‘หนู’ลั่นยุบสภา31มกราคม69 ไม่มีใครบงการได้! การันตี‘ครม.’ทุกคนมีฝีมือ

‘หนู’ลั่นยุบสภา31มกราคม69 ไม่มีใครบงการได้! การันตี‘ครม.’ทุกคนมีฝีมือ

วันอังคาร ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

หนู’ลั่นยุบสภา31มกราคม69

ไม่มีใครบงการได้!

การันตี‘ครม.’ทุกคนมีฝีมือ

ครม.นัดแรกดันคนละครึ่ง

ชลน่าน’เหน็บ‘รบ.หนูเน’

ปชป.เย้ยรบ.ตกถังข้าวสาร

นายกฯแถลงนโยบายรัฐสภา ยึด 3 เสาหลัก ชู“คนละครึ่ง” สางปมชายแดนไทย-กัมพูชา ล้มกาสิโนถูกก.ม.ดันพัฒนาดิจิทัล-ปฏิรูป ก.ม.ให้คนไทยเข้าถึงการศึกษา-สธ. ด้าน“เท้ง” ขีดเส้นนับถอยหลังยุบสภา เดินหน้าประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ ย้ำภารกิจ4ข้อ เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ-ผลักดันกฎหมาย-ถ่วงดุลรบ.‘ชลน่าน’ฟันโช๊ะ’รัฐบาลหนูเน’เดือนยุบฯปูทางยาว4ปี ดันทุกองคาพยพเป็น’สีน้ำเงิน‘กินรวบประเทศ ระวังเจอ4หายนะ ยกนิ้วซูฮกแซะ‘ผู้นำจิตวิญญาณขึ้นแท่นเบอร์1’เดินยุทธศาสตร์เหนือชั้น นายกฯโต้เดือด ปมผู้นำ ยันไม่มีใครบงการได้ การันตีครม.มีฝีมือ พร้อมให้ตรวจสอบความโปร่งใส ยกคำ’แม้ว’สอนมวย’ชลน่าน’ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก ผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหาเริ่มทำงาน 1 ต.ค. ยันยุบสภา31มกราคม2569

เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 29กันยายน2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา162ของรัฐธรรมนูญ


โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นำทีม ครม.เข้าแถลงนโยบายรัฐบาล กล่าวว่า ครม.ขอแถลงหลักการบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายสำคัญของรัฐบาล จะยึดหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.พิทักษ์รักษาไว้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์2.ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ยึดมั่นหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายเป็นธรรม บริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานธรรมาภิบาล รัฐบาลกำหนดนโยบายสำคัญแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ เพื่อคืนความเชื่อมั่นและความสุขให้คนไทยดังนี้

หนู’ประกาศยึด3เสาหลัก-ชู’คนละครึ่ง’

1.ด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้ลดรายจ่ายให้ประชาชนในชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร จัดทำโครงการคนละครึ่ง บริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการการสร้างรายได้ 2.แก้ปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรมระหว่างสถาบันการเงินและผู้กู้ อาทิ แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนราย บุคคลในระบบ รายละไม่เกิน 1แสนบาท ลดปัญหาคนไทยติดกับดักหนี้ การเพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม รายละไม่เกิน1ล้านบาท ควบคู่กับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ลูกหนี้ที่มีวินัยชำระหนี้สม่ำเสมอ 3.เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย 4.ฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว สร้างความปลอดภัย และปราบปรามการฉ้อโกงนักท่องเที่ยว 5.เร่งแก้ปัญหาผลกระทบสงครามการค้า จัดตั้งทีมไทยแลนด์ ยกระดับการค้าเสรี

แก้ปัญหาชายแดนเน้นเจรจาสันติ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ด้านความมั่นคง เร่งแก้ปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชา ด้วยแนวทางสันติภาพ นำความมั่นคงปลอดภัยแก่ประชาชนตามชายแดนโดยเร็ว รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล และยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็งตลอดจนทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ ให้ความเห็นการยกเลิกบันทึกเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา นอกจากนี้จะดำเนินการนโยบายต่างประเทศเชิงรุกที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และเร่งแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชนคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เร่งปราบการพนัน-เยียวยาภัยพิบัติ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ด้านสังคม ปราบการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนการประกอบธุรกิจพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจพนัน รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์ จะแก้ไข พรบ.การพนัน เพื่อควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนันให้มากที่สุดการรักษาหลักนิติธรรมเคร่งครัด ให้ถือว่าการกระทำของเจ้าพนักงานของรัฐในกรณีเหล่านี้เป็นการทำความผิดวินัยร้ายแรง ต้องดำเนินคดีอาญาเด็ดขาด การพิทักษ์คุ้มครองพระพุทธ ศาสนาและศาสนาอื่น ขณะที่ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัย พัฒนาเครือข่ายเตือนภัยพิบัติในพื้นที่ความเสี่ยงสูง เยียวยาฟื้นฟูผู้ประสบภัยเร่งด่วน ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเชื่อมโยงกันทั้งระบบเสนอร่างกฎหมายยกระดับการบริหารภาครัฐ และอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชน

บริหารการเงินภายใต้กรอบวินัย

“รัฐบาลมีความมุ่งมั่นบริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ควบคู่กับการวางรากฐานประเทศนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรม ยึดประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง สร้างความเชื่อมั่นการดำเนินนโยบายการคลังให้น่าเชื่อถือ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง เน้นการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี2569 เป็นหลัก จะใช้จ่ายงบประมาณด้วยความรอบคอบ ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะบริหารราชการแผ่นดินให้สามารถแก้ปัญหาประเทศ พร้อมวางรากฐานพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อความอยู่ดี มีสุขของประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

เท้ง’ขีดเส้นนับถอยหลังต้องยุบสภา

เวลา 10.00 น.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯลุกอภิปรายเป็นคนแรกกล่าวอภิปรายนโยบายรัฐบาล ว่า วันนี้เป็นหมุดหมายแรกที่รัฐบาลเข้าทำหน้าที่ภายใต้กรอบระยะเวลา 4 เดือนอย่างเป็นทางการแล้ว ยังถือว่าเป็นหมุดหมายแรกของตนและพรรคประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อนับถอยหลังสู่การยุบสภา แล้วมุ่งหน้าสู่การจัดทำประชามติสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ลองหันมาดูที่รุ่นตนและเพื่อนสมาชิกอีกหลายคนที่เกิดในยุคปี2530 ผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นมากับการปฏิวัติรัฐประหารปี2549 การปฏิวัติครั้งแรกในชีวิตตนๆ ยังจำความไม่ได้นั่นคือเกิดขึ้นในปี 2534 แต่ที่ตนจำความได้คือ 19 ปีนับตั้งแต่การปฏิวัติปี 2549 ที่ทำให้ชีวิตตนต้องผ่านการปฏิวัติรัฐประหารเพิ่มอีก 2ครั้ง

ผู้ยกร่างรธน.ต้องยึดโยงประชาชน

นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่า ถ้าเราจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชน เพราะเราต้องการรัฐบาลที่มีความโปร่งใสมีประสิทธิภาพและมีความชอบธรรมยึดโยงกับประชาชน การทำหน้าที่ของเรา 4เดือนต่อจากนี้ทั้งตนและนายกฯ จะเป็นสิ่งที่ประชาชนใช้ตัดสินเราในวันหน้า ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนจะทำหน้าที่ในช่วง 4เดือนจากนี้ ในสภาวะรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือฝ่ายค้านเสียงข้างมาก คือ 1.การเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายใน4 เดือน เราต้องผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด15/1 ให้เสร็จก่อนการยุบสภา โดยที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญต้อง ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 2.เราสามารถผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้มากที่สุดภายในช่วงเวลาไม่ถึง1เดือน สภา สามารถผ่านกฎหมายวาระ3และวาระ1ได้ 11ชุด ครอบคลุมเศรษฐกิจการเมืองและคุณภาพชีวิต

ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม

3.ช่วง4เดือนนี้ รัฐบาลชุดใหม่ สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทางเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต ความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึง ปัญหาที่ตกค้างมาจากรัฐบาลชุดก่อนได้หลายเรื่อง 4.ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านจะยังทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะพรรคประชาชนไม่ได้ใช้เสียงของพวกเราโหวตให้นายอนุทิน เพื่อให้รัฐบาลใหม่ เอาอำนาจไปใช้โดยไม่ชอบ หรือเพื่อสนับสนุนการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีความเหมาะสมมาเป็นรัฐมนตรี หรืออนุญาตให้รัฐรัฐบาลไปแทรกแซงการดำเนินคดีทั้งเรื่องเขากระโดง หรือฮั้ว ส.ว.หรือการตรวจสอบคดีทุจริตในรัฐบาลที่ผ่านมา ตนและพรรคประชาชนใช้เสียงของพวกเรา เพื่อมุ่งหวังให้ 4 เดือนต่อจากนี้ เป็นโอกาสที่สำคัญในการเปิดประตูสู่อนาคตใหม่ของประเทศ ประเทศ ที่เมื่อทุกท่านหลับตาลงนึกถึงหน้าลูกหลาน พวกเขาจะเป็นลูกหลานไทยรุ่นแรกที่เดินเข้าคูหาเลือกตั้ง และตลอดช่วงชีวิตตั้งแต่เกิดจนถึงมีสิทธิเลือกตั้งพวกเขาอยู่ในระบอบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยปราศจากการปฏิวัติรัฐประหาร ให้ประเทศพุ่งทะยานไปข้างหน้า ไม่ใช่การใช้เสียงของพวกเราไปปิดประตู และวงจรชีวิตของลูกหลานติดอยู่ในรูปติดอยู่ในระบบการเมืองแบบที่คนรุ่นนี้เสื่อมศรัทธา สิ่งที่พวกเราอยากเห็นจากนายกฯไม่ใช่เคารพข้อตกลงกับพรรคปชน.แต่อยากเห็นนายกฯเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมและเคารพต่อพี่น้องประชาชนผู้ที่เป็นเจ้าของประเทศ และทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้

พท.ซัดรบ.เฉพาะกิจมุ่งตุนคะแนน

เลา10.20น.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกขึ้นอภิปรายว่า นโยบายที่นายกฯแถลงด้วยข้อจำกัดของเวลาในการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ได้รับมอบหมายให้ทำตามภารกิจเฉพาะ ตนเรียกว่า เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่ต้องปฏิบัติตามบทเฉพาะกาลเท่านั้นเมื่อเป็นนโยบายเฉพาะกิจ สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ต้องเน้น ต้องใช้ความเป็นเฉพาะกิจให้เกิดประโยชน์มากที่สุด คือโอกาสได้คะแนนนิยมจากประชาชนเพื่อชนะเลือกตั้งในวันที่22 หรือ 29มี.ค.69 ตามที่ กกต.กำหนดไม่เกิน60วัน เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนนิยมและผลการเลือกตั้งที่จะส่งท่านสืบทอดอำนาจไปอีก4ปี 4เดือนเพื่อ4ปี ประกอบกับผู้ที่จะมาบริหารนโยบายที่ท่านจัดไว้มันก็ตอบสนองต่อจุดนั้น ไม่ได้กล่าวหารัฐมนตรี ท่านจัดครม.มาจากบุคคลภายนอกภาพสวยงามมาก ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ผมชื่นชอบ โดยเฉพาะรมว.ต่างประเทศที่ทำหน้าที่ได้ดีมาก ดาบอาญาสิทธิ์ที่ผู้นำฝ่ายค้านมอบให้ ท่านแปลงดาบอาญาสิทธิ์เป็นกำไร เป็นผลงานท่าน โดยการเปิดตัว ครม.ที่มาจากคนนอกอย่างสวยงาม ทุกคนร้องว้าวหมด ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งคือ ครม.ที่มาสร้างคะแนนนิยมในพื้นที่ มีความสามารถในการบริหารจัดการในพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นี่คือการสร้างคะแนนนิยมที่เกิดประโยชน์สุด ถูกต้อง ชอบธรรม นี่คือกลไกแยบยล สวยงาม

เย้ย’รบ.หนูเน’/ระวังเจอ4หายนะ

”อนาคตที่จะเจออีกเรื่องหนึ่งคือ นโยบายเฉพาะกิจเพื่อการเลือกตั้ง แน่นอนการวางตำแหน่งในรัฐมนตรี ครม.กลไกต่างๆที่วางมาล้วนแต่ทำเพื่อการนี้ หลายคนขนานนามว่า รัฐบาลอนุวิน รัฐบาลเนทิน หรือรัฐบาลหนูเน ผมไม่รู้ว่ามาจากอะไร หมายความว่าความเป็นนายกฯ ความเป็นรัฐมนตรี ไม่ได้ใช้กลไกอำนาจบริหารที่แท้จริง มันคือ4หายนะประเทศ คือ 1.หายนะทางประชาธิปไตย 2.หายนะด้านความโปร่งใสและหลักนิติธรรม 3.หายนะด้านการบริหารจัดการประเทศ ไม่ใช่ว่าไม่เก่ง ท่านเก่งด้วย แต่เกิดหายนะ เพราะบริหารแล้วผลประโยชน์ไม่ได้ตกกับประชาชน และ4.หายนะทางโอกาสของประชาชนชาวไทย นโยบายดีๆปัดตกปัดทิ้งหมด โดยเฉพาะนโยบายรถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย 4หายนะดังกล่าวขอให้ติดตามใน2วันนี้ที่เพื่อนสมาชิกผมจะลงในรายละเอียดต่อไป“ นพ.ชลน่าน กล่าว

เดินแผนสีน้ำเงินกินรวบประเทศ

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ตัวเลข1,000-2,000 การเลือกตั้งครั้งใด เหมายกเข่ง ซื้อยกหน่วย เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญสีน้ำเงินระวัง การจัดวางฐานอำนาจของสว.การแสวงหาที่มาของสส.ไม่ต้องดูด เพราะไหลเข้า ยอมรับว่าทำการแบบเหนือชั้นมาก ตนยอมเลย ต้องยอมศิโรราบ ทุกคนไหลเข้า ก้มหัวให้หมด เพราะเขารู้ว่าอยู่แล้วปลอดภัย ได้มาเป็นรัฐบาลแน่ในปีข้างหน้า แต่อย่าประมาทประชาชน ยุทธศาสตร์การเมืองของท่านลึกล้ำ เยี่ยม สุดยอดจริงๆ ตนไม่รู้ว่าออกจากสมองใคร แต่ตกยกให้ ตนยอมเป็นลูกศิษย์ ยอมกราบเลย ถ้าจะเป็นผู้นำจิตวิญญาณที่อยู่ข้างหลัง มีนักวิชาการบอกว่าผู้นำจิตวิญญาณทั้งสีน้ำเงิน สีแดงและสีส้ม หมายเลข1ที่ฉลาดปราดเปรื่องหลักแหลม ยุทธศาสตร์ล้ำลึก คือผู้นำฯสีน้ำเงิน เขาพูดออกมาแบบนี้เลย แต่4เดือนที่ทำ ท่านจะได้4ปี แต่จะกินรวบประเทศไทย เราจะยอมหรือไม่ อำนาจสส.สว.องค์กรอิสระ อำนาจราชการเป็นสีน้ำเงิน ทั้งประเทศน้ำเงินทั้งหมด ท่านกำลังเอาสีน้ำเงินที่เป็นสีอันประเสริฐลงมาคลุกกับการเมืองเท่ากับการไม่เคารพสถาบัน ผมไม่ยอม การลงทุนของพรรคประชาชนจะเสียเปล่า ดังนั้นที่แถลงว่าจะทำหน้าที่ซื่อสัตย์ สุจริต ต้องทำตามที่แถลง” นพ.ชลน่าน กล่าว

นายกฯแจงรมต.คุณสมบัติครบ

เวลา10.50น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาวาระแถลงนโยบายต่อรัฐบาล เพื่อชี้แจงต่อการอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ว่า ที่ตั้งคำถามต่อรัฐบาลของตนทำได้ หรือ ทำเป็น ทำดีหรือไม่ คำตอบคือ ทำได้ สิ่งที่ถูกเขียนในคำแถลงนโยบายเป็นสิ่งที่ได้ผ่านการกลั่นกรอง มาแล้วว่า พวกเราทุกคนต้องทำได้ เพราะวิธีการทำงานของตนนั้น ทำได้เร็ว และต้องทำเลยและทำเป็น เพราะตนคัดสรรบุคคลให้มาเป็น รัฐมนตรี ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนต่อการบริหารราชการแผ่นดินและประชาชน ฐานะผู้มีพระคุณต่อตนและรัฐบาลปัจจุบัน

ยัน31ม.ค.2569ยุบสภาแน่นอน

นายอนุทิน ชี้แจงต่อว่า ที่บอกว่ารัฐบาลขาดฝีมือ ผมให้ความเชื่อมั่นว่าทุกคนในรัฐบาล ผมคัดเลือกเองและสิ่งสำคัญ คือนอกจากเรื่องของคุณงาม ความดีที่แต่ละคนมีความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนและผลงาน ความรู้ประสบการณ์ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาล 4 เดือนมีบุคลากรมีฝีมือ มีความสามารถ ประสบความสำเร็จ ที่กังวลว่าขาดความโปร่งใส ขอให้สบายใจ เพราะตนรับฟังทุกคำ จดทุกความกังวลพร้อมชี้แจง ความโปร่งใสต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ถูกกฎหมาย ถูกระเบียบและใจกล้าให้ทุกคนตรวจสอบได้ ยืนยันรัฐบาลต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ที่กล่าวหารัฐบาลเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ พูดไม่ผิด ตนขอ นายณัฐพงษ์ ผู้นำฝ่ายค้านว่า ให้นับวันที่ 1ต.ค.เป็นวันแรก ละวันที่ 31ม.ค.ยุบสภาแน่นอนและฐานะรัฐบาลเฉพาะกิจที่เข้ามาแก้ไขความเสียหายของประเทศที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมาและครม.ของตนอีก 35คน ทำทุกอย่างเพื่อเรียกความเสียหาย ความสูญเสีย เรื่องเกียรติภูมิประเทศ เศรษฐกิจ ขวัญกำลังใจ ความปลอดภัยของประชาชนกลับมาสู่คนไทยในระยะเวลาทำงาน 4เดือน คนมั่นใจว่า ทำได้

ไม่มอมเมาประชาชนด้วยการพนัน

นายกฯ ชี้แจงต่อว่า ส่วนประเด็นผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไม่ตรงความต้องการของประชาชน ตนขอมองต่าง เพราะรัฐบาลยกเลิกกาสิโน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เงินดิจิทัลให้ประชาชน เราไม่มอมเมาประชานด้วยการพนัน หรือใช้ธุรกิจการพนันขยายตัวเศรษฐกิจ ซึ่งความเห็นต่างนั้นเป็นเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยถูกเชิญออกจากการร่วมรัฐบาลสมัยนั้น มีความพยายามหลายเรื่อง ไปเตะความมั่นคง เสียหายประเทศ ตนตัดสินใจไม่ร่วมนโยบายนี้ถือเป็นเกียรติที่ถูกเชิญออกมา กรณีดึงซื้อ1,000-2,000รวมเป็นตัวเลขหลายล้าน ถือเป็นตัวเลขอัปมงคล มีความพยายามมีตัวเลขนี้มาทำให้คนในพรรคฝ่ายค้านหลายคนสมัยนั้นไขว้เขว โชคดีที่ทุกคนเห็นว่า ไม่เป็นมงคล เป็นตัวเลขที่เอาไปแล้วไปทำให้อนาคตประชาธิปไตยมืดมน แต่คนที่ทำเป็นคนในฝั่งรัฐบาลตอนนั้นไม่มาจากพรรค ภท.แน่นอน ขอให้มั่นใจทีมงานพร้อมพิสูจน์ ผมและครม.ตอบแทนได้ว่า การทำงานต้องทำหนัก ผลักดันทุกนโยบายเป็นทางออกประเทศ

ยกคำ’แม้ว’เห็นทางออกในทุกปัญหา

นายอนุทิน ชี้แจงต่อว่า เราเคยอยู่ด้วยกัน20ปีก่อน อยู่ในรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อมีการประชุม ครม.มีการพูดถึงปัญหา ทั้งที่เป็นสิ่งที่ต้องทำ ตนเป็นรัฐบาลขณะที่นพ.ชลน่านเป็น เลขานุการรมว.สาธารณสุข ตนจำว่า นายทักษิณไม่พอใจ ครม.ที่นำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน ตั้งแต่วันนั้นบอกกับตนเองว่าจะไม่มีวันให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น หากตนทำงานที่ไหน เมื่อมีปัญหาจะปิดไมค์แล้วบอกว่า จำไว้นะ ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออกและผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา ทั้งนี้ ตนและครม.เป็นอย่างหลัก ชนะไม่ชนะไม่รู้ แต่ตนเห็นทุกทางออกในทุกปัญหา

จุรินทร์’เปรียบ’หนูตกถังข้าวสาร’

นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปราย ว่า ตนมองว่ารัฐบาลชุดนี้มีแต้มต่อมากกว่าข้อจำกัด คือ การที่มีผู้มาลงคะแนนเลือกนายกฯโดยไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้นายกฯกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร เพราะมีเก้าอี้รัฐมนตรีให้แบ่งปันกันเหลือเฟือที่สุดยุคหนึ่งในระบบรัฐสภา/รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินปุ๊บ มีเงินมากองไว้ปั๊บไม่ต้องออกแรง เพราะมีงบเหลือจ่ายปี 2568 อยู่อีกประมาณ 60,000 ล้านบาท และงบประมาณปี 2569 รอใช้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท เฉพาะงบฉุกเฉินที่เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว 98,000 ล้านบาท ซึ่งตนบอกว่าเป็นแต้มต่อไม่ใช่ข้อจำกัด ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา รัฐบาลจะรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของคนไทยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล ถึงวันนี้เชื่อว่าคนไทยได้พิสูจน์แล้วถึงความรักชาติรักแผ่นดินร่วมกันและคนไทยได้รู้เช่นเห็นชาติเขมรแล้วว่าเป็นอย่างไร เรื่องบ่อนเขมรที่สร้างล้ำแดนไทยเข้ามา นายกฯบอกว่า สะกดคำว่ายอมไม่เป็น ซึ่งรัฐบาลนี้เขียนชัดเจนว่าจะจัดการบ่อนที่ผิดกฎหมายให้สิ้นซาก

ฝาก5คาถาให้รบ.ยึดถือไปปฎิบัติ

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ขอฝากคาถา 5ข้อ คือ 1.ขอให้รัฐบาลละลึกถึงคำถวายสัตย์ปฏิญาณไว้เสมอ ไม่โกงเพราะจะมีอันเป็นไป ทวนเป็นอาวุธมีไว้รบกับเขมรไม่ใช่มีไว้ทิ้งก่อนยุบสภา 2.อย่าใช้ระบบเล่นพรรคเล่นพวก เหมือนบางยุคบางสมัยที่ผ่านมาในการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการ เพราะนอกจากจะทำให้คนดีหมดกำลังใจอย่างเป็นการทำลายอนาคตของประเทศ 3.อย่าเลือกปฏิบัติ ไม่ใช่พูดเพราะรัฐบาลจะทำแบบนั้นแต่อยากฝากไว้ในฐานะผู้แทนราษฎร 4.อย่าเลือกพัฒนาเฉพาะพื้นที่ที่เลือกเรา เพราะพื้นที่ไหนที่ไม่เลือกเราเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน เชื่อว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนมาหลายสมัยเข้าใจดี อย่าลุแก่อำนาจ ซ้ำรอยอดีตเพราะเราเคยเห็นมาแล้วทั้งอำนาจบริหารอำนาจนิติบัญญัติและผู้แทนราษฎรรวมถึงวุฒิสภาและองค์กรอิสระหากเผลอตัวเมื่อไหร่จบไม่สวย 5.อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม นอกจากจะทำร้ายระบบนิติรัฐแล้ว ยังเป็นของแสลงสำหรับรัฐบาลชุดนี้เป็นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากทำได้ตนเชื่อว่าท่านจะกลับมา ส่วนจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินและพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

ประท้วงวุ่น’ทวี’ชำแหละเขากระโดง

เวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเริ่มเกิดความวุ่นวายในการประชุม เมื่อพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายนโยบายรัฐบาลมีเนื้อหาพาดพิงถึงปัญหาที่ดินเขากระโดง โดยระบุว่า มี 9 คำพิพากษาทั้งศาลฎีกา และศาลปกครองระบุว่า ที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) แต่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ไม่ยอมดำเนินการเพิกถอนที่ดินดังกล่าวให้เป็นไปตามคำพิพากษา ทำให้สส.พรรคภูมิใจไทยพากันลุกขึ้นมาประท้วง อาทิ นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง ระบุว่า อภิปรายเรื่องเก่าซ้ำซาก ไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องสมัยรัฐบาลที่แล้ว ขอให้ประธานในการประชุมช่วยควบคุมการประชุมด้วย โดยนายมงคล วินิจฉัยให้พ.ต.อ.ทวี อภิปรายอยู่ในเนื้อหานโยบายรัฐบาล เพราะขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ อย่านำเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาอภิปราย

แต่ พ.ต.อ.ทวี ก็ยังไม่ยอมหยุด และกล่าวยืนยันว่า สิ่งที่อภิปรายเป็นข้อห่วงใยเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่มีบ้านอยู่ในที่ดินเขากระโดง ทำให้รฟท.ต้องเสียที่ดิน 5,083 ไร่ เป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ และบ่อนทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทำให้สส.ภูมิใจไทยไม่พอใจลุกขึ้นประท้วงวุ่นวายอีกครั้ง ขอให้นายมงคล ควบคุมการประชุมให้ดี เพราะไม่ทำตามที่ประธานที่ประชุมวินิจฉัย ทำให้นายมงคลต้องปรามพ.ต.อ.ทวี อีกครั้ง ทำให้ พ.ต.อ.ทวี เปลี่ยนประเด็นไปอภิปรายคดีฮั้วสว.ระบุว่ามีหลักฐานการฮั้ว 100 % และมีชื่อนายกรัฐมนตรีไปเกี่ยวข้อง จนสส.ภูมิใจไทย ยกทีมขึ้นมาประท้วงต่อเนื่อง มีสว.ขึ้นมาช่วยสนับสนุน เกิดความวุ่นวายตอบโต้กันไปมากับสส.พรรคเพื่อไทย และสส.พรรคประชาชาติ ที่ขึ้นมาช่วยสนับสนุนพ.ต.อ.ทวี

อดิศร-สว.นันทนา’โดดร่วมวงด้วย

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไล่ นายมงคล ไม่ให้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพราะทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ไม่ควรให้เป็นประธานประชุมต่อไป ขอให้เปลี่ยนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ขึ้นมาทำหน้าที่แทน

ขณะเดียวกัน น.ส.นันทนานันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ ผสมโรงด้วย อภิปรายเหน็บสส.ภูมิใจไทยอย่าร้อนตัว เกิดการตอบโต้กันไปมากับสส.ภูมิใจไทย เสียเวลาไปร่วม 20 นาที ก่อนที่นายมงคลจะให้พ.ต.อ.ทวีอภิปรายต่อ โดยกำชับให้พูดอยู่ในประเด็น เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายในการประชุม

อนุทิน’จ่อประชุมครม.นัดแรกที่สภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดแรก ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า จะมีการประชุมภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายนโยบายรัฐบาลในช่วงเวลา 18.00 น.

โดยเบื้องต้นมีรายงานว่าการประชุมครม.ครั้งนี้จะมีประชุมที่ห้อง CB 401ชั้น4อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นห้องเดียวกับที่ใช้สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งได้มีเจ้าหน้าที่จากทำเนียบรัฐบาลเข้ามาดูสถานที่และติดต่อประสานการใช้งานไว้แล้ว ทั้งนี้ เป็นที่น่าจับตาว่าครม.จะมีการพิจาณาอนุมัติงบประมาณสำหรับโครงการคนละครึ่งหรือไม่ เนื่องจากงบประมาณปี 2568จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ก่อนที่งบประมาณปี 2569จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top