‘อธิบดีดีเอสไอ’ส่ง 3 ผู้เชี่ยวชาญผนึก กกต. ลุยสอบ‘คดีฮั้วสว.’ หลังพบยุ่งยากซับซ้อน
จากกรณีที่ ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 4 ก.ย.68 ส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน โดยเนื้อหาภายในเอกสาร ระบุใจความว่า “ด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มติให้แต่งตั้งบุคคลเป็นเจ้าพนักงานและคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนเพิ่มเติมจำนวนหนึ่งคณะ เพื่อดำเนินการไต่สวนเรื่องคัดค้านการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ กรณีมีการกล่าวหาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1)
ทั้งนี้ เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นการกระทำความผิดที่มีความยุ่งยากซับซ้อน มีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนมาก และมีการปกปิดการกระทำความผิด ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้วเห็นว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการสอบสวนความผิดที่มีความยุ่งยากซับซ้อนต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการรวบรวมและวิเคราะห์พยานหลักฐาน และการใช้เครื่องมือพิเศษ โดยวิธีการทางเทคโนโลยี และวิธีอิเล็กทรอนิกส์อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 จึงขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 3 คน ที่มีความเชี่ยวชาญในการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อมาประกอบเป็นคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้นายประเคียง เพียรดี ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนสอบสวน 5 สำนักสืบสวนสอบสวน 2 เป็นผู้ประสานงาน“
วันนี้ (11 ก.ย.68) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท. อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา และ นายเอกรินทร์ ดอนดง ผอ.ส่วนวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์พิเศษ ประกอบเป็นคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของสำนัก งานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามที่ ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. มีหนังสือด่วนที่สุดเพื่อขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนในคดีฮั้ว สว. ตามกฎหมายการเลือกตั้ง ส่วนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะมีบทบาทสนับสนุนอย่างไรในขั้นตอนดังกล่าว ขึ้นอยู่กับทาง กกต.จะเป็นผู้ประสานงานหารือกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับรายชื่อของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้ง 3 รายดังกล่าว ไม่ใช่คนหน้าใหม่หรือห่างไกลจากสำนวนคดีฮั้ว สว. แต่คือเจ้าหน้าที่ชุดเดิมที่เคยร่วมงานกับ กกต. มาแล้วในการทำสำนวนสืบสวนและไต่สวนคดีฮั้ว สว. ขั้นที่ 1 ในนาม “คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26“ ซึ่งในช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการสรุปสำนวนการไต่สวน และเสนอสำนวนพร้อมความเห็นดำเนินคดีไปยังรองเลขาธิการ กกต. ผู้ได้รับมอบหมาย โดยข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 229 ราย ได้แก่ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตัวจริง จำนวน 138 ราย และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่ายของพรรค จำนวน 91 ราย ประกอบด้วย มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 76 และ มาตรา 77 (1)
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี