ห้ามแตะหมวด1-2 ภท.ยื่นแก้รธน.ฉบับพรรคร่วมรบ.

ห้ามแตะหมวด1-2 ภท.ยื่นแก้รธน.ฉบับพรรคร่วมรบ.

วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“ภูมิใจไทย”นำยื่นร่างแก้รธน.ตามสัญญา“ฉบับพรรคร่วมรัฐบาล” เปิดทางมี“ส.ส.ร.”ผ่าน“ตัวแทนจังหวัด-ผู้เชี่ยวชาญ” ยัน“พูดแล้วทำ”เดินตาม MOA ขอรอหารือใช้ฉบับไหนเป็นร่างหลัก ด้าน‘วันนอร์’เผยคุย‘วิป3ฝ่าย’เคาะวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 25 ก.ย.2568 พ่วงบรรจุวาระแก้รธน. เปิดสาระแก้รธน.ม.256‘พรรคร่วมรบ.ลดเสียงสว.เหลือเห็นชอบแค่ 50 เสียง-ให้สิทธิ‘รัฐสภา’เลือก‘สสร.’100% ขีดเส้นทำรธน.ใหม่ภายใน 360 วัน ห้ามแก้ระบอบการปกครอง ห้ามแตะหมวด 1 และ 2 พบมอบอำนาจ‘รัฐสภา’เป็นตะแกรงกรองรธน.ใหม่ ก่อนทำประชามติ

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 เวลา 11.30น. ที่รัฐสภา พรรคภูมิใจไทย นำโดยน.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เข้ายื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร


ภท.นำยื่นแก้รธน.ฉบับพรรคร่วมฯ

โดย น.ส.แนน บุณย์ธิดากล่าวว่าในนามพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้เรามายื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256ซึ่งมีรายชื่อ 100 กว่ารายชื่อที่เรารวบรวมกันมา เพื่อเสนอต่อประธานสภาฯในการบรรจุลงระเบียบวาระต่อไป และเป็นประเด็นที่พรรคภูมิใจไทยส่วนหนึ่งได้มีการนำเสนอไปแล้ว วันนี้ก็มีการยื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการบรรจุเข้าระเบียบวาระเพื่อพิจารณาพร้อมๆกับของพรรคอื่นๆต่อไป

เปิดทางมีสสร.ผ่านตัวแทนจังหวัด

สําหรับสาระสําคัญหลักๆเป็นเรื่องที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)ที่จะมีสัดส่วนทั้งการเลือกโดยรัฐสภา ซึ่งสมัครผ่านตัวแทนจังหวัด และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ผู้ที่เคยร่างรัฐธรรมนูญ หรือผู้เชี่ยวชาญรัฐธรรมนูญด้วยแต่ขณะนี้ เรื่องการที่จะผลักดันว่าร่างของพรรคใดจะเป็นร่างหลักนั้นคงต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง วันนี้พวกเราพร้อมจะยื่นตามที่เราสัญญาไว้ว่าจะทําเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น นี่ไม่ใช่สัดส่วนเฉพาะพรรคภูมิใจไทย แต่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคในการร่วมลงชื่อ

เมื่อถามว่านี่คือการแสดงการยืนยันว่าทําตาม MOAแน่นอนใช่หรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดากล่าวว่า”ใช่ค่ะ พูดแล้วทํา”

วันนอร์นัดถกเคาะวัน/พ่วงแก้รธน.

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จะนำเอกสารร่างฯ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องตามขั้นตอน และกฎหมายต่อไป ส่วนในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เวลา14.00น. จะนัดประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำหนดวันอภิปรายแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะนำเรื่องการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เข้าสู่ที่ประชุมในคราวเดียวกันด้วย ว่าจะกำหนดวันใดเป็นวันประชุม และจะนำร่างของพรรคการเมืองใดเป็นร่างหลัก

เปิดสาระแก้รธน.ม.256ฉบับรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงประเด็นการยื่นญัตติเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่พรรคภูมิใจไทยพร้อมด้วยพรรคร่วมรัฐบาลคือ พรรคกล้าธรรม พรรคประชาชน ร่วมลงชื่อสนับสนุนญัตติและยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผุ้แทนราษฎรฐานะประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ก.ย.นั้น

