"เท้ง" เตรียมใช้เวทีแถลงนโยบายรัฐบาล ตรวจสอบ "ครม.หนู1" มีคดีติดตัว เมิน "เพื่อไทย" ประกาศตัวไม่ร่วมวิปฝ่ายค้าน ยัน อยากให้ทำงานร่วมกัน ไม่อยากให้ค้านกันเอง บอก ไม่จำเป็นต้องคุยกับเพื่อไทยก่อน เหตุ อาวุโสน้อย
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี คณะรัฐมนตรี(ครม.)ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่พบว่าบางคนถูก ปปช.ชี้มูลคดีทุจริต ว่า จะต้องมีการเสนอข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่งวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พรรคประชาชนเตรียมผู้อภิปรายไว้แล้ว ซึ่งจะมีการอภิปรายถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมของรัฐมนตรีแต่ละคน รวมถึงการดำเนินนโยบายรัฐบาล ในช่วงตลอดระยะเวลา 4 เดือน ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ อีกทั้งจะดูเรื่องแผนการทำงาน ที่รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม MOA ซึ่งพรรคประชาชนเตรียมกรอบเนื้อหาที่จะอภิปรายไว้แล้ว
ส่วนการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของพรรคประชาชน จะแบ่งเนื้อหาอภิปรายกับพรรคเพื่อไทยอย่างไร เพราะพรรคเพื่อไทยประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระ จะไม่เข้าร่วมวิปฝ่ายค้านกับพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ต่างคนต่างทำหน้าที่ได้อยู่แล้ว การที่ไม่ร่วมรัฐบาลก็ถือว่าเป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยก็ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ คงไม่มีปัญหาอะไรในสภา
เมื่อถามว่าจะมีการแบ่งเนื้อหาการอภิปรายอย่างไรเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน เนื่องจากไม่ได้มีการประสานงานกัน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การทำงานภายในวิป ก็จะคุยตกลงเรื่องการแบ่งเวลา ส่วนเนื้อหาคงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่ละพรรค
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยจะไม่เข้าไปร่วมวิปฝ่ายค้านจะไม่ทำให้เป็นปัญหาในการทำงานหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ถ้าตามกฎหมาย ตอนนี้พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในสถานะเป็นรัฐบาล เพราะมีตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่จริงๆในทางปฏิบัติ ตนอยากให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ ซึ่งเคยสื่อสารไปแล้วหลายครั้ง ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็งอยู่ การจะกำกับทิศทางรัฐบาลภูมิใจไทยให้เดินหน้าตามกรอบMOA ก็จะมีความเป็นไปได้เกือบ 100% ดังนั้นการทำงานตอนนี้ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่อยากให้เอาอุปสรรคอื่นๆอะไรมาขวางกั้น
ส่วนนายณัฐพงษ์จะต้องไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเองหรือไม่ ในฐานะเป็นผู้นำฝ่ายค้านนั้น ว่า พูดคุยประสานงานกันอยู่แล้ว ตนไม่อยากให้มีการแสดงท่าที ว่าไม่อยากจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้กลายเป็นว่าฝ่ายค้านมาค้านกันเอง และยังยืนยัน การหาทางออกให้ประเทศไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาชน ก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ในสภา
เมื่อถามว่าในฐานะผู้เป็นอาวุโสน้อยกว่า จะต้องไปคุยกับพรรคเพื่อไทยก่อนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องให้ใครเข้าไปหา หรือไปพูดคุยกับใครก่อน เพราะในสภามีกลไกของวิป ไม่อยากให้มีใครต้องถือทิฐิ เราจะต้องเดินหน้าไปในทิศทางที่ดี ถ้าจะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือน และเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญประชาชนก็จะได้ประโยชน์
ส่วนที่มีภาพนายอนุทินไป รับประทานอาหารร่วมกันกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี มองว่ามีนัยยะทางการเมืองอย่างไร นายณัฐพงษ์กล่าวว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีการพูดคุยกัน ส่วนการโพสต์ภาพออกมา ต้องการจะสื่ออะไรหรือไม่นั้น ต้องไปถามนายอนุทิน ตนคงตอบแทนไม่ได้ ว่าจุดประสงค์การนัดทานอาหาร และโพสต์ภาพออกมาแบบนี้ มีวัตถุประสงค์อะไร
ส่วนกังวลใจหรือไม่ ว่าการโพสต์ภาพแบบนี้จะมีนัยยะ นายณัฐพงษ์ ยืนยันไม่กังวลใจ และให้กลับมามองที่หน้ากระดานการเมืองจำนวนเก้าอี้สส. และตอนนี้ไม่มีความเป็นไปได้อื่นใด ที่จะเกิดรัฐบาลเสียงข้างมาก ถ้าพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง ก็จะสามารถรักษาเสียงในพรรคให้อยู่ร่วมกัน ซึ่งตอนนี้อาจจะมีข่าวที่ปรากฏออกมาว่านายอนุทินจะดูดเสียงสส.มาอยู่ร่วมกับพรรคภูมิใจไทยมากยิ่งขึ้นนั้น ย้ำว่าตนไม่ได้มีข้อห่วงใยอะไร หากฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เราก็จะกำกับทิศทางรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้เป็นไปตาม moa ได้
นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงหน้าตา ครม. ของนายอนุทิน ว่า มีข้อห่วงใยหลายคน และหลังแถลงนโยบายแล้ว ก็จะเป็นหนึ่งหมุดใหม่แรกที่เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี