อย่ามั่วโจมตีนายกฯลงพื้นที่  เลขา‘อนุทิน’โต้  ช่วยปชช./ไม่ใช่เกมการเมือง

อย่ามั่วโจมตีนายกฯลงพื้นที่ เลขา‘อนุทิน’โต้ ช่วยปชช./ไม่ใช่เกมการเมือง

วันจันทร์ ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

อย่ามั่วโจมตีนายกฯลงพื้นที่

เลขา‘อนุทิน’โต้

ช่วยปชช./ไม่ใช่เกมการเมือง

‘สุทิน’ปัดไขก๊อกพ้นเพื่อไทย

ถ้าพท.อวสานขอตั้งพรรคเอง

“ไตรศุลี” แจงนายกฯลงอีสานใต้ ไม่ใช่เกมการเมือง ชี้รับฟังปัญหาชายแดน-น้ำท่วม เดินหน้าดูแลประชาชนทุกมิติ พร้อมตั้ง“คอภ.” ประชุม 6 ตุลาคมนี้ เตรียมลุยต่อพื้นที่ประสบภัย ด้าน“สุทิน”โต้ข่าวย้ายซบ‘ภท.-กธ.’ลั่นไม่เคยมีอยู่ในสมอง บอก หาก‘เพื่อไทย’ไปต่อไม่ได้ ก็ตั้งพรรคเอง ย้ำ สัมพันธ์กับพรรคยังปกติดี

เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2568-น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “ลงพื้นที่ชายแดน ฟังปัญหา-ความต้องการชาวบ้าน ไม่ใช่การเมือง”เนื้อหาระบุว่า ต่อกรณีบางฝ่ายออกมาโจมตีนายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ วันที่ 3-4 ที่ผ่านมานั้น 1.การลงพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในจังหวัดชายแดนอีสานใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็น การเยียวยา การปิดด่าน การสร้างรั้ว เป็นต้น 2.เพราะเป็นรัฐบาลใหม่ มีความจำเป็นต้องลงไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัย และปากท้อง 3.กรณีน้ำท่วม นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเองที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 27 ก.ย.68 จากนั้นได้มอบหมายให้รัฐมนตรีหลายกระทรวงลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 4.นายกรัฐมนตรี ยังแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 6 ต.ค.นี้ ก่อนจะลงพื้นที่อีกครั้งในไม่ช้านี้ 5.ดังนั้นจึงไม่ควรเอาสถานการณ์น้ำท่วมมาโจมตีทางการเมือง เพราะทั้งน้ำท่วมกับปัญหาชายแดน มีความสำคัญเหมือนๆกัน และรัฐบาลก็ได้พยายามแก้ไขปัญหาไปพร้อมๆกัน ไม่อาจละทิ้งปัญหาใดปัญหาหนึ่งได้


ห่วงใยประชาชน

นอกจากนี้ น.ส.ไตรศุลี ได้โพสต์อีกครั้งเป็นคำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งบอร์ดอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติฯ พร้อมข้อความระบุว่า ดูแล ห่วงใย ผู้ประสบอุทกภัย คำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งบอร์ดอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติฯ ติดตามงานช่วยผู้ประสบภัย

‘ทวิรัฐ-ตติรัฐ’สวมเสื้อภท.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานวันเกิดนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ที่สนามช้างอารีน่า อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ปรากฎภาพลูกชาย ของนายวิรัช รัตนเศรษฐ บ้านใหญ่นครรราชสีมา อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีตสส.นครราชสีมาและนายตติรัฐ รัตนเศรษฐ พร้อมนางทัศนียา รัตนเศรษฐ อดีตสส.นครราชสีมา ผู้เป็นมารดา สวมเสื้อฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมงาน ส่วนนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ลูกชายคนโต ไม่ได้เดินทางมาด้วย ทั้งนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า นายทวิรัฐ และนายตติรัฐ เตรียมจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ตระกูลรัตนเศรษฐเคยจะไปร่วมงานกับทางพรรคส้มมาแล้ว หลังจากที่นายวิรัช ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ และมีกระแสข่าวว่า จะดันนายอธิรัฐ ลูกชายคนโต ลงชิงเก้าอี้นายกอบจ.นครราชสีมา ในนามพรรคส้ม

สุทินโต้ข่าวย้ายซบภท.

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการลาออกจากพรรค พท. เพื่อย้ายไปพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือพรรคกล้าธรรม (กธ.) ว่า ยืนยันว่าตนยังอยู่กับพรรค พท. คนที่นำเสนอข่าวเอาข่าวมาจากไหน วันนี้ตนยังเป็นสมาชิกพรรค พท. ยังไม่ลาออก ช่วงนี้มีข่าวออกมาเยอะ ว่าตนจะย้ายไปอยู่พรรคนั้นพรรคนี้ เพจโซเชียลบางเพจบอกว่าตนลาออกจากพรรคแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น ย้ำว่า ความคิดที่จะย้ายไปซบพรรคนั้นพรรคนี้ไม่เคยมีอยู่ในสมอง เพียงแค่หากพรรคเพื่อไทยไปต่อไม่ได้ หรือจะล้มเลิกพรรคจริง ผมก็จะไปตั้งพรรคเอง ไม่เคยคิดจะไปอยู่กับใคร” นายสุทินกล่าว

เมื่อถามว่า กระแสการดูดมาแรง โดยเฉพาะในภาคอีสานนั้น นายสุทินกล่าวว่า ยังยืนยันว่าตนไม่ย้ายแน่นอน หากไปไม่รอดจริงๆ ก็ตั้งพรรคเอง เมื่อถามว่า พรรคที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้มีการมาพูดคุยทาบทามหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ก็มีการมาชวน แต่เป็นในลักษณะแซวเล่น ชวนทีเล่นทีจริง ส่วนใหญ่ไม่กล้าชวนเต็มปาก ขณะที่ความสัมพันธ์กับพรรค พท.ยังดีปกติ อย่างไรก็ตาม นายสุทินได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมยังไม่คิดจะย้ายไปอยู่พรรคไหน และยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โอเคนะครับ’

พท.เพื่อตัวว่าที่ผู้สมัครสส.

น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรค พท. แถลงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศจะยุบสภา ภายใน 4 เดือนโดยไม่บิดพลิ้วนั้น ว่า พรรค พท.มีความพร้อมอย่างเต็มที่ต่อการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะครบกำหนด 4 เดือนหรือก่อน 4 เดือนก็ตาม โดยในวันที่ 7 ตุลาคม พรรค พท.จะเริ่มต้นแคมเปญที่ชื่อว่า “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” โดยจะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พท.และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ด้วย จึงขอเชิญชวนประชาชนให้ร่วมติดตามกิจกรรมในครั้งนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กและยูทูบของพรรค พท.นี่คือจุดเริ่มต้นอีกครั้งในการเดินหน้าใหม่ของพรรค พท. ซึ่งจะเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นพรรค พท. ที่จะยกเครื่องพรรคและยกเครื่องประเทศไทยไปพร้อมกัน ที่ผ่านมาพรรค พท.เราไม่เคยปฏิเสธคำวิจารณ์ เรารับฟังทุกเสียงไม่ว่าจะเป็นบุคคลในพรรค หรือบุคคลภายนอกพรรค เพราะสำหรับเราทุกคำวิจารณ์ไม่ใช่เป็นการตำหนิ แต่เราถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความปรารถนาดีที่ทุกคนมีต่อพรรคเรา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรคได้มีการรวบรวมทุกความคิดเห็นนำมาศึกษาและถอดบทเรียนในการที่จะปรับปรุงพรรคให้ดีขึ้น เพื่อให้พรรคการเมืองที่เป็นสถาบันการเมืองที่มีรากฐานมาอย่างยาวนาน ให้ประชาชนสามารถฝากความหวังได้มากขึ้นกว่าเดิม

ปชป.คึกคักเลือดเก่าไหลกลับอีก

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โชว์ภาพระบุว่า ข้าพเจ้ามีความประสงค์สมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

น้ำท่วมขังสภาหมื่นล้าน

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กทม. และอดีตประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ปปช.สภาฯ) เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรว่า เกิดปัญหาน้ำท่วมขังในห้องประชุมใหญ่ชั้นบีหนึ่ง และไหลลงท่วมในชั้นบีสองที่เป็นห้องสัมมนาทั้งสอง รวมถึงลานเอนกประสงค์ด้านนอกของบริเวณหน้าศูนย์อาหารกินนี่ ภายในอาคารรัฐสภาที่เพิ่งเปิดใช้บริการเป็นศูนย์อาหารใหม่แทนที่เดิม โดยตนสอบถามจากแม่บ้านที่มาทำความสะอาดบอกว่า ตอนที่เข้ามาเริ่มทำความสะอาด มีน้ำท่วมขังในห้องประชุมและห้องสัมมนาทั้งสองชั้น เปียกเสียหายทั้งหมด มีน้ำท่วมสูงถึงตาตุ่ม เนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่4 ต.ค. ที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนัก จึงคาดว่าปริมาณน้ำฝนไหลลงสู่หลังคาโปร่งแสงที่มีการซีลเกิดการรั่วซึม หรืออาจน้ำระบายไม่ทัน จึงทำให้มีน้ำรั่วไหลลงจากหลังคา และอาจล้นลำรางระบายน้ำ ทำให้มีน้ำตกไหลลงเพดานของห้องประชุมชั้นบีหนึ่งและบีสอง ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ทำให้พรมที่ปูทั้งชั้นในห้องประชุมใหญ่ ห้องสัมมนาใหญ่ทั้งชั้นบีหนึ่ง และบีสอง เปียกชุ่มเสียหายทั้งหมด

จี้จัดการให้เรียบร้อย

นายวิลาศ กล่าวต่อว่า ทราบว่า ทางสภาฯต้องเร่งให้บริษัทที่รับจ้างดูแลทำความสะอาด สั่งระดมพ่อบ้าน แม่บ้าน ให้เข้ามาทำความสะอาดในวันหยุดจำนวนมาก โดยใช้เครื่องดูดน้ำออกจากพรมปูพื้นในห้องประชุมสัมมนาทั้งชั้นบีหนึ่งและบีสอง โดยตนเข้าไปดูเมื่อเวลา07.30น. ของวันที่ 5 ต.ค. เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า อาจต้องเปลี่ยนพรมใหม่ทั้งหมดเพราะถึงดูดน้ำแห้ง แต่ก็ยังมีกลิ่นอับชื้นและเสี่ยงเป็นเชื้อราภายในจะสร้างปัญหาใหม่ตามมาให้แก้ไม่จบอีก ทั้งนี้เรื่องในลักษณะดังกล่าวนี้ ที่มีน้ำรั่วน้ำซึม หรือท่อปะปาแตกเคยเกิดขึ้นในอาคารรัฐบาลแห่งสมัยนี้มาโดยตลอด แล้วแต่ว่าจะกระจายเกิดที่บริเวณไหน แต่ครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนัก และเข้าใจว่าเกิดจากการรั่วซึมของการซีลหลังคาโปร่งแสงรวมถึงระบบการน้ำระบายไม่ทัน เพราะมีคลิปที่ถ่ายได้จะเห็นว่ามีน้ำไหลลงมาเหมือนน้ำตกหลายจุดตามคลิปที่มีคลิปถ่ายไว้

แฉเร่งรัดรับมอบงาน

“ผมเคยทำหนังสือเตือนเลขาธิการสภาฯและคณะกรรมการตรวจการจ้าง เกี่ยวกับการรับมอบงานแล้วว่า ก่อนรับมอบงาน ควรมีการตรวจสอบทุกจุดให้เรียบร้อยซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายเช่นนี้ขึ้น โดยเฉพาะพรมที่ปูทั้งสองชั้น ในห้องประชุมใหญ่และห้องสัมมนาทั้งหมด สอบถามจากเจ้าหน้าที่แล้วต่างบอกว่า ถึงดูดน้ำออกแล้วแต่ยังมีความชื้นอยู่ที่สุดก็จะส่งกลิ่นเหม็นอับ เพราะพรมที่ปูทั้งชั้นเป็นพื้นที่กว้างขวางมากคงจะต้องเปลี่ยนปูพรมกันใหม่ซึ่งมีมูลค่าสูงหลายแสนบาท ใครรับผิดชอบ ผมจึงจะทำหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ในเรื่องนี้ต่อไป เพราะถือว่าเคยเตือนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้วว่า อย่าเร่งรัดการส่ง-รับมอบงาน ทั้งที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา” นายวิลาศ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top