'ปธ.กมธ.การต่างประเทศ'เตรียมเชิญ'สีหศักดิ์' ชี้แจงปมประชามติ MOU 43-44

'ปธ.กมธ.การต่างประเทศ'เตรียมเชิญ'สีหศักดิ์' ชี้แจงปมประชามติ MOU 43-44

วันอาทิตย์ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 15.11 น.

'ปธ.กมธ.การต่างประเทศ'เตรียมเชิญ'สีหศักดิ์' ชี้แจงปมประชามติ MOU 43-44 จี้ตอบกรณียกเลิก เตรียมแนวทางแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา อย่างไร

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาฯ กล่าวกรณีการเตรียมการให้มีการทำประชามติรับฟังความเห็นประชาชนว่าจะให้มีการยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU 43) และทางทะเล (MOU 44) ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งปรากฏอยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทิน ว่า เรื่อง MOU 43 และ 44 เป็นเรื่องที่รายละเอียดค่อนข้างซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ควรเป็นเรื่องของความชอบ ไม่ชอบ สนับสนุนหรือไม่สนับสนุนเท่านั้น ฉะนั้นการโยนเรื่องสำคัญและซับซ้อนนี้ไปให้ประชาชนตัดสินด้วยการทำประชามติ อาจจะไม่ใช่หนทางที่ทำให้ประเทศไทยได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด


น.ส.สรัสนันท์ กล่าวต่อว่า โดยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เราต่างเห็นร่วมกันว่า MOU ทั้งสองฉบับ สามารถช่วยระงับความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง และกลไกที่เกิดขึ้นตาม MOU ก็มีผลสำเร็จไปมากแล้ว MOU นี้ถือเป็นกรอบกติกาที่ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องปฏิบัติตาม ซึ่งหากไม่มีกรอบกติกานี้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถการันตีได้ว่า ข้อพิพาทที่มีอยู่จะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่และจะไปยุติที่ตรงไหน เพราะไม่มีหลักประกันใดเลยที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถคุยกันได้อย่างสันติ

"ฉะนั้น MOU ทั้งสองฉบับนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การเจรจา เป็นพื้นที่ให้กับทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยกันได้บนโต๊ะเจรจา หากไม่มี MOU เรื่องนี้ก็จะเข้าทางฝ่ายที่ต้องการจะนำเรื่องขึ้นสู่เวทีโลก ซึ่งจะทำให้มีประเทศที่สาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงอำนาจอธิปไตยของสองประเทศ และความขัดแย้งครั้งนี้อาจจะลามกลายเป็นสมรภูมิย่อย ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ประเทศที่สามเข้ามาใช้ทั้งสองประเทศเป็นตัวแทนในการทำสงคราม" น.ส.สรัสนันท์ กล่าว

น.ส.สรัสนันท์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ (MOU 43 , 44) ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนที่มาจากประชาชนอยู่แล้ว และภายในคณะกรรมาธิการก็ได้นำผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจเฉพาะทาง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่แล้ว เมื่อบัดนี้มีคณะกรรมาธิการที่ทำการศึกษาอยู่ การรอฟังผลสรุปเสียก่อนจึงน่าจะเป็นประโยชน์กว่าการผลีผลามหรือตั้งธงไปสู่การประชามติ

น.ส.สรัสนันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาในส่วนของสภาฯเอง โดยคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ก็ได้มีการศึกษาพิจารณา MOU 44 ไว้แล้ว ซึ่งมีการรับฟังเสียงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกฎหมาย โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งหมดมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า สถานะของ MOU ไม่ได้เป็นการให้อำนาจกับรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจรัฐสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ โดยทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการเจรจาระหว่างฝ่ายไทยกับฝ่ายกัมพูชาจะต้องกลับเข้ามารายงานและขอความเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภาอยู่ดี

"การรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมาธิการ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ข้อมูลกับรัฐบาลในการตัดสินใจอยู่แล้ว แต่ถ้าจะโยนไปให้ประชาชนร่วมกันออกเสียงประชามติ ดิฉันมองว่าเป็นการกระทำที่อาจจะทำให้เสียงบประมาณโดยใช่เหตุ มิหนำซ้ำยังอาจไม่ได้สร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ เพราะเรื่องเทคนิคทางกฎหมายระหว่างประเทศในลักษณะนี้ ควรให้ผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจเป็นผู้ให้ข้อมูลและการตัดสินใจ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือแม้กระทั่งกระทรวงการต่างประเทศเองตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องโยนภาระการตัดสินใจให้กับประชาชนเลย" น.ส.สรัสนันท์ กล่าว

น.ส.สรัสนันท์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ตนก็อยากรับฟังความคิดเห็นในส่วนของท่านด้วยว่า ท่านมีความคิดเห็นในส่วนของ MOU นี้อย่างไร ควรที่จะคงไว้ หรือยกเลิก หรือถ้าหากไม่มี MOU ทั้งสองฉบับนี้แล้ว ท่านเห็นว่าจะมีกลไกใดที่จะนำไปสู่การเจรจากันได้อย่างสันติ และในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ ดิฉันได้ออกหนังสือเชิญท่านมาให้ข้อมูลแล้ว และคาดหวังว่าท่านจะมาตอบคำถามด้วยตัวเอง ขณะนี้รัฐบาลเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่า หากไม่มี MOU ทั้งสองฉบับนี้แล้ว จะทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้กลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างไร มีแต่การใช้กำลังทหาร ความรุนแรงและสงคราม ซึ่งในท้ายที่สุดความขัดแย้งไม่ว่าจะสั้นหรือยาวนาน ก็จะต้องมาจบบนโต๊ะเจรจาอยู่ดี และที่สุดก็ต้องมาอาศัย MOU ในลักษณะเดียวกับทั้งสองฉบับนี้อยู่ดี

"เราได้เริ่มกระบวนการเหล่านี้มาตั้งแต่ก่อนปี 2543 และปี 2544 หากมีการยกเลิกข้อตกลงร่วมกันนี้ไป เท่ากับว่าเราจะต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ทั้งหมด ยิ่งในบรรยากาศที่กำลังตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายนี้ ดิฉันเชื่อว่ากัมพูชาจะไม่มีทางมาเซ็นข้อตกลงใหม่ๆ ร่วมอะไรกับเราอยู่แล้ว กัมพูชานั้นชัดเจนว่า เขาอยากเลิกพันธกรณีที่ผูกพันเราสองประเทศ เพื่อให้เรื่องนี้เข้าสู่เวทีโลก ซึ่งทำให้กัมพูชาได้เปรียบเราแน่นอน" น.ส.สรัสนันท์ กล่าว

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top