ลดเสียงสว.เห็นชอบแค่ 50 เสียง

สาระสำคัญของร่างแก้ไขดังกล่าว กำหนดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ซึ่งได้ปรับสัดส่วนของจำนวนเสียง สว.จะร่วมลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรกและวาระสาม จากเดิมที่กำหนดให้ต้องเห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 จากจำนวน สว.ที่มีอยู่ของวุฒิสภา ไปเป็น ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน สว.ที่มีอยู่ หากเทียบเกณฑ์สว.ที่มีปัจจุบัน 200 คน เท่ากับว่า เสียงของสว.ที่จะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะใช้น้อยลง จาก 67 เสียง เหลือเพียง 50 เสียงเท่านั้น

ให้สิทธิ‘รัฐสภา’เลือกสสร.100%

นอกจากนั้น ได้เพิ่มหมวดใหม่ 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่กำหนดให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกผู้สมัคร ที่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ลงสมัครจากจังหวัดต่างๆ จังหวัดละ 1 คน รวม 77 คน และ 2.กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ 22 คน แบ่งเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน 7 คน ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 7 คน และ ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินหรือการร่างรัฐธรรมนูญ ตามเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด 8 คน

ขณะที่คุณสมบัติของผู้รับเลือกเป็น สสร. จากจังหวัด กำหนดให้ต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี มีการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี เกิดในจังหวัดที่สมัคร มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครไม่น้อยกว่า 1 ปี เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งในจังหวัดที่จะสมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีการศึกษา เคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ หรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจังหวัดที่สมัคร ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี

ส่วนลักษณะต้องห้ามของผู้จะลงสมัครเป็น สสร. พบว่าได้อิงคุณสมบัติของผู้จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ ห้าม สส. สว. หรือข้าราชการการเมืองลงสมัคร ห้ามคนที่ถูกระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งชั่วคราว หรือ ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งลงสมัคร

ขีดเส้นทำ รธน.ใหม่ภายใน 360 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคร่วมรัฐบาลฉบับดังกล่าว กำหนดให้ต้องมีการเลือก สสร.ภายใน 90 วันนับแต่มีเหตุให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะทำหน้าที่รับสมัครบุคคลที่มีคุณสมบัติ โดยไม่จำกัดจำนวน จากนั้นให้ส่งให้ประธานรัฐสภา นัดประชุมเพื่อโหวตเลือกภายใน 20 วันนับจากที่ได้รับรายชื่อครบถ้วน ส่วนเกณฑ์การโหวตของสมาชิกรัฐสภานั้นกำหนดให้เลือกผู้สมัครจากจังหวัดต่างๆ จังหวัดละ 1 คน โดยให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดได้รับเลือก นอกจากนั้นกำหนดให้ทำบัญชีสำรองจากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดเรียงกัน 3 คน

ขณะที่การเลือกสสร.ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนั้น ให้สมาชิกรัฐสภาเลือกได้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ สำหรับผู้ที่จะได้รับคัดเลือกให้นับเรียงลำดับจากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด จนครบจำนวนที่กำหนดไว้ นอกจากนั้นให้ทำบัญชีสำรองประเภทละ 3 คนไว้ด้วย

สำหรับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในร่างของพรรคร่วมรัฐบาล กำหนดให้สสร. ตั้ง กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 45 คน โดยมาจากการเลือกกันเองของ สสร. จำนวน 30 คน และอีก 15 คนมาจากการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่ได้เป็น สสร. แต่ต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่ สำหรับเงื่อนไขของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร.กำหนดให้ ต้องทำให้เสร็จภายใน 360 วัน

ห้ามแตะหมวด 1-2ระบบการปค.

นอกจากนั้น ยังได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับเนื้อหาของการร่างรัฐธรรมนูญ ห้ามเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ รวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไปและหมวด 2 พระมหากษัตริย์ของรัฐธรรมนูญ 2560

เมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ให้นำเสนอต่อรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งออกแบบการพิจารณาของรัฐสภา เป็น 3วาระ ซึ่งนำเงื่อนไขของการรับหลักการและเห็นชอบในมาตรา 256 ที่ต้องได้เสียงสนับสนุนจาก สว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 และ สส.ฝ่ายค้าน 20%มาบัญญัติไว้ด้วย

เมื่อรัฐสภาเห็นชอบต้องนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปทำประชามติภายใน 7 วัน ทั้งนี้ได้กำหนดให้รัฐสภามีอำนาจตีตกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากพบเนื้อหาที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองหรือแก้ไขหมวด1 หมวด 2 สำหรับกรณีร่างรัฐธรรมนูญที่ตกไป กำหนดให้อำนาจ ครม. หรือ สส. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสภาฯ หรือ สว. และสว. ไม่น้อยกว่า1 ใน3 ของสองสภา เสนอญัตติต่อรัฐสภาให้มีมติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้อีก 1 ครั้ง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top