‘จุลพงศ์’จวก‘ทนายณัฐ’เพ้อเจ้อ ส่งซิก‘พท.’ร้องฟัน‘อนุทิน-ณัฐพงษ์’ถอดถอน212สส.-ยุบพรรค

‘จุลพงศ์’จวก‘ทนายณัฐ’เพ้อเจ้อ ส่งซิก‘พท.’ร้องฟัน‘อนุทิน-ณัฐพงษ์’ถอดถอน212สส.-ยุบพรรค

วันพุธ ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568, 11.55 น.

เพ้อเจ้อ-สับสน! ‘จุลพงศ์’ จวก ‘ทนายณัฐ’ ส่งซิก ‘เพื่อไทย’ ร้องฟัน ‘อนุทิน-ณัฐพงษ์’ ถอดถอนสส. 212 คน พ่วงยุบ ‘2 พรรค’ ซัดไม่มีสาระพอที่จะไปขยายความต่อ หวังใช้ความคิดตรึกตรองอย่างรอบคอบ แนะไม่ควรนำปม ‘จริยธรรม’ มาทำลายกันเอง 

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2568 ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงกรณีนายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ยื่นคำร้องฉบับแก้ไขในการร้องนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน รวมถึงสส.ทั้ง 2 พรรคจำนวน 212 คน รวมถึงใช้ช่องทางร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อนำคดีไปสู่ศาลรัฐธรรรมนูญ เพื่อยุบพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับข้อตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย หรือ MOA ให้กับพรรคเพื่อไทยว่า จากกรณีดังกล่าว ตนในฐานะที่เป็นสส.พรรคประชาชนคนหนึ่ง และรู้จักนายณัฐวุฒิ มา 10 กว่าปี มีความเห็นว่านายณัฐวุฒิ เพ้อเจ้อและสับสนในข้อกฎหมายในเรื่องความแตกต่างของการแสดงเจตจำนงระหว่างเอกชนที่เรียกว่านิติกรรมกับการทำสัญญาประชาคมทางการเมือง


นายจุลพงศ์ กล่าวว่า โดยในอดีตที่ผ่านมา พรรคการเมืองตั้งแต่ 2 พรรคขึ้นไปร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล นั่นคือการทำสัญญาประชาคมต่อหน้าสาธารณะอย่างหนึ่งว่าพรรคที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลตกลงจะร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลเดียวกัน และสนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน ไม่ได้มีพรรคใดครอบงำพรรคอื่น เพียงแต่สัญญาประชาคมในอดีตไม่เคยทำเป็นลายลักษณ์อักษร ประชาชนจึงไม่เคยรู้ว่านอกจากข้อตกลงว่าจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันนั้น ยังมีข้อตกลงอะไรอื่นแอบแฝงอยู่หรือไม่

นายจุลพงศ์​ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ สำหรับการทำ MOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย เป็นการให้สัญญาประชาคมของพรรคภูมิใจไทยผ่านหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่าใน 4 เดือนหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจะยุบสภาและจะปฏิบัติในข้ออื่นอีก 5 ข้อ อย่างไรก็ตาม การทำนิติกรรมสัญญาระหว่างเอกชน หากมีการผิดสัญญาก็อาจนำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาลเพื่อบังคับให้คู่สัญญาปฏิบัติตามสัญญาได้ ต่างจากกรณี MOA หากมีการผิดข้อตกลงพรรคประชาชนก็ไม่สามารถไปฟ้องร้องต่อศาลให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะนายกรัฐมนตรีให้ยุบสภา เพราะอำนาจการยุบสภาต้องเป็นไปตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนทำได้เพียงการใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญคือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ยกมือสนับสนุนรัฐบาลเท่านั้น 

“กรณีประเด็นทางกฎหมายของ MOA ที่คุณณัฐวุฒิ ยกมามาอ้างเพื่อถอดถอนสส.พรรคประชาชนและยุบพรรคประชาชนนั้น ผมเห็นว่าไม่มีสาระพอที่จะไปขยายความ และหากจะนำไปเป็นสาระ ก็เป็นเพียงข้อศึกษาวิเคราะห์ถกเถียงในห้องเรียนของนักศึกษากฎหมายมากกว่าที่จะนำไปวิเคราะห์ในรายการวิเคราะห์การเมือง เพราะประเด็นที่คุณณัฐวุฒิ ยกขึ้นมาเสนอต่อพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรต่อประชาชนเลย“ นายจุลพงศ์ กล่าว

นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีประวัติส่วนตัวของนายณัฐวุฒิที่นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์สื่อนั้น ตนไม่ขอพูดถึงเพราะรู้จักทั้ง 2 คนมานานแล้ว แต่เท่าที่ตนรู้จักนายศุภชัยมากว่า 30 ปี ตนไม่คิดว่านายศุภชัยจะพูดอะไรโดยไม่มีหลักฐาน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการที่นายณัฐวุฒิ เสนอต่อพรรคเพื่อไทยเรื่องกรณีการถอดถอนสส.พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และยุบทั้ง 2 พรรคนั้น ตนยังไม่ได้ยินคำตอบจากพรรคเพื่อไทยในเรื่องนี้

แต่หวังว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นมือกฎหมายในพรรคเพื่อไทยจะได้ตรึกตรองในข้อกฎหมายอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ตนเห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรนำประเด็นด้านด้านจริยธรรมหรือการล้มล้างการปกครองมาทำลายล้างพรรคการเมืองด้วยกันเอง เพราะการทำเช่นนี้เหมือนไก่ในเล้าที่จิกกัดกันเอง เจ็บตัวทั้งคู่ ส่วนคนยื่นดูหัวเราะชอบใจ

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top