นายกฯประกาศหนุนทหารเต็มที่  ให้สิทธิ์ขาดกองทัพ!  ตัดสินใจ‘เปิด-ปิดด่าน/สร้างรั้ว’

นายกฯประกาศหนุนทหารเต็มที่ ให้สิทธิ์ขาดกองทัพ! ตัดสินใจ‘เปิด-ปิดด่าน/สร้างรั้ว’

วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

 

นายกฯประกาศหนุนทหารเต็มที่

ให้สิทธิ์ขาดกองทัพ!

ตัดสินใจ‘เปิด-ปิดด่าน/สร้างรั้ว’

ปักธงชาติไทยให้คนไทยชื่นใจ

ยันทำเพื่อปท.ไม่มีใครล็อบบี้ได้

ชายแดน‘สระแก้ว’ตึงเครียดอีก

“นายกฯ” ประกาศกร้าวให้สิทธิ์ขาด“กองทัพ” ตัดสินใจปม “เปิด-ปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา” ลั่นหนุนทหารเต็มที่ อยากปักธงไทยตรงไหนในเขตอธิปไตยไทย ขอให้ไปปัก ทำให้คนไทยชื่นใจ รัฐบาลขอรับผิดชอบเดินหน้าการทูต ลั่นไม่มีใครล็อบบี้ได้ ยันทำให้คนไทยปท.ไทยเท่านั้น ย้ำการเจรจาจะทำต่อเมื่อเขมรเลิกส่งม็อบก่อกวน จ่อออกมาตรการคุมเข้มพื้นที่เพิ่มเติม


เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่จ.ศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการปิดด่านและการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ได้ทำความเข้าใจกับการทหารไปแล้วว่า เมื่อตนได้เข้ารับตำแหน่งฝ่ายบริหารประเทศเมื่อไหร่ ก็จะให้ทหารได้ตัดสินใจเต็มที่ รัฐบาลที่กำลังเข้ามาจะให้การสนับสนุนเคารพการตัดสินใจของฝ่ายการทหาร ส่วนรัฐบาลจะทำเรื่องการทูต และเงื่อนไขที่ต้องเจรจาต่างๆ

นายกฯลั่นไม่มีใครล็อบบี้ผมได้

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ต้องมีความชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับเงื่อนไข แต่เขาต้องยอมรับเงื่อนไขเราเท่านั้น จึงจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้ ตนอยากให้ชัดเจนในตรงนี้ เพราะที่ผ่านมามีการคาดคะเนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้นำต่างประเทศโทรมาล็อบบี้ตน

“ผมล็อบบี้ไม่ได้หรอก ผมไม่มีใครมาล็อบบี้ได้ ผมต้องทำให้กับคนไทย ประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีการต่อรองใดๆ จนกว่าเขาจะรับเงื่อนไขที่เราตั้งไว้” นายกฯ กล่าว

หนุนทหารปักธงไทยให้คนไทยชื่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดการของรัฐบาลเนื่องจากยังมีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินวนอยู่รอบภูมะเขือ นายอนุทินกล่าวย้ำว่า เรื่องการทหารขอให้ทหารตัดสินใจ อยากปักธงไทยตรงไหน ขอให้ไปปักให้คนไทยได้ชื่นใจ ในที่ที่เป็นของคนไทยขอให้ทหารนำแผ่นดินทุกตารางนิ้วที่เขารุกล้ำกลับมาเป็นของคนไทย ตนสนับสนุนเต็มที่

ลั่นเจรจาเลิกป่วน-เล็งคุมเข้มเพิ่ม

ถามถึงบริเวณพื้นที่หนองหญ้าแก้ว หนองจาน จังหวัดสระแก้ว ที่ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมของกัมพูชาก่อกวนเป็นโล่มนุษย์ นายกฯกล่าวว่า ก่อนคุยอะไรกัน สิ่งเหล่านี้ต้องถอนตัวออกไปให้หมดเสียก่อน จะไม่มีการเจรจาในระหว่างที่มีการกดดัน มีการติดอาวุธ มีโล่มนุษย์ ด่านชายแดนจะปิดต่อไป นอกจากนี้ อาจจะเพิ่มมาตรการควบคุมหากทำได้

ย้ำใช้กม.ไทยได้เพราะอยู่เขตไทย

ด้านพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 กันยายนระบุว่า “กัมพูชายื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายไทยกับพลเมืองเขมรในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับคนเขมรในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิงว่า ไทยมีสิทธิและหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่าพื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่เขมรพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยชัดเจน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ

ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุ “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ความเป็นจริงกลับพบว่าฝ่ายเขมรมักเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก ใช้ประชาชนมาเป็นผู้สร้างสถานการณ์ความรุนแรง

ตอกเขมรละเมิดข้อMOUซ้ำซาก

สำหรับในมาตรา 2(4) ที่ระบุว่า “รัฐสมาชิกต้องละเว้นจากการคุกคามหรือการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดน” กลับเป็นฝ่ายเขมรเช่นกันที่เป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการรุกรานรุกล้ำอธิปไตยไทย ด้วยการนำกำลังทหารพร้อมอาวุธมาวางกำลังในดินแดนอธิปไตยไทย และการแอบลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ในดินแดนอธิปไตยไทย แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้วก็ตาม

กรณีที่กล่าวหาว่าเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมนั้น ต่อกรณีนี้เป็นฝ่ายกัมพูชา อีกเช่นกันที่เป็นผู้ละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ด้วยการละเลย ไม่จริงใจ ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคาร สถานที่ บ้านเรือนชุมชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และในเขตพื้นที่อธิปไตยของไทย ฝ่ายไทยได้ประท้วงตามข้อกำหนด MOU 2000 มากกว่า 500 ครั้งตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา แต่เขมรเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไขมากว่า 20 ปี

ฉะทหารเขมรหนุนม็อบป่วนไทย

พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า กรณีเขมรเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรม ที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิงนั้น กรณีนี้อีกเช่นกันที่เขมรเป็นผู้สนับสนุนและดำเนินการแบบไม่เปิดเผย เพื่อให้มีกิจกรรมการชุมนุมของประชาชนในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ด้วยท่าทีที่ก้าวร้าว และใช้ความรุนแรงกับตำรวจไทย ในเขตอธิปไตยของไทย จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ดังนั้น ขอยืนยันว่าฝ่ายไทยมีเจตนาแก้ปัญหาชายแดนโดยสันติวิธี จะไม่ใช้กำลังรุกรานใคร การดำเนินการในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นนั้น อยู่ภายใต้กรอบกติกาสากลและกฎหมายไทย เพื่อรักษาอธิปไตย และปกป้องตนเองจากการคุกคามของเขมร

ชาวบ้านชายแดนบ้านกรวดยังผวา

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงสำรวจพื้นที่ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ หมู่บ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และยังเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศโดยทั่วไปชาวบ้านยังใช้ชีวิตกันตามปกติ แต่มีบางรายยังหวาดวิตกระแวง เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ ไม่รู้ว่าจะเกิดการปะทะหรือเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อใด หลังพบฝ่ายกัมพูชาทำผิดกฎหมาย แสดงท่าที่ไม่เป็นมิตร ทั้งยั่วยุ บุกเข้ารื้อลวดหนามในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว โดยทั้งชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในพื้นที่แนวชายแดน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ต่างไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว เกรงจะทำให้เกิดเหตุไม่สงบเกิดขึ้นอีก

หนุนผบ.ปิดด่านถาวร-เลิกคบเขมร

เมื่อสอบถามความคิดเห็นของชาวบ้านกรณีที่ทหารทุกเหล่าทัพเห็นชอบเรื่องการปิดต่านต่อไปจนกว่าเขมรจะเลิกทำตัวเป็นภัยต่อความมั่นคงของไทยนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยกับการที่ ผบ.เหล่าทัพเห็นชอบให้ปิดจุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือกัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามต่อไทยอีกต่อไป รวมถึงยังเรียกร้องให้ทหารและรัฐบาลชุดใหม่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เร่งจัดการแก้ปัญหาชายแดนให้เสร็จโดยเร็ว และให้สร้างรั้วกำแพงที่มั่นคงแข็งแรง และปิดตายทุกด่านชายแดน ไม่ต้องทำมาค้าขายหรือคบค้าสมาคมกับประเทศกัมพูชาอีกต่อไป อยู่ใครอยู่มัน เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยและการเผชิญหน้าระหว่างทหารไทยกัมพูชา และเพื่อที่ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างวิตกกังวล

ขณะที่หลายคนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าเห็นว่า ในฐานะที่เคยขายของแนวชายแดน แต่ถ้าปิดด่านก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะมองว่าการเปิดด่านชายแดน ฝ่ายที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจะเป็นฝ่ายเขมร ส่วนฝ่ายไทยเสียประโยชน์มากว่า ไม่ว่าจะเป็นการข้ามแดนไทยไปเขมรก็ต้องเสียค่าผ่านแดน ส่วนกัมพูชาเข้ามาไทยก็ไม่เสียค่าข้ามผ่านแดน อีกทั้ง คนไทยต้องสูญเสียเงินทองจากการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนคาสิโน เห็นชาวบ้านบางคนในหลายหมู่หมู่บ้านที่ไปเล่นการพนันยังบ่อนคาสิโน ต้องหมดที่หมดทาง ขายสวนยางพารา และตัดต้นยางพาราขาย รวมถึงครอบครัวแตกแยกก็มี ฉะนั้น ปิดด่านถาวรเลยก็ดี ไทยไม่เดือดร้อน

เขมรระดมคนนอกพื้นที่ป่วนสระแก้ว

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยวันเดียวกันนี้ ที่บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว พบมวลชนกัมพูชาประมาณ300คน รวม2จุดประมาณ 500คนเข้ามาประชิดแนวลวดหนามของไทยอย่างต่อเนื่องโดย มวลชนกัมพูชามีการรวมตัวอยู่บริเวณเพิงพักใกล้หลักเขต 46 บ้านหนองจาน ซึ่งมีรายงานระบุมาว่าวันที่ฝั่งกัมพูชาได้มีงานประเพณี» แซนโดนตา»จากนั้นจึงได้มีการเกณฑ์ชาวบ้านและเด็กจากจังหวัดใกล้เคียงเข้าพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งสร้างความตึงเครียดให้กับเจ้าหน้าที่ไทยด้านฝั่งไทย เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองประจำแนวชายแดน ยังคงตรึงกำลังเข้มงวด มีการตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงหรือความขัดแย้งข้ามชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มวลชนกัมพูชามาประชิดแนวลวดหนาม

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top