ผ่า‘รัฐบาลอนุทิน’! ปัญหาเฉพาะตัวที่ต้องเผชิญ สภาพ‘เปราะบาง’อาจเป็น‘กรณีศึกษาใหม่’

ผ่า‘รัฐบาลอนุทิน’! ปัญหาเฉพาะตัวที่ต้องเผชิญ สภาพ‘เปราะบาง’อาจเป็น‘กรณีศึกษาใหม่’

วันจันทร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568, 09.51 น.

ผ่า‘รัฐบาลอนุทิน’! ปัญหาเฉพาะตัวที่ต้องเผชิญ สภาพ‘เปราะบาง’อาจเป็น‘กรณีศึกษาใหม่’

15 กันยายน 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “รัฐบาลอนุทินกับปัญหาทางกฎหมาย การเมือง และเศรษฐกิจของประเทศ” ระบุว่า...


รัฐบาลอนุทินกับปัญหาทางกฎหมาย การเมือง และเศรษฐกิจของประเทศ

-----------

1. บทนำ

รัฐบาลอนุทินถือกำเนิดขึ้นในเงื่อนไขทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กล่าวคือ ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากการสนับสนุนของพรรคประชาชนที่เลือกจะเป็นฝ่ายค้าน แต่กำหนดเงื่อนไขผ่านข้อตกลงทางการเมือง (MoA) ลงวันที่วันที่ 3 กันยายน 2568

โดยเฉพาะข้อ 4 ที่ว่า“เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก”

สถานการณ์นี้สร้างคำถามเชิงลึกทั้งทางกฎหมายและการเมืองว่า เป็นรัฐบาลประเภทใด สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ และกระทบต่อเกียรติศักดิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่

2. ปัญหาทางกฎหมาย

2.1 ความชอบธรรมของนายกรัฐมนตรี

รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 159 กำหนดให้การเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปโดยเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร แต่ในกรณีนี้ เสียงที่สนับสนุนอนุทินไม่ได้มาจากการ “จัดตั้งรัฐบาลร่วม” ของพรรคใหญ่ แต่เป็นการ “โหวตให้โดยฝ่ายค้าน” ความชอบธรรมจึงอยู่บนรากฐานที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

2.2 ความเป็นไปได้ในการตีความ MoA ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ

หาก MoA ไปจำกัดอิสระของ ส.ส. หรือฝ่ายบริหารเกินควร อาจเป็นการวขัดกับมาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ “ส.ส. เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์”

นั่นหมายความว่า การที่ ส.ส. พรรคภูมิใจไทยต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ ทำให้อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำตาม MoA อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

3. ปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ

3.1 เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ขาดเสถียรภาพโดยโครงสร้าง “ไร้เสถียรภาพตั้งแต่ต้น” แม้จะมีเวลา 4 เดือน ก่อนยุบสภา แต่ย่อมส่งผลให้การวางนโยบายด้านเศรษฐกิจ การลงทุน หรือการต่างประเทศ ไร้ความน่าเชื่อถือ ทำให้เศรษฐกิจชะงัก

3.2 ความสัมพันธ์กับฝ่ายค้านที่เป็นผู้มอบอำนาจ

พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านเป็นผู้โหวตให้นายกฯ แต่ก็สามารถ “ถอนการสนับสนุนทางการเมือง” ได้ทันทีหากนายกฯ ไม่ปฏิบัติตาม MoA รัฐบาลจึงถูก “ขึงพืด” อยู่ในสภาพ “ขึ้นกับน้ำใจของฝ่ายค้าน” มากกว่าการสร้างความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง

4. ปัญหาทางจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี

ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 นายกรัฐมนตรีต้อง “ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง” เมื่อพิจารณาจาก MoA ข้อ 4 จะเห็นได้ว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำของประเทศ และผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในฝ่ายบริหาร ถูกขึงพืดให้ไม่สามารถทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้  นับเป็นการประพฤติตนที่ไม่เหมาะสมทั้งในด้านกฎหมาย จริยธรรม และความคาดหวังของสังคม เพื่อรักษาภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และความเคารพในตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรี

5. ผลกระทบในวงกว้าง

5.1 ความเสื่อมศรัทธาของสาธารณชน

เมื่อประชาชนเห็นว่านายกฯ ต้องทำงานภายใต้ “สัญญาทางการเมือง” มากกว่าการยึดหลักรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ความศรัทธาต่อรัฐบาลจะลดลงอย่างรวดเร็ว

5.2  ขาดความรับผิดชอบต่อประโยชน์สาธารณะ

การที่ MoA ข้อ 4 กำหนดเงื่อนไขไม่ให้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคเสียงข้างมาก นับเป็นการ “เล่นเกมการเมือง” มากกว่าการคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม นำไปสู่คำถามด้านความโปร่งใสและคุณธรรมของรัฐบาล

6. บทสรุป

รัฐบาลอนุทินจึงต้องเผชิญปัญหาเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนรัฐบาลใด ๆ คือ

6.1 ความชอบธรรมตามกฎหมายที่สั่นคลอนเพราะต้องอยู่ภายใต้อำนาจจาก MoA มากกว่าจากเสียงจากการเลือกตั้ง

6.2 ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองเพราะถูกผูกมัดว่าไม่ให้เป็นเสียงข้างมาก

6.3 ความเสื่อมศรัทธาทางจริยธรรม เพราะนายกรัฐมนตรีต้องทำงานภายใต้ข้อกำหนดทางการเมืองของฝ่ายค้าน

สภาพนี้ทำให้รัฐบาลอนุทินเป็นรัฐบาลที่เปราะบางทั้งด้านกฎหมาย การเมือง และจริยธรรม ตั้งแต่วันแรก และอาจเป็น “กรณีศึกษาใหม่” ของการเมืองไทยว่าการใช้ MoA ควบคุมรัฐบาล เป็นดาบสองคมที่บั่นทอนทั้งความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของระบบรัฐสภา

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top