อสส.ขยายเวลายื่นอุทธรณ์
คดี‘ทักษิณ’ม.112ถึง22ต.ค.
“คปท.-กองทัพธรรม”ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดจี้อุทธรณ์คดี ม.112 ที่ศาลยกฟ้อง“ทักษิณ” ด้านโฆษกอัยการสูงสุดเผยได้ขยายเวลาอุทธรณ์ถึง 22 ตุลาคมนี้ “เอม-ปอ” ตัวแทนครอบครัวชินวัตรเข้าเยี่ยมทักษิณในเรือนจำกลางคลองเปรมครั้งที่ 3 ขณะที่ “อุ๊งอิ้งค์” ติดภารกิจ โดยจะมาเยี่ยมในวันที่ 25 กันยายน ด้าน “ทนายวิญญัติ” เผยลูกความกำลังใจดี เหน็บคนอุทธรณ์คดี ม.112 เป็นฝ่ายตรงข้าม หรือเป็นคนที่ไม่ปรารถนาดี กรมราชทัณฑ์ยัน“ทักษิณ”ยังคงอยู่ภายในเรือนจำ ไม่มีการย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตามที่มีกระแสข่าวลือ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 กันยายน 2568 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทยหรือ คปท.นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล และกองทัพธรรม ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อให้อัยการสูงสุด พิจารณา ยื่นอุทธรณ์คดี มาตรา 112 ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลย ที่ศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยกลุ่มมวลชนได้มีการถือป้ายเรียกร้องให้อัยการยื่นอุทธรณ์คดีนี้
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่าย คปท. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยมาติดตามคดี ที่นายทักษิณ ตกเป็นจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งเรื่องนี้ศาลพิพากษายกฟ้องนายทักษิณทั้ง 2 ข้อหา โดยในช่วงหนึ่งของคำพิพากษาศาลให้ความเห็นว่าทางอัยการโจทก์ไม่นำสืบสมการในการพิสูจน์ ทำให้ทั้งนักวิชาการ และคนไทยมีข้อสงสัย และมีคำถามว่าในฐานะที่อัยการเป็นโจทก์ได้มีการดำเนินการครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ รวมถึงเรื่องคลิปวิดีโอ ว่ามีการพิสูจน์ครบถ้วนจริงหรือไม่ หรือคลิปมีการตัดต่อหรือไม่ และมองว่าอัยการอาจจะทำให้สำนวนในคดีนี้อ่อน ท้ายสุดแล้วศาลจะพิพากษาว่าอย่างไรก็อยากให้คดีไปถึงที่สุดก่อน ไม่ควรตัดต่อเฉพาะศาลชั้นต้นเท่านั้น
เมื่อถามว่าทางอัยการมีการขยายระยะเวลาไปเป็นวันที่ 22 ตุลาคม 2568 หากครบกำหนดแล้วยังไม่มีมีการยื่นอุทธรณ์จะมีการติดตามหรือไม่ นายพิชิต ระบุว่าเราติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 22 ตุลาคมเราก็จะมีการติดตามเร่งรัด ให้อัยการส่งสำนวนที่มีความรัดกุมมากกว่านี้ ซึ่งถ้าหากทางอัยการไม่ยื่นอุทธรณ์ อาจจะเข้าข่ายความผิด มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อัยการอาจจะกลายเป็นจำเลยเองเนื่องจากปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และอัยการเองเป็นทนายแผ่นดิน ต้องทำหน้าที่ปกป้องพระเกียรติภูมิให้ถึงที่สุดการไม่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ปกป้องพระเกียรติภูมิของพระมหากษัตริย์ให้ถึงที่สุดเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงต้องต่อสู้คดีถึงที่สุดไม่ควรจบลงที่ศาลชั้นต้นควรให้เรื่องไปถึงศาลฎีกาเพื่อให้สิ้นกระแสความ
เมื่อถามว่าขณะนี้นายทักษิณเองก็ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำกลางของเปรมแล้ว นาย พิชิตระบุว่าเป็นคนละส่วนเป็นคนละคดีกัน ในคดีที่ถูกจำคุกเป็นคดีทุจริตและศาลสั่งให้กลับไปจำคุกเนื่องจากไม่ได้มีการจำคุกจริง เนื่องจากตัวนายทักษิณไปอยู่ชั้น 14 ของรพ.ตำรวจระหว่างคำพิพากษา ซึ่งผลจากคดีนั้นทำให้นายทักษิณอาจจะโดนคดีใน ป.ป.ช. เนื่องจากสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่มีการกระทำความผิด ซึ่งคดีมาตรา 112 ก็เป็นอีกคดีหนึ่งที่จะต้องมีการยื่นอุทธรณ์
ด้านนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้รับมอบหนังสือ เปิดเผยว่าขณะนี้ทางอัยการสูงสุดได้มีการขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปแล้ว โดยศาลอนุญาตขยายเวลาเป็นวันที่ 22 ต.ค.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเอกสารที่ทางกลุ่มคปท.และกองทัพธรรม นำมายื่นในวันนี้ จะนำเอกสารดังกล่าวนำเรียนให้กับอัยการสูงสุดพิจารณาประกอบว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
วันเดียวกัน เวลา 10.30 น. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน เเขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยทีมงาน ได้เดินทางมายังบริเวณอาคารศูนย์บริการงานเยี่ยมญาติผู้ต้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อประสานทำเรื่องขอเยี่ยมในส่วนของครอบครัวนายทักษิณ โดยนายวิญญัติ ได้กล่าวทักทายกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมาจาก จ.ปทุมธานี จ.ชลบุรี จ.กาญจนบุรี และระบุสั้นๆ ว่า นายทักษิณรับรู้ว่ามีพี่น้องมาคอยให้กำลังใจอยู่ด้านหน้าเรือนจำฯ ท่านทราบเรื่องนี้ ก่อนขอตัวจากวงสื่อมวลชน เพื่อเตรียมเข้าไปเยี่ยมนายทักษิณภายในเรือนจำกลางคลองเปรม
เวลา 10.55 น. น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวคนกลางของนายทักษิณ พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ หรือปอ ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณได้เดินทางมาถึงเรือนจำกลางคลองเปรม โดยขบวนรถได้จอดอยู่ด้านหน้าทางเข้าเรือนจำ จากนั้นจึงได้เดินเข้าประตูเรือนจำไปเยี่ยมนายทักษิณ ซึ่งเป็นการเยี่ยมครั้งที่ 3
ทันทีที่เดินทางมาถึงได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงพูดให้กำลังใจแก่ครอบครัวชินวัตรซึ่ง น.ส.พินทองทาได้กล่าวทักทายก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในเรือนจำฯ โดยวันนี้ น.ส.พินทองทา แต่งกายด้วยเสื้อสูทแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีเทา มัดรวบผมหางม้า ส่วนนายปิฎก สวมสูทแขนยาวสีกรมท่าเข้มทับในเชิ๊ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ
ต่อมา เวลา 12.00 น. นางสาวพินทองทา และนายปิฎก ก็ได้ออกจากเรือนจำหลังเข้าเยี่ยมนายทักษิณกว่า 1 ชั่วโมง พร้อมยกมือไหว้สื่อมวลชน และกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจ และฝากขอบคุณทุกคนด้วย ซึ่งนางสาวพินทองทากล่าวว่า กำลังใจถือเป็นส่วนสำคัญ แต่อาการป่วยของร่างกายก็มีอยู่แล้ว แต่นายทักษิณเป็นคนอดทน และคิดบวก จึงไม่แสดงความไม่ไหวออกมาให้เราเห็น แม้ว่าร่างกายจะมีอาการป่วยก็ตาม และกล่าวว่า “เป็นห่วงสุขภาพคุณพ่อ” ก่อนเดินขึ้นรถกลับไปทันที
ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมว่า วันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ที่เข้าเยี่ยม หลังจากเข้าเยี่ยมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา โดยตลอด 3 วันที่ผ่านมาที่ไม่ได้เข้าเยี่ยม ซึ่งก็มีความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของนายทักษิณ เพราะมีโรคประจำตัวตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำ คืออาการปวดเกี่ยวกับระบบกระดูก ทั้งต้นคอ และไขสันหลัง หรือปวดแขนขาบ้าง ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีการนัดตรวจกับจิตแพทย์ก็มีการเลื่อนนัดออกไป ซึ่งวันนี้หลังรับประทานทานอาหารเที่ยงคาดว่าน่าจะมีแพทย์เข้ามาตรวจสุขภาพ เนื่องจากนายทักษิณได้ทำการร้องขอกับเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนการตรวจก็จะเป็นการเอ็กซเรย์ทั่วไปตามระบบผู้ต้องขังปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีการเอ็กซเรย์ปอดไปด้วย เพราะเป็นอาการต่อเนื่องจากโควิด-19
เมื่อถามว่าวันที่เกิดอาการเมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 ก.ย.) นายวิญญัติ ย้ำว่า อย่างที่บอกว่าข่าวก็คือข่าว ข่าวมีทั้งจริงและไม่จริง หรือบิดเบือน แต่ก็ยืนยันว่าท่านไม่ได้ออกไปข้างนอก ส่วนที่มีอาการเจ็บป่วย ท่านก็เหมือนร้องขอไปแล้ว วันนี้ก็เป็นวันทำการ แพทย์ก็สามารถเข้ามาตรวจได้ แต่ถ้าเป็นเสาร์หรืออาทิตย์ ถ้ายังไม่หนักมาก ก็คงยังไม่เข้าตรวจ ส่วนว่าปวดมาหลายวันหรือยังนั้น ท่านก็ปวดมาตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำ แต่ท่านเป็นคนอดทน บางคนอาจเห็นว่าไม่เห็นป่วยเลย ไม่แสดงอาการ ซึ่งท่านได้ร้องขออย่างไรนั้น ตนไม่ขอลงรายละเอียด เพราะการร้องขอเป็นเรื่องของท่านกับเจ้าหน้าที่ เราไม่ได้สอบถามขนาดนั้น แต่ยืนยันว่าท่านป่วย
ต่อข้อถามว่าทนายความต้องพิจารณาอะไรเพิ่มเติมในเรื่องของการเจ็บป่วยหรือไม่ ว่าถ้าตรวจแล้วจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนใดต่อไปนั้น นายวิญญัติ ระบุว่า ขั้นตอนคือเราจะต้องมีฐานข้อมูลให้กับแพทย์และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งตนเชื่อว่าเดิมเขามีอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าถังข้อมูลเดิม บางอย่างเป็นเอกสารที่ทางเราสงวนไว้ ก็อาจจะมีเพิ่มเติมเข้าไป เพื่อยืนยันว่าผลการตรวจ หรือการเป็นโรคของท่าน ข้อมูลเดิม ๆ ผลการตรวจไม่ว่าจะเป็นผลการตรวจทางเครื่องมือแพทย์อะไรต่าง ๆ มีอย่างไรบ้าง เราก็ต้องเสนอเข้าไป
ส่วนกระบวนการปฏิบัติต่อไปต้องดูเป็นขั้นเป็นตอน ต้องดูว่าหน้างานเป็นอย่างไร เพราะทั้งหมดทั้งปวงเราไปก้าวล่วงความเห็นแพทย์ไม่ได้ จึงเชื่อว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องขังหรือนักโทษก็อยากอยู่ใกล้หมออยู่แล้ว ถ้าเรามีความสามารถหรือมีกำลัง นี่ถ้าถามแบบนี้ตนเข้าโครง การ 30 บาทเลยนะ เพราะประชาชนได้ประโยชน์ ทุกคนอยากไปหาหมอ เพราะเราไม่ใช่หมอ แค่เป็นไข้เป็นหวัดเราก็อยากหาหมอแล้ว ถ้าฝืนทนได้ก็ฝืน อยากให้หายเอง แต่ถ้าอาการป่วย ทุกคนก็อยากหาหมอทั้งนั้น ดังนั้น ที่นักข่าวถามตน ในฐานะที่เราและประชาชนก็เป็นห่วงเป็นใยท่าน ตัวท่านเองก็อยากหาหมอ แต่ก็อยู่ภายใต้ระเบียบของเรือนจำฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความคาดหวังให้นายทักษิณ เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล หลังจากการตรวจพบแพทย์หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ก็เป็นความคาดหวังของผู้ป่วยทุกคนที่อยากอยู่ใกล้ชิดแพทย์ ซึ่งในส่วนของคนใกล้ชิดเองก็จะรู้สึกสบายใจกว่าด้วยเช่นกันถ้าหากได้อยู่ใกล้ชิดแพทย์ แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่ขอก้าวล่วงคำวินิจฉัยของแพทย์
ส่วนกรณีที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ไปร้องอุทธรณ์เรื่องมาตรา 112 กับอัยการสูงสุดนั้น ทนายวิญญัติ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการ ส่วนใครจะร้องเรียนอะไรก็เป็นสิทธิ์ เพราะผู้ร้องเรียนเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ที่ไม่หวังดีกับเราอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการในการสู้คดี
นายวิญญัติ ยังบอกด้วยว่าจะมีการเข้าเยี่ยมนายทักษิณอีกครั้งในวันที่ 25 ก.ย.นี้ แต่ยังไม่ระบุว่าใครจะเข้าเยี่ยมบ้าง
ทางด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 11.20 น. โดยผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสาเหตุที่ไม่ได้ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำคลองเปรมในวันนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ติดงาน จะไปเยี่ยมในวันที่ 25 กันยายน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในห้วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวลือสะพัดว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำฯได้นำตัวนายทักษิณไปตรวจสุขภาพร่างกายที่ทัณฑ สถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังจากที่มีอาการอ่อนเพลีย รวมถึงมีอาการปวดตามร่างกาย เนื่องจากนายทักษิณมีโรคประจำตัว เพื่อเป็นการตรวจเช็คอาการตามโรค และหลังเข้ารับการตรวจเสร็จสิ้น ก็นำตัวกลับเข้ามาที่เรือนจำกลางคลองเปรม
ก่อนหน้านี้ นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ได้ชี้แจงว่า ราชทัณฑ์ไม่ได้มีการส่งตัวนายทักษิณเข้าโรงพยาบาลแต่อย่างใด ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นายทักษิณยังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม ส่วนอาการของนายทักษิณยังคงอ่อนเพลียและปวดตามร่างกายอยู่บ้างตามปกติของผู้สูงอายุ และเมื่อเปิดทำการในวันที่ 22 ก.ย. ก็มีคิวนัดพบแพทย์ โดยแพทย์จะเข้ามาตรวจที่เรือนจำเป็นปกติอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี