กต.พร้อมแจงประชาคมโลก เดินหน้าพูดข้อเท็จจริงปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.พร้อมแจงประชาคมโลก เดินหน้าพูดข้อเท็จจริงปมชายแดนไทย-กัมพูชา

วันอังคาร ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568, 18.05 น.

กต. ย้ำไทยจะใช้โอกาสต่างๆ ชี้แจงจุดยืน ท่าที ข้อเท็จจริงกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อประชาคมโลก

23 กันยายน 2568 เมื่อเวลา 14.30 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ในการติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะท่าทีไทย ต่อกรณีที่กัมพูชา ออกมาประท้วงในประเด็นต่างๆในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา


ประการแรก ต่อประเด็นการบังคับใช้กฎหมายไทย กลับพลเมืองกัมพูชา ที่ลุกลามเข้ามาประท้วงในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ขอยืนยันว่าไทย ได้บังคับใช้กฎหมายภายในของไทย กับบุคคลที่อยู่ในเขตแดนของไทย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวของฝ่ายไทยเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ และเป็นไปตามหลักสากล ที่ทุกประเทศยอมรับ

ประการที่สอง กรณีที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวหาว่าไทย จงใจบิดเบือนแผนผังที่แสดงลักษณะภูมิ ศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ที่ 42 และ 43 ว่าเป็นเขตแดนจริงนั้น ขอเรียนว่าฝ่ายไทย ไม่เคยระบุหรือยืนยันว่าแผนผังดังกล่าวกำหนดเส้นเขตแดน เพราะการเจรจาเรื่องเส้นเขตแดนอยู่ภายใต้อาณัติของกลไก คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ทั้งนี้ แผนผังที่ฝ่ายไทยนำแสดงดังกล่าวเป็นเพียงการนำพิกัดหลักเขตแดนไปทำภาพจำลองเส้นเขตแดน บนแผนที่แบบไม่เป็นทางการเท่านั้น เพื่อความเข้าใจของประชาชนทั่วไป

ประการที่สาม สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่าไทยละเมิด MOU  2543 ว่าด้วยการสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนทางบกนั้น กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาเอง ที่เป็นผู้ละเมิด MOU ดังกล่าว โดยปล่อยให้มีการสร้างอาคาร สถานที่ บ้านเรือน ชุมชน ทั้งในเขตพื้นที่ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และในเขตที่เป็นอธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายไทยได้ทำการประท้วงในกรอบ MOU แล้ว กว่า 500 ครั้ง ในห้วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉย และไม่ยอมแก้ไข

ประการที่สี่ สำหรับกรณีที่กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียดตามข้อตกลงหยุดยิงนั้น ตนขอย้ำว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยใช้ความอดทน อดกลั้นสูงสุดมาโดยตลอด เราปฏิบัติการทางการทหารทุกครั้ง เป็นไปเพื่อป้องกันตนเอง รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและประกันความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนทั้งสองฝ่าย ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชา เป็นฝ่ายที่ละเมิดพันธะกรณีข้างต้น โดยเป็นผู้สนับสนุนปลุกปั่นและจัดฉากให้ประชาชนกัมพูชา ออกมาชุมนุมประท้วงด้วยท่าทีที่ก้าวร้าว ก่อความไม่สงบในดินแดนไทย  และใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ทั้งนี้ ฝ่ายไทยใช้ตำรวจควบคุมฝูงชน ในการควบคุมสถานการณ์ที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ไม่ได้ใช้กองกำลังทหาร อย่างที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวหา ซึ่งการดำเนินการตามกฏหมายภายในของประเทศ ก็เป็นไปตามหลักการและมาตรฐานสากล

ประการสุดท้าย ฝ่ายไทยขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา หยุดขยายชุมชนลุกล้ำเขตแดนไทย และแจ้งให้ประชาชนของตนที่ล่วงล้ำเขตอธิปไตยของไทย ย้ายออกนอกพื้นที่ รวมทั้งยุติการปลุกระดมจัดฉากให้เด็ก สตรี และพระสงฆ์ออกมา ประท้วงรับหน้าแทน ซึ่งจะส่งผลให้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศยิ่งราวลึก

ขอยืนยันว่าฝ่ายไทยเคารพในพันธกรณี ยึดมั่น และปฏิบัติตามกลไก JBC และข้อตกลงหยุดยิงมาโดยตลอด ไทยผิดหวังที่กัมพูชายังคงบิดเบือนความจริงต่อประชาคมโลก และประชาชนของตนเองอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ไทยเรียกร้องขณะนี้คือการแสดงความจริงใจผ่านการกระทำของกัมพูชาในการแก้ไขปัญหา ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ไทยไม่ได้ก่อ และไม่ได้เป็นประโยชน์ใดๆแก่ประเทศไทย

ทั้งนี้ ไทยได้ดำเนินการและจะยังคงใช้โอกาส ต่างๆชี้แจงถึงจุดยืน ท่าที และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อประชาคมโลก เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่รักสงบ มีความมุ่งมั่นที่จะยุติความขัดแย้งกับกัมพูชาโดยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่

ไทยได้ดำเนินการทุกอย่าง บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสากลต่างๆ ซึ่งสวนทางกับการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ที่แม้จะพยายามยืนยันว่าประสงค์จะแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี แต่กลับพยายามแสดงตนเป็นเหยื่อ เพื่อนำปัญหาไปสู่เวทีระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงถึงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา ไทยขอย้ำว่าปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไทยไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะไม่ได้ส่งผลดีใดๆเลย กลับประเทศชาติและประชาชนของทั้งสองประเทศ และประเทศไทยมีความจริงใจ สุจริตใจ และตั้งใจจริงที่จะหาทางออกร่วมกันอย่างสันติกับกัมพูชา

นายนิกรเดช กล่าวถึงการประชุมและกิจกรรมคู่ขนานระดับสูงในช่วงสัปดาห์ผู้นำของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 (UNGA 80 High-level Week) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่  23-29 ก.ย.2568  ซึ่งการประชุม สมัชชาฯมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและถือเป็นเวที พหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในทุกๆปี 1.เพื่อให้ผู้นำและผู้แทนระดับสูงของแต่ละประเทศได้กล่าวอภิปรา เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่ประสงค์จะผลักดันในเวทีระหว่างประเทศ ในฐานะรัฐสมาชิกที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมโลกและสนับสนุนระบอบพหุภาคี และ 2. จะเป็นโอกาสให้ไทยได้พบผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติ และประเทศต่างๆ เพื่อชี้แจงท่าทีไทยในประเด็นสำคัญๆ

ในปีนี้ ประธานของ การประชุมสมัชชา ได้กำหนดหัวข้อ ของการประชุมสมัชชา สมัยสามัญครั้งที่ 80 ว่า ”Better Together: 80 years and more for peace, development and human rights“ ให้รัฐสมาชิกสะท้อนถึงประโยชน์และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากพลังการขับเคลื่อนสันติภาพการพัฒนาและสิทธิมนุษยชนรวมกัน

สำหรับประเด็นที่ไทยจะให้ความสำคัญ ในสมัยการประชุมสมัชชาครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรื่องการส่งเสริมสันติภาพ และความมั่นคงที่ยึดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และกฎหมายระหว่างประเทศเป็นที่ตั้ง การร่วมกันกำหนดทิศทางและเครื่องมือสำคัญเพื่อรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก บทบาทของไทยในการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์และการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมกับการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนโดยยึดหลักการมนุษยธรรม

ในส่วนของหัวหน้าคณะของผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมประชุม สมัชชาครั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมความพร้อมสำหรับการสนับสนุนการเข้าร่วมของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอรอความแน่นอน จากการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ ในวันที่ 24 กันยายน นี้อีกครั้งหนึ่ง โดยตนจะแจ้งความชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 25 กันยายน 2568 นี้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทุกเวทีในการประชุม ส่วนใหญ่ทางกัมพูชา จะใช้โอกาสนี้สอดแทรกเรื่องของชายแดนเข้าไป ทางประเทศไทยเตรียมรับมืออย่างไรบ้าง

นายนิกรเดช กล่าวว่า ตอนนี้กระทรวงการต่างประเทศเตรียมพร้อมหลายประเด็น หากหลังประชุม ครม. ในวันที่ 24 นี้แล้ว ถ้านายกรัฐมนตรีและหรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชา ก็จะมีการกล่าวสเตทเม้นท์ ซึ่งคงจะพูดในภาพกว้างในเรื่องที่ไทยสนับสนุนวาระขององค์การสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ก็มีเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามหากฝ่ายกัมพูชา หยิบยกหรือสอดแทรกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไทย เราก็มีกลไกลหนึ่ง คือ สิทธิในการตอบโต้ โดยไทยก็ได้เตรียมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้เดินทางไปประชุมสมัชชาด้วยตนเอง ผู้แทนของกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงใดจะไปชี้แจงแทน

นายนิกรเดช กล่าวว่า ก็จะลดหลั่นลำดับลงมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตไทยประจำคณะผู้แทนถาวรไทยในนิวยอร์ก ซึ่งผู้แทนสามารถกล่าวสเตทเม้นท์ได้  ส่วนผู้ที่จะเข้าร่วมประชุมซึ่งการประชุมนั้นมีหลายกรอบมาก ซึ่งก็มีอธิบดีหลายท่านที่จะไปเข้าร่วมเป็นผู้แทนต่างๆ นอกเหนือจากเอกอัครราชทูตไทยที่นครนิวยอร์ก ก็มีอธิบดีองค์การระหว่าง อธิบดีกรมอาเซียน อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมถึงอธิบดีกรมสารนิเทศก็เดินทางไปด้วย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top