‘กมธ.ปกครอง’ลุยสอบ‘ส่วยสัญชาติ’ เผยมีหลักฐานในมือแล้ว 4-5 เคส จี้‘กรมการปกครอง’ลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริงหวัง‘นายกฯ’แก้ปัญหาจริงจัง
24 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมกมธ.วันนี้ ว่า มีวาระพิจารณาศึกษาและติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจะกรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรแต่ไม่ได้สัญชาติไทย โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ดังนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สำหรับประเด็นที่จะพูดคุยวันนี้คือ
1. จริงหรือไม่ในประเด็นที่มีการร้องเรียนว่าบุคคลบางกลุ่มใช้ช่องทางนโยบายของรัฐบาลไปหาประโยชน์โดยการไปเรียกรับเงินหรือหาผลประโยชน์ใดๆจากพี่น้องประชาชนที่ควรจะได้รับสิทธิ์สัญชาติไทย และ
2.วิธีการและขั้นตอนในการอำนวยความสะดวกเนื่องจากมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาช่วงปลายปีที่แล้ว และโครงการดังกล่าวมีระยะเวลา 1 ปี จะไปสิ้นสุดโครงการช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2569 เท่ากับยังมีเวลาเหลือมากพอสมควรที่มอบสัญชาติให้ แล้วติดขัดปัญหาตรงไหนแต่จากที่ติดตามข่าวพบว่าต้องมีการจัดคิว จึงคาดว่าจะมีปัญหาในเรื่องของกำลังคน ซึ่งนโยบายของรัฐบาลถือเป็นเรื่องใหญ่ของกระทรวง จึงควรมีการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
“หลังจากที่เราได้เปิดช่องทางรับเรื่องร้องทุกข์ ก็มีประชาชนให้เบาะแสเข้ามาเป็นเอกสารที่มีการสนทนากับบุคคล ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่แล้วไปเรียกรับเงินกับประชาชน ที่เข้ามาติดต่อขอสัญชาติ โดยเรามีหลักฐานเรื่องของการโอนเงิน ซึ่งคนที่แจ้งเบาะแสเข้ามาบอกว่าเรียกรับเงินเป็นจำนวน 3 หมื่นบาท เป็นค่าดำเนินการ แต่ต้องโอนค่ามัดจำไปก่อน 1 หมื่นบาท แต่คนที่แจ้งเบาะแสมานั้น บอกว่าเขามีแค่ 8 พันบาท กำลังจะไปหาอีก 2 พันบาท” นายกรวีร์ กล่าว
ทั้งนี้ เราต้องไปดูว่ามีความเชื่อมโยงถึงผู้มีอำนาจ ทั้ง ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ซึ่งตนเชื่อว่าบุคคลเหล่านั้นมีหลักฐานเพราะเขาอยู่ในพื้นที่ เขาอาจกังวลเรื่องความปลอดภัยสถานะของตัวเขาทำให้เขาอาจจะไม่กล้าออกมาเป็นพยานให้ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางอธิบดีและรองอธิบดีกรมการปกครอง นายอำเภอและผู้ว่าฯ ต้องจริงจังกับเรื่องนี้ โดยเอกสารที่ได้รับมาทั้งหมดจะส่งต่อไปให้กรมการปกครอง เพื่อให้กรมการปกครองได้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ใครที่ทำผิดต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด และต้องถูกปราบปราม เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจของรัฐในทางที่ไม่ชอบ เพื่อไปหากินบนความเดือดร้อนของประชาชน
เมื่อถามว่า สามารถระบุได้หรือไม่ว่าที่ได้รับแจ้งมามีทั้งหมดกี่เคส นายกรวีร์ กล่าวว่า อย่างน้อย 4-5 เคส และทราบมาว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมการปกครองได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปลงพื้นที่หน้างานเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐาน โดยในการประชุมกมธ. คงได้มีการพูดคุยว่าเกิดในพื้นที่ใดบ้าง นายอำเภอและผู้ใหญ่บ้านมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ปลัดอำเภอที่ดูแลเรื่องทะเบียนว่ารู้เห็นเป็นใจหรือไม่ หากพบว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทางกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลชุดใหม่ ที่นายกฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยนั้น ตนอยากเห็นความจริงจังและความเข้มงวด เอาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด
เมื่อถามว่า ระดับเจ้าหน้าที่ยศใหญ่กว่าปลัดอำเภอขึ้นไปหรือไม่ นายกรวีร์ กล่าวว่า ยังอยู่ที่ระดับอำเภอ เพราะเรื่องนี้สามารถทำเสร็จที่อำเภอได้ เป็นอำนาจของนายอำเภอ ซึ่งเรื่องนี้กรมการปกครองต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสืบหาข้อเท็จจริงให้ได้ ว่าเรื่องนี้จบที่แค่อำเภอหรือสูงกว่าระดับอำเภอ ดังนั้นกระทรวงมหาดไทยจะต้องทำให้เห็นเลยว่าเราจริงจังกับเรื่องนี้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี