ฝากการบ้านถึง‘รัฐบาลอนุทิน’ 3 เรื่อง‘ต้องทำ’ 2 เรื่อง‘ต้องห้าม’
24 กันยายน 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “3 ต้อง 2 ไม่ ของรัฐบาลอนุทิน” ระบุว่า...
3 ต้อง 2 ไม่ ของรัฐบาลอนุทิน
หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฏิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลำดับถัดไปจะต้องแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งนายอนุทินได้แจ้งต่อประธานรัฐสภาว่า พร้อมที่จะแถลงนโยบายในวันที่ 29-30 กันยายนนี้ ซึ่งการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด คือบริหารประเทศภายใน4เดือน นโยบายคงจะไม่ยาวมากนัก ถ้าได้ติดตามข่าวจะเห็นว่ามีประมาณไม่เกิน8หน้า ซึ่งเป็นนโยบายที่ครอบคลุมทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
แต่ในฐานะที่ผมเป็นผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง อยากจะเสนอแนะต่อนายอนุทินว่า ระยะเวลาเพียง4เดือน ที่รัฐบาลชุดนี้จะบริหารประเทศ จึงอยากเสนอนโยบายเพียงสั้นๆ ให้พิจารณาคือ “นโยบาย 3 ต้อง 2ไม่” ความหมาย 3 ต้อง คือ รัฐบาลอนุทินจะต้องทำใน 3 ข้อ คือ
1.แก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
เพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมาตั้งแต่รัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งระหว่างคน 2 ตระกูล คือตระกูลครอบครัวของนายทักษิณ ชินวัตร กับครอบครัวของสมเด็จฮุน เซน จนไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาได้ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลของนายอนุทิน เงื่อนไขการเจรจาน่าจะง่ายลง และเป็นทางลงของรัฐบาลนายฮุน มาเนต ด้วย ถ้ามีการเจรจากัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็น่าจะทำให้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชายุติลงได้ และจะเป็นผลงานของรัฐบาลอนุทิน ซึ่งนโยบายนี้ไม่มีความยุ่งยากอะไร สามารถทำได้ในทันที
2.การกระตุ้นเศรษฐกิจ
ไม่ต้องมีโครงการอะไรมากมายที่จะต้องทำ และเป็นโครงการที่มีความสลับซับซ้อน ใช้เงินไม่มากเกินไป ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ให้นำเอาโครงการเฉพาะหน้า ที่ประชาชนต้องการ และประชาชนเรียกร้องคือ นำนโยบายคนละครึ่ง ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามาใช้ เพราะในห้วงเวลา4เดือนนี้ ถ้าใช้นโยบายคนละครึ่ง น่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีที่สุด จึงไม่จำเป็นต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นใดขึ้นมาอีก
3.รัฐบาลอนุทินจะต้องทำตาม MOA ที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน
คือการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบเรื่องที่มาของสสร.เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เร่งเสนอกฎหมายการได้มาซึ่งสสร.และควรให้พรรคการเมืองทุกพรรค ที่เสนอร่างกฎหมายสสร.มาพูดคุยกัน เพื่อให้ตกผลึกทางความคิด และหาข้อยุติ เพื่อสามารถทำประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทันตามที่ตกลงไว้ใน MOA
ส่วน 2 ข้อ ที่ไม่ควรทำนั้น คือ
1.รัฐบาลอนุทินไม่ควรจะไปแตะต้องแทรกแซงหรือดำเนินการใดๆ ต่อคดีฮั้วส.ว. และคดีที่ดินเขากระโดง
แม้ว่าจะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มบุรีรัมย์ก็ตาม ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงหรือดำเนินการใดๆ ให้เป็นที่เคลือบแคลง น่าสงสัยของสังคม มิฉะนั้นประเด็นนี้จะเป็นประเด็นสายล่อฟ้า และประเด็นที่จุดติดขึ้นมา จะทำให้รัฐบาลอนุทินไปก่อนระยะเวลา4เดือนตามที่กำหนดไว้
2.ไม่ควรมีโครงการแบบเมกะโปรเจกต์ หรือโครงการใหญ่ๆ
อย่างเช่นการโฆษณาปัดฝุ่นโครงการแลนด์บริดจ์ ที่ลงทุนเป็นแสนล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่เกินไป และต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ต้องใช้งบผูกพัน รัฐบาลอนุทินไม่ควรจะทำโครงการใหญ่ๆ และโครงการที่มีงบผูกพัน เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นเพียงรัฐบาลเฉพาะกิจ
จึงอยากเสนอความเห็นมายังรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าในห้วงระยะเวลาเพียงสั้นๆอย่างนี้ ขอให้ยึดแนวทาง 3 ต้อง 2 ไม่ ตามที่ได้เสนอมา และหวังว่า 3 ต้อง 2 ไม่ ที่นำเสนอนี้จะทำได้เสร็จในระยะเวลาจำกัด ไม่เกิน4เดือน
จึงฝากการบ้านให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูลได้พิจารณา
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี