ปิดประตูตาย"บุหรี่ไฟฟ้า" "วุฒิสภา"หนุนเข้มแบนนำเข้าเด็ดขาด "หมอวี"เตือนเป็นปัญหาระดับชาติก่อนไทยสิ้นชาติ แฉกลเกมธุรกิจใช้การตลาดมุ่งเป้าล่าเหยื่อเด็กเสพติดพุ่ง จวกสร้างค่านิยมผิดๆสูบแล้วเท่ห์ ยันมีสารนิโคตินอันตราย 2 พันชนิด กระทบลามระบบประสาท-สมอง ก่อสารพัดมะเร็งอีกเพียบ
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยที่ประชุมวุฒิสภามีมติให้ความเห็นชอบ รายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง "สถานการณ์และปัญหาการบริโภคผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า" ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ชุดที่มี นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข วุฒิสภา ได้พิจารณาศึกษาเสร็จแล้ว โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลทั้งหมด 13 หน่วยงาน พร้อมมีบทสรุปผลการพิจารณาศึกษาและข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อกำหนดแนวทางบริหารจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย
นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว.ในฐานะรองประธาน กมธ.การสาธารณสุข วุฒิสภา กล่าวถึงสาระสำคัญของรายงานผลการพิจารณาศึกษาดังกล่าว ว่า สถานการณ์และปัญหาการบริโภคผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ เป็นอันตราย และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนมีสาเหตุจาก 6 ประการ คือ 1.บุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชนโดยการใช้การตลาดแบบล่าเหยื่อ 2.เกิดการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้ามีจำนวนสูงมาก 3.บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายมากกว่าบุหรี่มวนและเสพติดได้ง่ายกว่า 4.การขาดองค์ความรู้ในเรื่องสารเคมีสารเสพติดที่ถูกเติมในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 5.ไม่มีกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติในการควบคุมโดยตรง และ 6.กลไกและเครื่องมือในการป้องกัน ควบคุม และปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้ายังขาดประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ และถูกนำมาใช้ทดแทนการสูบบุหรี่มวน โดยใช้สารนิโคตินเหลวที่ระเหยด้วยไอความร้อนจากพลังงานไฟฟ้าและสูบเข้าสู่ร่างกาย แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะไม่มีควัน แต่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายมากกว่ามีสารเคมีกว่า 2,000 ชนิด ทั้งยังแต่งเติมนิโคตินได้อย่างไม่จำกัด รวมถึงการแต่งกลิ่นและรส ที่ชวนดึงดูดและสร้างความเข้าใจผิดว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน ซึ่งอันตรายของสารนิโคตินส่งกระทบต่อทั้งร่างกาย สมอง และเกิดโรคต่างๆ อาทิ โรคมะเร็ง โรคถุงลมโป่งพอง และโรคปอดอักเสบรุนแรง รวมถึงโรคทางจิตเวช ขณะที่อุปกรณ์ที่ใช้สูบสามารถเติมสารเสพติดอื่นๆ อย่างไม่จำกัด
นพ.วีระพันธ์ กล่าวต่อว่า ผลการศึกษาพบว่าแนวโน้มการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทยเพิ่มสูงขึ้น 5.3 เท่า ในระยะเวลา 7 ปี และกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีอายุที่น้อยลงอย่างต่อเนื่อง และเปรียบเทียบกับ 10 ประเทศ พบว่าประเทศไทยมีอัตราการบริโภคผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.3 ในปี 2558 เป็นร้อย ละ 17.6 หรือมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 81.2 เท่า เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจยาสูบเป้าหมายทำการตลาดแบบล่าเหยื่อและมุ่งเป้าที่เด็ก โดยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ถูกใจของเยาวชนด้วยการสร้างสีสันที่น่ารัก มีการแต่งกลิ่น แต่งรส ให้มีความน่าดึงดูดเหมือนขนมหรือผลไม้ทำให้ผู้สูบรู้สึกว่าไม่มีอันตราย ตลอดจนมีช่องทางการขายที่เข้าถึงเยาวชนได้หลากหลาย ทั้งสื่อโซเชียลมีเดีย ร้านออนไลน์ ผ่านกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ในสถาบัน และมีกระบวนการสร้างค่านิยมในกลุ่มนักสูบผิดๆ เช่น เป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย การยอมรับของคนรุ่นใหม่ และความเชื่อว่าเป็นทางเลือกในการเลิกสูบบุหรี่
นพ.วีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาในประเทศไทยคือเราไม่มีกฎหมายเฉพาะ หรือบทบัญญัติในระดับพระราชบัญญัติ ในการควบคุมหรือบังคับใช้กับบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรง โดยปัจจุบันมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด 4 ฉบับ และพบช่องโหว่ทางกฎหมายและการบังคับใช้ ตลอดจนกลไกและเครื่องมือในการป้องกันควบคุม และปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้ายังขาด ประสิทธิภาพ เนื่องจากช่องทางออนไลน์ขยายตัวอย่างรวดเร็วในการจำหน่ายผ่านออนไลน์ หรือร้านค้าลับ รวมถึงการควบคุมโฆษณา รีวิว บุหรี่ไฟฟ้า ไม่สามารถควบคุมและปิดกั้นได้อย่างทันท่วงที
นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า รายงานฉบับนี้ระบุถึงผลกระทบประเทศไทยมี 4 ด้านคือ 1.ผลกระทบด้านสุขภาพ อาทิ การทำลายพัฒนาการทางสมอง การทำงานของปอดถดถอย เกิดโรคหัวใจ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โรคมะเร็ง โรคทางจิตเวช 2.ผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีมาตรฐานอาจระเบิดได้รับอันตราย 3.ผลกระทบด้านเศรษฐกิจต้องสูญเสียค่ารักษาพยาบาลจากอาการเจ็บป่วยหรือการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและ 4.ผลกระทบด้านประชากรส่งผลต่อการสูญเสียประสิทธิภาพแรงงานและสุขภาพไม่แข็งแรง บั่นทอนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลกระทบ ต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว ทั้งนี้ ผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เห็นควรให้ "คงมาตรการห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด" (Total Ban) โดยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านนโยบาย กฎหมาย และการจัดตั้งองค์กร 2.ด้านการศึกษา สร้างการตระหนักรู้และค่านิยมที่ถูกต้อง 3.ด้านมาตรการ ทางสังคม และ 4.ด้านสุขภาพและการบำบัดรักษา
"คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสมาชิกวุฒิสภาทุกท่าน จะสนับสนุนการคงมาตรการห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด Total Ban เพื่อปกป้อง คุ้มครอง สุขภาพของประชากรไทย เพราะสุขภาพของคนไทยไม่ใช่ตัวทดลองเพื่อพิสูจน์ผลลัพธ์ของการปลดล็อคให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย" รองประธาน กมธ.การสาธารณสุข กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี