกมาแล้ว 1 ใน 2 จึงจะเข้าโครงการพักโทษได้ ดังนั้น ในกรณีของนายทักษิณ คือ เมื่อรับโทษมาแล้ว 6 เดือน ก็จะได้พักโทษกลับไปคุมประพฤติที่บ้านตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนายทักษิณ อายุ 76 ปี ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีเหตุพิเศษได้ แต่ก็ต้องรับโทษตามที่เงื่อนไขกำหนดก่อน นอกจากนี้ ที่น่าจับตาเช่นกัน คือ ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ หรือ ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ซึ่งมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ต้องขังที่จะเข้าเกณฑ์ได้รับการพิจารณาไม่ว่าจะเป็นเหลือโทษต่ำกว่า 4 ปี , มีอัตราโทษต่ำกว่า 4 ปี , เป็นการรับโทษจำคุกครั้งแรก เป็นต้น ก็มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาไปคุมขังนอกเรือนจำ

สำหรับกรณีของนายทักษิณ หากเราดูคุณสมบัติที่มีโทษจำคุกตามคำสั่งศาลศาลฎีกาฯบังคับโทษ 1 ปี ก็ถือว่าเข้าเกณฑ์ ซึ่งการเข้าเรือนจำครั้งแรก นายทักษิณจะได้รับการจัดลำดับชั้นเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางก่อน และในทุกๆ 6 เดือน เรือนจำก็จะมีการปรับเลื่อนชั้นผู้ต้องขัง นอกจากนี้ นายทักษิณถือเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทางเรือนจำฯ อาจจะมีการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยในงานด้านต่างๆ เพื่อช่วยเหลืองานในเรือนจำได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยฝ่ายบรรณารักษ์ ห้องสมุด ผู้ช่วยงานสถานพยาบาล เพราะได้ภาษาอังกฤษ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ระเบียบดังกล่าวยังติดขัดปัญหาเรื่องการจัดสรรจัดหากำไล EM และยังไม่ได้มีการนำร่องใช้กับผู้ต้องขังเรือนจำใด เพราะตอนนี้มีจำนวนผู้ต้องขังทั่วประเทศที่เข้าข่ายที่มีโทษต่ำกว่า 5 ปี ก็มีประมาณ 20,000 - 30,000 รายแล้ว ซึ่งถ้าหากเรือนจำใดมีการพิจารณาคัดกรองรายชื่อเรียบร้อยแล้วว่าเป็นผู้มีสิทธิ์ รายชื่อเหล่านั้นก็จะต้องถูกนำเสนอไปยังชั้นของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานพิจารณา ซึ่งขณะนี้กำไล EM ก็ยังไม่มีความเพียงพอกับจำนวนคนที่จะต้องออกไปคุมขังนอกเรือนจำ

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top