วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ซัด‘อิ๊งค์’แจ้งผู้นำเขมรก่อนยึดมท.1  'อนุทิน’แฉกลางสภา  จวกยับ‘จิราพร’สร้างวาทกรรม  ลั่นไม่ใช้อำนาจช่วยคนผิดก.ม.

ซัด‘อิ๊งค์’แจ้งผู้นำเขมรก่อนยึดมท.1 'อนุทิน’แฉกลางสภา จวกยับ‘จิราพร’สร้างวาทกรรม ลั่นไม่ใช้อำนาจช่วยคนผิดก.ม.

วันพุธ ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : จวกจิราพร ชวนกรีด ซัดอิ๊งค์ ธรรมนัสซัดอนุสรณ์ สร้างวาทกรรม อนุทินแฉกลางสภา ยึดมท.1คืน
  •  

ซัด‘อิ๊งค์’แจ้งผู้นำเขมรก่อนยึดมท.1

'อนุทิน’แฉกลางสภา

จวกยับ‘จิราพร’สร้างวาทกรรม

ลั่นไม่ใช้อำนาจช่วยคนผิดก.ม.

‘ชวน’กรีดพิสูจน์รวยแล้วไม่โกง

‘ธรรมนัส’ฉะ‘อนุสรณ์’ขอซบกธ.

นายกฯอนุทินลุกโต้ทันที เปิดเบื้องหลังแฉกลับครั้งร่วม“รัฐบาลอิ๊งค์”ปัดไม่เคยมีสัมพันธ์อังเคิลเรื่องแจ้งผู้นำเขมรก่อนปลดจากมท.1-ถอนตัวร่วมรบ.“จิราพร”ลุกสวนอย่ามาดึงดราม่า นายกฯไม่มียอม ฉะกลับยันเป็นข้อเท็จจริงย้ำ 31 มกราคม 2569 ยุบสภารักษาสัญญา หากจำเป็นอาจเร็วกว่านั้น หยัน “2 อดีตรมต.มหาดไทย” ใจร้อนรีบเล่นงาน“เขากระโดง”ลั่นยุคผมไม่มีอุ้มช่วยใคร บี้ถอนคำพูดพาดพิง“ผู้ต้องหา”ด้าน“ชวน”กรีดสะเทือน 2 ปี 3 นายกฯ“เศรษฐา-แพทองธาร-อนุทิน’ที่เหมือนกันคือ‘รวย’ฝาก‘นายกฯ’มีเวลาพิสูจน์ตัวเอง‘รวยแล้วไม่โกงขณะที่‘ไชยชนก’ขอประเดิมงานแรกตรวจสอบประเพณีการเมืองของอดีตรมว.ดีอี หลังมีคนเสนอเงิน40ล้าน แลกไม่ปราบอาชญากรรมออนไลน์‘อนุสรณ์’ซัด‘อนุทิน’ ตั้ง‘ธรรมนัส-สุชาติ’นั่ง รมต.ไม่คลีน‘ธรรมนัส’สาวไส้กลางสภาแฉกลับ‘อนุสรณ์’กลืนน้ำลายขอซบ‘กล้าธรรม’ลั่นเจอกันสถานีหน้าที่พะเยา’สุชาติ’แจงทุกข้อหา ท้าสาบานถ้าทำผิดดำเนินคดีได้เลย

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2


‘เพื่อไทย’ซัดรบ.MOAภาคพิสดาร

โดย น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นรัฐบาลพิเศษ เกิดท่ามกลางสถานการณ์ที่ผิดปกติและจัดตั้งรัฐบาลด้วยวิธีพิสดาร เพราะหลังจากที่พรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 18 มิ.ย.68 ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทยและประเทศเพื่อนบ้านจากนั้นวันที่ 24 มิ.ย.68 ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านได้ประกาศว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนนายกฯในอีก 3 เดือน จากนั้นวันที่ 29 ส.ค.68 ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นายกฯจนเกิดรัฐบาลที่พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าความเคลื่อนไหวของผู้นำประเทศเพื่อนบ้านสอดคล้องกับกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในประเทศไทยราวกับการจัดวาง ระหว่างการเปลี่ยนรัฐบาลจนถึงวันตั้งรัฐบาลเราพบข่าวลือเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นมากมาย แม้แต่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก็บอกว่าพูดไม่ได้หลายคนจึงสงสัยว่าแท้จริงแล้ว MOAที่ทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อยภาคพิสดาร อาจเป็นแค่ข้อตกลงฉากหน้า แท้จริงแล้วฉากหลังมีข้อตกลงที่ไม่ได้ระบุไว้อีกหรือไม่

ซัดกลางสภากล่าวหา‘หนู’ผู้ต้องหา

น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่าสิ่งที่ประชาชนอยากฟังอาจจะไม่ใช่นโยบายที่นายกฯอ่านเพราะรัฐบาลมีเวลาจำกัดสิ่งที่ประชาชนอยากฟังคือนโยบายที่นายกฯไม่ได้อ่าน คดีต่างๆที่เกี่ยวข้องเช่นคดีฮั้ว สว.,คดีเขากระโดง ซึ่งประชาชนยังหวาดระแวงสงสัยกลัวว่านายกฯจะเข้ามายุบคดีก่อนยุบสภา แม้นายกฯจะแถลงยืนยันว่าคดีเหล่านี้ไม่ได้ทำ ถูกกลั่นแกล้ง แต่นายกฯเป็นผู้ต้องหาของกกต.,กรมสอบสวนคดีพิเศษ หากท่านยืนยันว่าถูกกลั่นแกล้งเท่ากับเป็นการแถลงนโยบายกับข้าราชการแล้วว่าหากใครทำคดีเหล่านี้เท่ากับเป็นการกลั่นแกล้งนายกฯหรือไม่ ข้าราชการคงนั่งตัวแข็งกันหมดไม่กล้าทำอะไร นายกฯที่แถลงนโยบายไว้ว่าจะยึดมั่นในหลักนิติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม กล้าให้คำมั่นสัญญากับรัฐสภาหรือไม่ว่าจะไม่กลั่นแกล้งหรือโยกย้ายข้าราชการ ผู้เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่ทำคดีเหล่านี้ เนื่องจากท่านยังไม่เคยลุกยืนยันกับรัฐสภา

ฉะฝ่ายค้านบางพรรคไร้ตัวตนไร้จุดยืน

น.ส.จิราพร ยังกล่าวต่อถึงรายละเอียดใน MOA เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องที่ใหญ่ที่สุดกับกายลเป็นเรื่องที่เล็กที่สุดในการแถลงนโยบาย คำแถลงนโยบายมีเนื้อหา 7 หน้ากระดาษ แต่พูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง 3 บรรทัด รายละเอียดน้อยกว่าใน MOA สะท้อนความจริงใจของรัฐบาลในการทำตามข้อตกลง คำแถลงนโยบายควรบรรจุเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยละเอียดทำให้ฝ่ายค้านตั้งคำถาม และตรวจสอบการทำงานกับฝ่ายค้านด้วยกันเอง ทำให้ฝ่ายค้านบางพรรคอยู่แบบไร้ตัวตน ไม่ได้ต้องมีตัวตนแต่ไร้จุดยืน เนื่องจากมีฝ่ายค้านส่วนหนึ่งยกมือให้นายอนุทินเป็นนายกฯ และต้องเป็นองค์ประชุมให้กับรัฐบาล

ขอให้นายกฯชวนสว.ร่วมแก้รธน.

“ขอถามถึงนายอนุทินว่าเมื่อครั้งที่ไปเซ็นMOAเมื่ออ่านคำแถลงนโยบาย ท่านไม่รู้สึกหรือว่ามันขัดกันเชื่อในสิ่งที่แถลงไปหรือไม่ว่าทำได้จริง ถ้าเชื่อว่านโยบายจะนำไปสู่ความสำเร็จตาม MOAก็ต้องทำให้สมาชิกรัฐสภาเชื่อด้วย ขอให้นายอนุทินชวน สว.แก้ไขรัฐธรรมนูญกลางสภาฯเพื่อเปิดทางให้มีการกระทำประชามติ สร้างหลักประกันว่าการทำMOAระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนจะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยได้จริงก็ควรมีการทำสัตยาบันร่วมกันระหว่างนายกฯผู้นำฝ่ายค้าน และสว.ว่าจะแก้ รัฐธรรมนูญธรรม ทำประชามติ และยุบสภา” น.ส.จิราพร ย้ำ

เย้ยระบอบสีน้ำเงินอยู่ไปอีกนับ10ปี

น.ส.จิราพรชี้ว่ามีข้อสังเกตว่า MOAทำให้เกิดรัฐบาลที่กลุ่มอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเป็นรองแค่รัฐบาลที่มาจากทหาร ขาดอย่างเดียวคือมาตรา 44 นอกจากนั้นมีครบทุกอย่าง กลุ่มอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบนี้อนาคตแม้จะเปลี่ยนรัฐบาล แต่ประเทศไทยต้องอยู่กับระบอบสีน้ำเงินไปอีกนับ 10 ปี การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจาก MOA วิธีพิสดารนี้เหมือนเป็นการชุบชีวิตพรรคสีน้ำเงินและฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้กลับมามีอาวุธครบมือ เป็นการฟื้นคืนชีพของฝ่ายอนุรักษ์นิยมและอำนาจพิเศษอย่างเต็มรูปแบบ

“ท่านนายกฯให้คำมั่นต่อรัฐสภาว่าจะยุบสภาภายใน 3เดือนหรือปลายเดือนม.ค.69เชื่อว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้อยากอยู่แค่ 4เดือน แต่มีเป้าหมายที่วางแผนจะอยู่ต่ออีก4 ปี แต่ก่อนที่นายกฯจะยุบสภา พรรคเพื่อไทยจะทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลแบบนี้ สมควรที่จะได้เป็นการนำจัดตั้งรัฐบาลต่อในอีก4ปีข้างหน้าหรือไม่”น.ส.จิราพรย้ำ

นายกฯลุกสวนพท.ปัดสัมพันธ์เขมร

จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลุกชี้แจงทันทีหลังถูกน.ส.จิราพรอภิปรายพาดพิงในหลายประเด็นว่ากรณีที่ตั้งข้อสังเกตความสัมพันธ์ส่วนตัวของตนกับผู้นำประเทศกัมพูชา ตนยืนยันว่าไม่เคยมีสัมพันธ์อะไรส่วนตัว ตนได้พบกับผู้นำกัมพูชาครั้งแรกอย่างเป็นทางการ เมื่อติดตามน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯไปเยือนกัมพูชาเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

“ที่บอกว่ามีการตกลงอะไรเบื้องหลังมาก่อนผมยืนยันไม่มี เต็มที่ที่ผมมีคือเพื่อนที่รู้จักกันไม่มีผู้มีอำนาจอะไรในรัฐบาลแห่งนั้น ไม่มีลุง มีแต่เพื่อน ไม่พูดถึงแม้แต่การบริหารราชการแผ่นดินหรือเสนอแนะอะไรที่ใช้สัมพันธ์ส่วนตัว”นายกฯย้ำ

แฉเบื้องหลังแจ้งผู้นำเขมรยึดมท.

“ผมรู้สึกตกใจว่าเมื่อผมกลับมาแล้วจากการติดตามน.ส.แพทองธารเยือนกัมพูชา เพื่อนๆของผมที่รู้จักกันโทรศัพท์บอกว่ารู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในที่ประชุมหลายที่เพราะเขาไปแจ้งผู้นำของเขาว่าไม่ต้องคุยอะไรกับเขามากหรอก เพราะจะปลดจากมท.1อยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้อะไรเพราะข้อมูลที่ผมจะเชื่อต้องได้รับแจ้งจากนายกฯของผมในเวลานั้น แต่ในที่สุด ผมได้รับการแจ้งเมื่อ17มิ.ย.”นายอนุทิน กล่าว

ถูกปลดจากมท.1ก่อนถอนตัว

นายอนุทินกล่าวอีกว่าตนได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่า พรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน และขอให้ตนไปเป็นรมว.สาธารณสุข ตนแจ้งกลับไปว่าเปรียบเสมือนเป็นข้อเสนอที่ต้องการให้ตนปฏิเสธ ให้บอกตรงๆเลยว่าจะให้ออกจากรัฐบาลดีกว่า แต่อดีตนายกฯรักษามารยาทมากบอกว่าอยากให้อยู่แต่ไม่ให้อยู่มหาดไทยซึ่งตนถามว่า ทำไมถึงให้ไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข ตนทำอะไรผิด ทั้งนี้ ตนเป็นรัฐมนตรีคนเดียวใน ครม.ของ น.ส.แพทองธารที่ยืนเคียงข้างในทุกๆขณะไม่ว่าวันดีหรือวันร้าย ปกป้องให้ข้อเท็จจริง

“อดีตนายกฯทราบดีแต่ท่านบอกว่าใกล้เลือกตั้งแล้วเพื่อไทยต้องได้มหาดไทย ผมจึงบอกว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เชื่อว่าการได้กำกับมหาดไทยจะชนะเลือกตั้ง ทั้งนี้ เมื่อ10ปีที่ผ่านมา พ่อของผมอยู่มหาดไทย ยังแพ้พรรคเพื่อไทยราบคาบ แต่ไม่มีคำตอบ แต่พูดว่าเขาจะเอามหาดไทยคืนอะแต่ผมเชื่อว่า น.ส.แพทองธารไม่ได้พูดจากความตองการในใจของตัวเอง ต้องมีคนบอกให้พูด เพราะในที่สุดเลขาธิการนายกฯของท่าน ยืนยันว่าไพ่ใบสุดท้าย คุณไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข” นายอนุทิน ชี้แจง

โต้เดือดปมดราม่ายันเป็นเรื่องจริง

ระหว่างนั้น น.ส.จิราพร ลุกประท้วงนายกฯพร้อมบอกว่านายกฯเล่าซีนดราม่ากับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ที่ไม่มีโอกาสชี้แจงว่าข้อมูลแท้จริงหรือไม่ ทำให้นายอนุทินพูดสวนขึ้นว่า”อย่ามาบอกว่าเป็นดราม่าเพราะเป็นข้อเท็จจริง ผมอยู่ตรงนั้นเอามายืนยันตรงนี้เลยก็ได้ ท่านไม่อยู่ตรงนั้น ไม่ได้เกี่ยว หรือมีส่วนร่วมตรงนั้นจะบอกว่าดราม่าได้อย่างไร”ก่อนที่นายมงคลจะวินิจฉัยให้นายกฯอภิปรายต่อ

ตัดสินถอนตัว-บังเอิญมีคลิปอังเคิล

นายกฯอภิปรายต่อว่าสุดท้ายตนได้รับการยืนยันจากเลขาธิการนายกฯน.ส.แพทองธารที่มาหาตนถึงกระทรวงมหาดไทยและเป็นวันเดียวกันที่ตนฝากไปบอกอดีตนายกฯว่าพรรคภูมิใจไทยว่าขอถอนตัวจากวันนั้นเป็นต้นมา บังเอิญที่มีเรื่องคลิปเสียงอังเคิลทำให้มีความมั่นใจต่อการตัดสินใจถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เฉพาะเชิญออกกจากรัฐบาล แต่มีเรื่องที่เสียหายต่อบ้านเมือง รัฐบาลขาดความชอบธรรมต่อการบริหารประเทศ

“เมื่อถอนตัวแล้ว มีเหตุอะไรพิสดาร ผมได้รายงานตัวมาทำงานกับพรรคฝ่ายค้านและได้หารือว่าดีที่สุดพยายามให้ยุบสภาดีกว่า แต่เมื่อน.ส.แพทองธาร ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องหาทางออก คืนอำนาจให้ประชาชน จึงเป็นที่มาของการตกลงMOAกันทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ซึ่งข้อตกลงทางการเมืองดังกล่าว ไม่ใช่ข้อตกลงของรัฐบาล แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำรัฐบาลจะรักษาสัญญา ไม่เกิน31ม.ค.69จะยุบสภา วันที่ 14-15 ต.ค.พรรคภูมิใจไทยเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ผมไม่สามารถชี้นำ หรือโน้มน้าวสว.ให้ร่วมแก้รัฐธรรมนูญได้เพราะจะผิดรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เป็นเรื่องประชาธิปไตย ใครเห็นด้วยก็แก้ ไม่เห็นด้วยไม่ต้องแก้” นายอนุทิน ชี้แจง

ลั่นตั้งรบ.ตามรธน.ไร้พิสดารใดๆ

นายกฯชี้แจงต่อว่ากรณีที่ของการเพิ่มเสียงสส.ฝั่งรัฐบาล ตนยอมรับว่าพรรคภูมิใจไทยมีสส.เพิ่มขึ้น มาจากการชนะเลือกตั้งซ่อม จ.ศรีสะเกษ ไม่ใช่จากการดูด ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่เคยดึงหรือดูดสส.เหมือนพรรคท่านที่ทำแต่โชคดีที่คนของพรรคภูมิใจไทยรู้ตัวและบอกว่าไม่ไปดีกว่า ดังนั้น กรณีที่น.ส.จิราพรบอกว่า4เดือนจะชี้ชะตา ตนรับรองช้าสุด31ม.ค.69ยุบสภาแน่ หรืออาจเร็วกว่าด้วยซ้ำหากมีความจำเป็น และไม่ต้องรอชี้ชะตา 4 เดือน วานนี้ (29ก.ย.)ชี้ชะตาแล้วทั้งจากพรรคภูมิใจไทย และพรรคท่านด้วย

ยืนยันไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง หรือความพิสดารใดๆรัฐบาลนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาตามระบอบประชาธิปไตย เพราะตนได้รับการสนับสนุนจาก สส. 313 เสียง ดังนั้น ไม่มีสิ่งใดที่แปลกหรือไม่เคยทำมาก่อน

หยัน2อดีตรมต.มท.ใจร้อนเล่นงาน

ส่วนกรณีที่ขอให้ตนสัญญาว่าจะไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ไปกดดันสั่งการ หรือชี้แนะข้าราชการ ให้เปลี่ยนแนวทางเรื่องคดีเขากระโดง และคดีฮั้วสว.นั้น ยํ้าว่าเรื่องนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เป็นผู้ดำเนินการ มีแต่รัฐบาลท่านที่สั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ แล้วก็ไปติดข้อกฎหมาย ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฎหมาย รวมถึงคดีเขากระโดงด้วย

นายกฯ ชี้แจงต่อว่าขณะที่การตั้งข้อสังเกตว่าจะใช้อำนาจล้มคดีที่ดินเขากระโดงนั้น ขอชี้แจงว่า 2 อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยในพรรคเพื่อไทยใจร้อน บอกว่าจะจัดการโดยเร็วโดยไม่อ่านหนังสือราชการทุกถ้อยคำ นึกว่าตัวเองเก๋าจึงสรุปทุกเรื่องหมด ทั้งนี้กรรมการรวมถึงปลัดมหาดไทย ละอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ที่ตั้งขึ้นแทนคนเก่า บอกว่ารัฐมนตรีพูดไม่ตรงกับมติกรรมการ

ลั่นไม่ใช้อำนาจช่วยคนทำผิดกม.

“จะโทษอะไรผม คนที่ใช้อำนาจหน้าที่กดดันคืออดีตรมว.มหาดไทย และอดีตรมช.มหาดไทย ผมรับตำแหน่งนายกฯเกือบเดือน วันนี้ผมยังไม่ได้สั่งการใดๆและไม่ต้องสั่งการ เพราะผมอยู่มา2ปี รู้ต้องทำตามกฎหมาย ผมอ่านข่าวผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งฟ้องเป็นรายแปลง เป็นสิ่งที่ผมต้องการเพราะเหมารวมจะใช้เวลานาน แปลงไหนถูกต้องคืนความเป็นธรรม แปลงไหนผิดให้ยึด ขอให้จำไว้ด้วยว่าผมไม่มีวันใช้อำนาจหน้าที่ รมว.มหาดไทยหรือตำแหน่งนายกฯที่กำกับดูแลทุกกระทรวงในรัฐบาลนี้ไปให้ช่วยเหลือใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย พวกท่านก็ช่วยไม่ได้ พวกผมยิ่งไม่ช่วย” นายกฯ กล่าว

จี้ต้องถอนคำพูดยันไม่ใช่‘ผู้ต้องหา’

นายอนุทินยืนยันว่าน.ส.จิราพร ต้องถอนคำพูดว่านายกฯเป็นผู้ต้องหาของดีเอสไอเพราะตนไม่ได้เป็นผู้ต้องหายังไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย ชอบใช้วาทะกรรมพูดให้ประชาชนเข้าใจผิดเรียกพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมาตรงนี้แล้วถามเลยว่าตนเป็นผู้ต้องหาหรือไม่ ยํ้าว่าตนเป็นเพียงผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตนก็ให้ความร่วมมือตามกฎหมายทุกอย่าง ส่งจดหมายชี้แจง ตั้งทนายความขึ้นมาศึกษาข้อกล่าวหา ส่วนคดีจะออกมาเป็นอย่างไรก็มีกระบวนการอยู่แล้ว การพูดว่าตน และสว.เป็นผู้ต้องหานั้น เป็นคำพูดที่ผิด

ชี้ยุบสภาถ้าจำเป็นอาจเร็วกว่า4เดือน

“ผมไม่รู้ว่าน.ส.จิราพร วางยาหรือเปล่าเพราะให้ไปบอกสว.ว่าต้องรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหมือนกำลังชี้ทางไปนรกให้ ผมจะไปพูดได้อย่างไรเพราะเขาห้ามชี้นำโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภา ถือว่าผิดรัฐธรรมนูญ ขอยํ้าว่าผมทำไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องประชาธิปไตย ใครอยากจะแก้ก็แก้ ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องแก้ ยืนยันอีกครั้งว่ายุบสภาช้าสุด 31ม.ค.69 แน่นอน อาจจะเร็วกว่าด้วยซ้ำถ้ามีความจำเป็น”นายอนุทินย้ำ

สุดท้ายยอมถอนคำพูดยังตะแบงอีก

จากนั้นน.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงขอให้ประธานวินิจฉัย ซึ่งนายมงคลทำหน้าที่เป็นประธานได้ว่าขอให้น.ส.จิราพรถอนคำพูดตนในนามวุฒิสภาก็เช่นเดียวกันยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาทำให้น.ส.จิราพรยอมถอนคำพูดว่าผู้ต้องหาแต่เปลี่ยนเป็นผู้ที่พัวพันในคดีและส่อที่จะเข้ามายุบคดีหรือไม่

‘ก่อแก้ว’ซัดตั้ง‘รมต.บ้านใหญ่’

ต่อมานายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.พรรคเพื่อไทย ลุกอภิปรายตั้งข้อสังเกตการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่เชื่อว่าเป็นสายตรงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ได้แก่นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรมและ นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าดำรงตำแหน่งโดยบางคนขาดความรู้ความสามารถ บางคนมีประวัติที่อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นในกระทรวงคมนาคมปี2554ในช่วงสมัยดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลที่ผ่านมาได้ทำนโยบายปราบแก๊งคอลเซ็นตอร์อย่างเข้มแข็งแต่พอพวกตนพ้นจากรัฐบาลพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาระบาดอีกครั้ง

ดักคอ‘อนุวิน’กินรวบประเทศ

“นายกฯเข้ามาบริหารแล้วย้ายอธิบดีดีเอสไอมีปัญหาแน่ ผมขอฝากไว้ก่อน ผมกับนายกฯ รู้จักกันมานาน เชื่อว่าเป็นคนดี แต่ทุกครั้งที่มาอยู่การเมือง ไม่เป็นตัวของตัวเอง ขอฝากด้วยว่าวันนี้มาจุดสูงสุดทางการเมืองแล้วเป็นเกียรติประวัติของครอบครัวแต่การประสบความสำเร็จในหน้าที่นายกฯหรือไม่ ประชาชนจะชื่นชอบ หรือไม่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัว หากปล่อยให้ใครครอบงำ ชี้นำใช้อำนาจของนายกฯเพื่อพวกพ้องเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะเป้าหมายกินรวบประเทศไทย เชื่อว่าสังคมประณามกล่าวขานว่าไม่ใช่นายกฯตัวจริงแต่คือ อนุวิน กินรวบประเทศไทย” นายก่อแก้ว อภิปราย

‘ไชยชนก’รับไร้ประสบการณ์แต่ทำเต็มที่

ขณะที่นายไชยชนกชี้แจงว่า ตนเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง ขอน้อมรับว่าไม่มีประสบการณ์ แต่ไม่ว่าจะทำหน้าที่ไหน ทำอย่างเต็มกำลังเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ตนก้าวมาในอุตสาหกรรมฟุตบอล ตนไม่มีประสบการณ์ แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ยกระดับอุตสาหกรรมฟุตบอลให้เป็นอยู่ทุกวันนี้ เมื่อตนก้าวสู่อุตสาหกรรมอีสปอร์ต ตนไม่มีประสบการณ์แต่พาเด็กไทยไปแชมป์โลก ในเวลา3ปี วันที่ตนก้าวสู่วงการการเมือง ตนไม่มีประสบการณ์ แต่เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยประเทศไทยให้พ้นจากภัยความมั่นคงสำคัญคือเอาพวกท่านออกจากการบริหารสูงสุดประเทศ

ปูดมีคนเสนอ40ล้านแลกไม่ปราบแก๊งคอล

“แม้ผมน้อมรับว่าไม่มีประสบการณ์เป็นฝ่ายบริหาร แต่สัญญาว่าจะทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ และผมยอมรับว่าเริ่มตั้งแต่เข้ามา ยังไม่ได้แถลงนโยบาย มีเรื่องหลายเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกสงสัยในระบบประเพณีปฏิบัติของฝ่ายบริหาร ที่ท่านพูดถึงเรื่องปราบคอลเซ็นเตอร์ อย่างมีความตั้งใจ ผมยังไม่เข้ารับตำแหน่ง มีคนติดต่อหาผม ผ่าน สมาชิกที่รู้จักผม เสนอมอบเงินให้ผมเดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้จับเรื่องคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์และเว็ปไซต์ ทำให้สงสัยว่าประเพณีปฏิบัติของ รมว.ดีอีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว นอกจากนั้นมีหลายเรื่องที่อยากศึกษา เพราะมีความเอ๊ะ แม้ผมไม่มีประสบการณ์แต่จะทำงานตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญทุกประการภายใน4เดือน” นายไชยชนก ชี้แจง

ทำให้นายก่อแก้วอภิปรายว่าเมื่อพูดมาแบบนั้นขอความกรุณาให้กระชากหน้ากากมาให้สังคมรู้และจับกุมด้วย นายไชยชนกชี้แจงว่าตนจะพยายามแต่พูดแล้วไม่รู้ว่าจะได้รับความร่วมมือหรือไม่ แต่จะพยายาม ตนน้อมรับความเห็น ส่วนที่ว่ารัฐบาลเนทิน ตนไม่แน่ใจเพราะเป็นรัฐบาลน้องใหม่ต้องเป็นรัฐบาลทักเซน หรือฮุนษิณ หรือไม่

‘อนุสรณ์’ซัดตั้ง‘ธรรมนัส-สุชาติ’ไม่คลีน

ต่อมานายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าเมื่อไปไล่อ่านคำแถลงนโยบายรัฐบาลก็ไม่ว้าวยังมีเอ๊ะคือ ไม่มีอะไรใหม่ แต่เรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีที่รัฐบาลปกติไม่กล้าตั้ง นายอนุทินบอกเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ตั้งมาเพื่อแก้ความเสียหายจากรัฐบาลที่แล้วรวมถึงตั้งรัฐมนตรีที่รัฐบาลที่แล้วไม่กล้าตั้งจึงลุยไฟตั้งเองเป็นระดับรองนายกฯ2คน ที่มีปัญหาความน่าเชื่อถือบกพร่อง เป็นรัฐมนตรีต้นทุนต่ำ หักหลังประชาชนหรือไม่

โดยคนแรกคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ มีคลิปที่เป็นไวรัลมันคือแป้ง เป็นคดีดังที่ยังเป็นข้อสงสัยเรื่องการถูกจำคุกในต่างประเทศ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่า ไม่ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีตามกฎหมายไทย แต่นำมาซึ่งข้อสงสัย และตั้งคำถามอย่างรุนแรงถึงคุณธรรมจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ กรณีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านตั้งเงื่อนไขไม่ให้ตั้งเพราะกังวลความโปร่งใส ประเด็นอาคารSKYY9สมัยเป็นรมว.แรงงาน ที่สำนักงานประกันสังคมซื้อทรัพย์สินราคาเกินจริงประเมินราคาเกินจริง เป็นผลจากกระบวนการที่มีข้อกังขาการประเมินที่อ้างอิงข้อมูลผิดจากความเป็นจริง ซ้ำร้ายยังฟ้องปิดปากเสียงวิจารณ์ สะท้อนขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรงจากประชาชน ความจึงไม่อาจเชื่อมั่นกับบุคคลที่ตั้งไปรับตำแหน่งที่มีรอยด่างพร้อยในอดีต

‘ธรรมนัส’แฉกลับ‘อนุสรณ์’ขอซบ‘กธ.

ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงตอบโต้ที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยอภิปรายพาดพิงว่าอภิปรายเรื่องเก๊าเก่า ก่อนอภิปรายในเรื่องเก่า ตนจำได้ว่านายอนุสรณ์เคยมาคุยกับตนในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยและมาขอร่วมอุดมการณ์กับตนในพรรคกล้าธรรม ไม่มั่นใจว่าวันนั้นกับวันนี้ต่างกันราวกับฟ้ากับดิน วันนั้นท่านชื่นชมว่าตนทำงานได้ดี ได้ใจประชาชน ทำงานถึงลูกถึงคน ตนอยู่บ้านนี้ไม่มีความสุขอยากมาร่วมอุดมการณ์ด้วย ท่านก็พูดกับสมาชิกพรรคกล้าธรรมหลายคน ตนไม่เข้าใจว่าเมื่อเช้าท่านตื่นมากินยาผิดประเภทหรือไม่ สิ่งที่นายอนุสรณ์พูดย้ำและบอกว่าเจอกันในสถานีหน้า ตนบอกว่าได้เจอสถานีที่พะเยาแน่นอน ท่านไม่อ่านกฎหมาย ไม่อ่านข่าว ไม่ถามความรู้กับผู้รู้ในพรรคว่ากระบวนการยุติธรรมทั้งหมดตนผ่านมาหมดแล้วตน

ซัดลืมคำพูดกลืนน้ำลายตัวเอง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่าตนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมาไม่รู้กี่ครั้ง ซึ่งท้ายที่สุดได้รับความไว้วางใจจาก สส.ให้ทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีต่อ ทุกยุคทุกสมัยมีการพูดแต่เรื่องเก่าวลีที่ท่านพูด ก็ไม่ได้พูดทั้งหมด และเอามากล่าวกันสนุกปาก เวลานี้คดีอยู่ที่จ.พะเยา 200 คดีแล้ว การจะพูดอะไรมีเยาวชนและประชาชนให้ความสนใจ มีใครรู้หรือไม่ว่าประชาชนเดือดร้อนขนาดไหน ตนทำทำหน้าที่รัฐมนตรีก็ทำงานเต็มที่ และได้รับความชื่นชมจาก นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯว่าทำงานได้ดีจริง “เพราะผมมาอยู่ตรงนี้ใช่หรือไม่ ถึงได้ลุกขึ้นมาเรื่องผมฉอดๆจนลืมคำพูดและกลืนน้ำลายของตนเอง”

ยันไม่ผิดคุณสมบัติต้องห้าม

ร.อ.ธรรมนัสยืนยันว่าเรื่องจริยธรรมมาตรา 160 (6)(7) ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินชี้ขาดแล้วว่าโดยตนไม่ผิดคุณสมบัติต้องห้ามและมาตรา 160(4)(5) ผู้ร้องได้ไปร้องที่ คณะกรรมการป้องกันรูปแบบแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเรื่องของจริยธรรมร้ายแรง ทาง ป.ป.ช.ก็มีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งสิ่งที่ตนพูดมีเอกสารผ่านเอกสารผ่านกระบวนการมาหมดแล้วฝากถึงผู้อภิปราย สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตตนยืนยันหลายครั้งว่าผ่านเรื่องดีและเรื่องไม่ดีมามากมาย แต่ยอมรับการตรวจสอบและผ่านกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนทุกประการ แต่ยืนยันว่าชีวิตที่ขอมาทำงานการเมืองตนไม่ใช่นักการเมืองอาชีพแต่อยากแก้ไขอะไรที่ผิดพลาดในอดีตให้ดีขึ้น พร้อมจะทำงานกับสส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยมุ่งประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง โดยทำงานไม่เคยวันหยุด

ลั่นทำเสียหายเจอกันสถานีที่พะเยา

“อย่าเอาเรื่องเก่ามาพูดให้เป็นประเด็นอีก หากยังสงสัยคุยส่วนตัวได้ อนุสรณ์น้องเอ้ยจำคำพูดตัวเองไว้บ้างว่าจะพูดอะไรอย่ากลืนน้ำลายตัวเอง คุณอย่าบอกว่าคุณต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมานาน ปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้ง ผมถูกขังมากกว่าคุณอีก ขอยืนยันตรงนี้ว่าใครก็ตามที่พาดพิงให้ผมเสียหายถึงแม้ว่าจะมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่ถ้าทำให้เกิดความเสียหายที่เอาไปขยายความข้างนอก เจอแน่สถานีต่อไปที่พะเยา”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

‘สุชาติ’แจงโต้ทุกข้อหาท้าสาบาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลุกขึ้นชี้แจงกรณีถูกพาดพิงในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล โดยสส.ระยอง พรรคประชาชนประเด็นคดีค้ามนุษย์ส่งแรงงานไปเก็บผลไม้ป่าที่ฟินแลนด์ และกรณีพัวพันขบวนการลักลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์ และบ่อดินเถื่อนว่า สส.ระยอง พรรค ปชน. ตนไม่รู้จัก แต่ได้ยินชื่อท่านมานาน ท่านไปตรวจลงในพื้นที่ระยองเยอะ ท่านไปตรวจ ถ้าเจอผิดก็ดำเนินคดีไปเลย กล้าพูดต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ว่า บ่อดินที่เอ่ย ไม่ใช่ของตน ท่านต้องกล้าสาบานกับตน มากล่าวหาแบบนี้ไม่ได้

ลั่นถ้าทำผิดกม.ดำเนินคดีได้เลย

นายสุชาติ ชี้แจงว่าข้อกล่าวหาว่ารถบรรทุก เป็นผู้ชำนาญการตนหรือมีสติกเกอร์”มังกรน้ำเค็ม”ต้องบอกว่า ในชลบุรีเวลาทำเสื้อหรืออะไรต่างๆเขาเอาไปติดได้หมด แต่ถ้าเป็นส่วย ผิดกฎหมาย ใครจะบ้าเอาชื่อตัวเองไปติด ส่วนข้อหาที่ร้องไปป.ป.ช.ตั้งไต่สวน เรียกรับต่างๆ มติชี้มูลหมดแล้ว ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าตนเกี่ยว คงไม่ผ่านด่านเป็นรัฐมนตรีหรอก

“เรียนต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่นี้ สิ่งใดถ้าผมทำผิดกฎหมาย ขอให้ดำเนินคดีผมได้ทุกเรื่อง ขออย่ากล่าวหากันลอย ๆ กราบเรียน เราลูกผู้ชายด้วยกัน เจอกันหน้าห้องน้ำก็เจอกัน คุยกันได้”นายสุชาติ กล่าว

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ส่องภารกิจตปท.'นายกฯ' ประเดิมงานแรกเยือนสปป.ลาว 15 ต.ค. ก่อนบินมาเลย์ ต่อด้วยสิงคโปร์

'ทรัมป์'กร้าวถ้าไม่ได้รางวัลโนเบลสันติภาพ ถือเป็นการดูหมิ่น'สหรัฐฯ'

(คลิป) 'เจ๊ปอง'เผย ทีมเอกนัฏย้ายแน่! ร่วมทีม'ภูมิใจไทย'แน่นอน

พิสูจน์อัตลักษณ์7ร่าง! ไฟไหม้ทาวน์เฮ้าส์ที่ระยอง พฐ.เก็บหลักฐานหาสาเหตุ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved