‘เอกนิติ’แจงสภา‘คนละครึ่งพลัส’รัฐสมทบ 200 บาท ‘ร้านเล็ก-แม่ค้าตลาด’ได้เต็ม

‘เอกนิติ’แจงสภา‘คนละครึ่งพลัส’รัฐสมทบ 200 บาท ‘ร้านเล็ก-แม่ค้าตลาด’ได้เต็ม

วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.06 น.

‘เอกนิติ’แจงสภา‘คนละครึ่งพลัส’รัฐสมทบ 200 บาท ครอบคลุม 20 ล้านสิทธิ์ ขยายสิทธิ์ถึงเด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป ‘ร้านเล็ก –แม่ค้าตลาด’ได้เต็ม ‘ผู้เสียภาษี’ได้สิทธิพิเศษ 2,400 บาท ส่วน‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’เพิ่มเป็น 2,000 บาท เริ่มใช้ 29 ต.ค.–30 ธ.ค.

2 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายสังคม แดงโชติ  สส.ประจวบคีรีขันธุ์ สส.ภูมิใจไทย กระทู้ถามสด เรื่องการดำเนินการของนโยบายคนละครึ่งพลัส โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาชี้แจง


นายเอกนิติ กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งพลัสมีหลักการคล้ายเดิม คือเอาประชาชนที่มีรายได้รัฐบาลออกให้ครึ่งหนึ่งไปซื้อของ  แต่ด้วยความที่ภาวะเศรษฐกิจแย่มากจึงตัดสินใจให้200 บาท คือรัฐบาลสบทบ200 บาท ประชาชนใช้200 บาท ซึ่งเป็นงบที่มีอยู่แล้ว ไม่ได้เพิ่มปัญหาภาระทางการคลัง โดยให้สิทธิประชาชน 20 ล้านคน โดยจะได้ประโยชน์ในเรื่องลดค่าครองชีพ ซื้อของ บริการรถสาธารณะ รวมถึงซื้ออาหารในตลาด ในส่วนของร้านค้าก็จะได้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่งเราให้เฉพาะร้านขนาดเล็ก แม่ค้าขายหมูปิ้ง พ่อค้าในตลาดขายส้มตำ โดยเราจะไม่ให้ร้านใหญ่ที่เป็นของบริษัทขนาดใหญ่ เพราะต้องการให้เงินไปตกอยู่กับประชาชนจริงๆ รวมถึงนิติบุคคลเล็กๆ ก็สามารถร่วมโครงการด้วย  โดยเดิมเราให้สิทธิเด็กตั้งแต่อายุ18 ปีขึ้นไป แต่โครงการนี้ให้ตั้งแต่อายุ16 ปี ที่ส่วนมากเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย

นายเอกนิติ กล่าวว่า ในส่วนของพลัสที่เพิ่มเข้ามา คนในระบบภาษีเราจะให้สิทธิ2,400บาท เพราะเงินที่นำมาใช้ในโครงนี้ก็มาจากภาษี ดังนั้นเขาจะได้รู้สึกว่าได้ประโยชน์จากการเสียภาษีด้วย จะทำให้เรตติ้ง เอเจนซี่" (Rating Agency) หรือสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่ทำหน้าที่ประเมินและให้คะแนนคุณภาพความเสี่ยงของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ หรือตราสารหนี้ เห็นว่าเราคำนึงถึงวินัยการคลัง  และที่สำคัญคือการกระตุ้นสั้นได้ผลยาว คือจะมีการเพิ่มทักษะให้พ่อค้าแม่ค้า โดยมีการสอนทักษะการขายออนไลน์ จากที่ขายอยู่ในตลาดก็สามารถขายในออนไลน์ได้เพื่อให้มีรายได้ที่ยั่งยืน และเราจะมีการให้ทำบัญชีแบบง่ายๆเหมือนบัญชีครัวเรือน จะทราบเลยว่าซื้อวัตถุดิบมาเท่าไหร่  โดยกระทรวงการคลังกำลังติดต่อธนาคารเพื่อให้ปล่อยสินเชื่อได้โดยตรงหากทำบัญชีได้ถูกต้องก็สามารถปล่อยสินเชื่อได้เลย เป็นการแก้ปัญหาหนี้สินในครัวเรือนได้ในระยะยาว

นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังคำนึกถึงประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนในการลงทะเบียนเข้าโครงการนี้ โดยใช้ระบบบัตรสวัสดิการประชาชน เพราะส่วนใหญ่กลุ่มนี้เป็นคนระดับล่างที่ไม่มีแม้แต่เงินจะกิน จะใช้ ประมาณ 13.4 ล้านคน ซึ่งเราจะทำควบคู่โดยการเติมเงินเข้าไปในบัตรสวัสดิการ จากเดิมได้เดือนละ 300 บาท จะเติมเพิ่มเข้าไปอีก 1,700 บาท ให้เป็น 2,000 บาท  เริ่มใช้ได้วันที่ 29 ต.ค.-30 ธ.ค. โดยสามารถใช้ได้ทันที โดยวันที่ 15 ต.ค. จะเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียน เรามีร้านเดิมอยู่ในระบบก็จะนำมาใช้ด้วยโดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สำหรับร้านค้าที่เข้าเกณฑ์ คือร้านอาหาร เครื่องดื่มทั่วไป ผู้ประกอบการบริหารนวด สปา ทำผม ทำเล็บ ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะรวมถึงแท็กซี่ รถขนส่งที่มีใบขับขี่สาธารณะ

สำหรับประชาชน 20 ล้านสิทธิ์ที่ไม่ได้มีบัตรสวัสดิการ จะได้ลงทะเบียน 20-26 ต.ค. ผ่านระบบเป๋าตังที่มีอยู่แล้ว ใครที่เคยลงอยู่แล้วก็จะง่ายเพราะทำแค่ยืนยันสิทธิ์ และจะเริ่มใช้ได้ทันที่เช่นเดียวกับบัตรสวัสดิการ

นอกจากนี้ นายเอกนิติ ยังชี้แจงถึงความกังวลของผู้ประกอบการรายเล็กในเรื่องภาษีด้วยว่าไม่ต้องกังวล ว่าจะไปตามเก็บภาษีย้อนหลัง และอยากให้คิดถึงประเทศว่าภาษีเป็นเรื่องสำคัญ และอยากให้เข้าตามระบบได้ถูกต้องเพื่อให้ประเทศเรามีความยั่งยืนในระยะยาว

ส่วนกรณีประชาชนที่ไม่มีทั้งบัตรสวัสดิการและสมาร์ทโฟนนั้น ทางกระทรวงการคลังมีการทบทวนอยู่เรื่อยๆ โดยมีสวัสดิการอื่นๆอยู่แล้วสำหรับคนนอกระบบ โดยมีนโยบายเรื่องการออมกับการลดหนี้สินภาคประชาชน เราพยายามใช้งบที่สถาบันการเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูโดยนำเงินส่วนนี้ไปซื้อหนี้ออกมาผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ จะทำให้ประชาชนที่ถูกตามหนี้ในระบบสามารถบริหารจัดการยืดหนี้ได้มากขึ้น สอนเขาให้เป็นคนดี มีวินัยมากขึ้น คือ นโยบาย “สินเชื่ออารีย์สกอร์” โดยไม่ต้องกลัวเรื่องเครดิตบูโร เป็นโครงการที่ทำให้เข้าถึงสินเชื่อเพื่อลดดอกเบี้ย

ส่วนการออมในรูปหวยสลากขอยืนยันว่าโครงการนี้ไม่เหมือนหวยเกษียณ คือซื้อหวยปกติ แต่รัฐจะคืนเงินบางส่วนให้กับผู้ซื้อ ในลักษณะเงินออม โดยเราจะนำไปสะสมเป็นเงินออมระยะยาว จะสามารถถอนได้ตอนอายุ 55 ปี และสามารถนำมาเป็นหลักประกันในการกู้เงินธนาคารได้หากมีความจำเป็นเร่งด่วน

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top