เปิดผลสอบคกก.ที่ดินเขากระโดง ยุค “ภูมิธรรม-เดชอิศม์” พบไม่เคยชงให้เพิกถอนด้วยมาตรา 61 วรรค 8 แต่กลับ สั่งลุยแถลงให้เพิกถอนตั้งแต่1ส.ค.ก่อนผลสอบจะออก27ส.ค.“ภูมิธรรม” ตั้งข้อสังเกตปมเขากระโดงพลิกได้อย่างไร ซัด ปชน.ยื่นดาบให้ภูมิใจไทยมีอำนาจล้นฟ้า เย้ยผูกพันอะไรขนาดนั้น หรือได้อะไรตอบแทนมา เหน็บ “อนุทิน” ผู้ยิ่งใหญ่ทำแต่เรื่องของตัวเอง ด้านนายกฯแปลกใจท่าทีขรก.มท.กลับลำไม่เพิกถอน“เขากระโดง”ยันยึดกฎหมาย-ไม่เอาเปรียบประชาชน
เมื่อวันที่ 18กันยายน2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเอกสารบันทึกข้อความลับด่วนที่สุด ที่ มท. 0208.1(พ) เรื่อง รายงานการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณและตำบลเสม็ด อำเภอบุรีรัมย์จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มี นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง เสนอให้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ในยุครัฐบาลที่ผ่านมา ในวันที่ 22 ส.ค.2568 และนายเดชอิศม์ได้ลงนามรับรองในวันที่ 27ส.ค.2568
นอกจากนี้ ยังพบการลงนามรับรองผลการตรวจสอบดังกล่าวจากคณะกรรมการคนอื่นๆด้วย โดยสาระสำคัญจากรายงานผลสอบดังกล่าวอยู่ในข้อเสนอแนะ โดยคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ 842-876/2560 และคดีหมายเลขแดงที่ 8027/2561 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 และคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว ได้มีคำพิพากษาว่า ที่ดินบริเวณทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ได้มาตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 และถือเป็นที่ดินของรัฐประเภทหนึ่ง
ซึ่งคำพิพากษาของศาลในคดีถึงที่สุดแล้วนั้น เป็นการใช้อำนาจตุลาการอันเป็นอำนาจสั่งการของรัฐที่มอบให้ศาลวางแนวทางในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 53จึงเห็นควรเสนอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยและเป็นผู้บังคับบัญชาของอธิบดีกรมที่ดิน มีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของอธิบดีกรมที่ดินให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องและครบถ้วน บริสุทธิ์ ยุติธรรม และปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 20 ให้อธิบดีกรมที่ดินดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 มาตรา 30 และมาตรา 31 (5) ประกอบกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดินกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2557 พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 10 มาตรา 15 และประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 8 และมาตรา 61 ในการคุ้มครองสิทธิในที่ดินของบุคคล และจัดการที่ดินของรัฐ
รวมทั้งดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินอย่างเคร่งครัด และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับแนวเขตตามพระราชกฤษฎีกาและแผนที่แสดงเขตที่ดินเพื่อสร้างทางรถไฟและเพื่อจัดหาแหล่งวัสดุมาใช้ในการก่อสร้างทางรถไฟและลำเลียงหิน ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2465 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 และคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 เพื่อให้ได้แนวเขตที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ชัดเจน โดยให้ดำเนินการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินให้เป็นไปตามรูปแบบ ขั้นตอน วิธีการอันเป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมทั้งหลักนิติธรรม หลักความเป็นธรรม และหลักความสุจริตกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า สำหรับรายงานการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดงตำบลอิสาณ และตำบลเสม็ด อำเภอบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีการลงนามรับรองของคณะกรรมการฯ และนายเดชอิศม์ ระหว่างวันที่ 22-27 ส.ค.2568 ซึ่งสวนทางกับกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในขณะนั้น และนายเดชอิศม์ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่กระทรวงมหาดไทย ถึงผลสอบของคณะกรรมการชุดดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2568 และมีมติให้อธิบดีกรมที่ดิน เพิกถอนที่ดินเขากระโดง ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.2568 เป็นต้นไป
อีกทั้งสาระสำคัญรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดิน (พรพจน์ เพ็ญพาส อดีตอธิบดีกรมที่ดิน) และคณะกรรมการตามมาตรา 61 ไม่มีข้อเสนอให้อธิบดีกรมที่ดิน ใช้อำนาจตามมาตรา 61 วรรค 8 เพิกถอนการจดทะเบียน หรือออกเอกสารสิทธิ แต่อย่างใด ซึ่งไม่ตรงกับสาระสำคัญของการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 1ส.ค.2568 ที่ให้อธิบดีกรมที่ดิน เพิกถอนการจดทะเบียนหรือออกเอกสารสิทธิ
นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรค 8 ไม่ได้อำนาจอธิบดีกรมที่ดิน เพิกถอนหรือแก้ไขการจดทะเบียนแต่ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่ดิน ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 วรรค 8 กำหนดไว้ว่า “ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากกษาหรือคำสั่งที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างใดแล้ว ให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกำหนด”กรณีที่ดินเขากระโดง ในส่วนที่กรมที่ดินได้ออกเอกสารสิทธิแล้วจำนวน 995 รายการนั้น ขณะนี้ยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างใด
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกรมที่ดินแถลงข่าวยุติเพิกถอนที่ดินเขากระโดงว่า ไม่น่าแปลกใจ ตอนนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครใหญ่กว่าแล้ว ถ้ากล้าจะทำอะไรแบบนี้ต้องคิดให้ดีๆ เรื่องนี้ต้องถามพรรคประชาชน เพราะตอนที่ไปตกลงจะร่วมรัฐบาล ตนได้หยิบเรื่องเขากระโดงและ ฮั้วสว.เข้าไปพูดคุย แต่ก็รู้สึกแปลกใจทำไมเรื่องนี้นำไปพูดคุยแล้วเป็นปัญหา ซึ่งพรรคประชาชนมองว่า กระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว ทำไมต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา แสดงว่า อาจจะให้ความสำคัญไม่เหมือนกัน ตนให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะที่ดินกว่า 5,000 ไร่กับเรื่องคดีฮั้วส.ว.ไปกระทบกระเทือน และมีปัญหากับสถาบันรัฐสภา แต่พรรคประชาชนก็ไม่ได้รับทั้ง 2 เรื่อง
เมื่อถามว่า ส่วนที่มีการอ้างอิงต้องรอคำสั่งศาลปกครองกลาง แต่ก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาเรื่องนี้ไปแล้วนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องถามตน เพราะตนก็สงสัยเช่นเดียวกัน เมื่อศาลตัดสินแล้วมาพลิกได้อย่างไร ที่ตนเข้าไปเจอ คือยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างครบถ้วน จึงพยายามเข้าไปทำให้ครบถ้วน ดังนั้น ต้องไปถามคนที่เกี่ยวข้อง พรรคประชาชนที่ยื่นดาบให้เขาไปแล้วบอกว่า จะคุมได้นั้น ตกลงเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล รวมถึงทางพรรคภูมิใจไทย 4 เดือนที่เข้ามาบอกว่า จะแก้ไขเรื่องรัฐธรรมนูญยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน มีแต่จัดการเรื่องตัวเองทั้งหมด ซึ่งตนสงสัยว่า ทำไมไม่รับ แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น และจัดตั้งรัฐบาลแทนก็ต้องถามว่าทำไม จึงมีใจผูกพันกับพรรคภูมิใจไทยมากขนาดนั้น หรือได้อะไรตอบแทนมาหรือไม่ต้องไปเช็กดู
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงท่าทีข้าราชการกระทรวงมหาดไทย มีมติไม่เพิกถอนพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ทั้งที่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ว่า นั่นน่ะสิ ตนเข้าไปก็จะไปถามเหมือนกัน ซึ่งตนมีหนังสือตั้งแต่สมัยเป็น มท.1 ว่าเรื่องนี้ขอให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย และยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงใดๆ ตนมีทะเบียนบ้านอยู่ที่บุรีรัมย์ก็จริง แต่ที่ต้องย้ายไปบุรีรัมย์ เพราะรัฐธรรมนูญที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่างไว้เมื่อปี 2558-2559 ระบุว่า แม้จะเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็ต้องมีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งขณะนั้นตนเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ๆ ก็ต้องหาภูมิลำเนาอยู่ตรงนั้น เพราะต้องดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป ดังนั้น ไม่มีอะไรที่ตนต้องกังวล สิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย สิ่งที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการทันที ขอให้ความมั่นใจว่า ตนเคารพกฎระเบียบ เคารพรัฐธรรมนูญ และเคารพประชาชน ตนไม่เอาเปรียบคนอื่นแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี