ชำแหละเอ็มโอยู43-44 ‘ดร.เจษฎ์’ถามรัฐบาลจะเก็บไว้ทำไม ต้องเลิกยึด‘สัญญาเมืองขึ้น’

ชำแหละเอ็มโอยู43-44 ‘ดร.เจษฎ์’ถามรัฐบาลจะเก็บไว้ทำไม ต้องเลิกยึด‘สัญญาเมืองขึ้น’

วันอังคาร ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.04 น.

‘ดร.เจษฎ์’ชำแหละ MOU43-44 สร้างปัญหา ละเมิดนับร้อยครั้ง จะเก็บไว้ทำไม จี้ต้องเลิกยึด‘สัญญาเมืองขึ้น’มาคุยบนผืนแผ่นดินจริง ถาม‘ภูมิใจไทย’เป็นฝ่ายค้านจะเลิก MOU แต่พอเป็นรัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจ แปลว่าอะไร

7 ตุลาคม 2568 รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สนามข่าว 96” ออกอากาศทางวิทยุคลื่น FM96 โดยได้ชำแหละ MOU2543 และ MOU 2544 อย่างชัดเจน


รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่าจนถึงวันนี้ยังไม่ได้ยินเสียงชัดๆ  จากคนที่ทำ MOU ทั้ง 2 ฉบับMOU 2543 นายชวน หลักภัย เป็นคนเริ่ม ใครเป็นคนชงมา แล้วเหตุที่ท้ายสุดออกมาเป็น MOU2543 เป็นอย่างไร ควรออกมาอธิบายจะได้เห็นภาพว่าทำไมเริ่มมาแบบนั้น ส่วน MOU2544 ถ้าให้นายทักษิณ ชินวัตร อธิบายคนก็จะไม่ไว้วางใจ ก็ต้องให้ ศ.ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย ซึ่งเป็นผู้ลงนามอธิบาย

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวถึงอนุสัญญา 2 ฉบับที่ระบุใน MOU2543 ว่า ฉบับแรกเป็นอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรสยามกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อปี 1904 ฉบับที่2 เป็นสนธิสัญญาระหว่างพระเจ้ากรุงสยามกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสปี 1907 และต่อมาก็เอาบรรดาแผนที่ทั้งหลายที่มีสืบเนื่องจากหนังสือสัญญา 2 ฉบับนี้มาใช้ในการพิจารณาปักปันเขตแดน ซึ่งอนุสัญญาปี 1904 มีปัญหาตรงที่มีแผนที่ 11 ระวาง

ในระวางเหล่านั้น มี 1 ระวางที่เรียกว่า “ระวางดงรัก” ซึ่งครั้งหนึ่งตอนที่ไปศาลโลก แทนที่จะศาลโลกจะพิจารณาตามตัวอนุสัญญาซึ่งกำหนดเรื่องการแบ่งเขตโดยสันปันน้ำ ที่ระบุว่าฝั่งเหนือของสันปันน้ำเป็นอธิปไตยของไทย ฝั่งใต้เป็นอธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งปราสาทพระวิหารอยู่ฝั่งเหนือของสันปันน้ำ ถ้ายึดตามอนุสัญญาที่เป็นตัวหลักก็ต้องตัดสินให้ปราสาทพระวิหารอยู่ในอธิปไตยของไทย แต่กลายเป็นว่าศาลโลกไปใช้แผนที่ระวางดงรักเป็นตัวตัดสิน แล้วที่มาเถียงกันว่าแผนที่นั้นใช้มาตราส่วน 1:200000 แต่ไทยไม่เคยยอมรับมาตราส่วนนั้น หรือแผนที่ใด ทั้ง 11 ระวาง หรือ 5 ระวางอะไรก็ตาม

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวต่อว่า เรื่องแบบนี้ไม่ได้ถูกหยิบยกมา แต่กลับถูกศาลโลกเอาเรื่องง่ายๆ ว่า กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จไปตามคำเชิญของฝรั่งเศส และไปขอเอกสาร นั่นก็แปลว่ายอมรับว่าผืนแผ่นดิน พื้นที่แห่งนั้นเป็นกัมพูชา หรือนัยหนึ่งว่าเป็นของฝรั่งเศสในขณะนั้น

“แบบนี้มันใช่หรือ ที่มันเคยเป็นปัญหาแล้วเรายังเอาติดค้างไว้” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวอีกว่า เรื่องทีสอง ไม่มีคำ “กัมพูชา” ในหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ 2 ฉบับนั้น ไม่มีเลย มีแต่ฝรั่งเศสกับสยาม กัมพูชาตอนนั้นอยู่ที่ไหน ถ้าเราพูดแบบหยาบคาย ตอนนั้นกัมพูชาเป็นทาสฝรั่งเศส เป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศส

“เราไม่มานั่งคุยกันเรื่องสนธิสัญญาทาส สนธิสัญญาเมืองขึ้นนะ ถ้าเราจะคุยเราควรคุยกับกัมพูชาที่มีความเป็นไท คือเป็นฟรีสเตท เราต้องคุยในฐานะกัมพูชาเป็นกัมพูชา ไทยเป็นไทย”

รศ.ดร.เจษฎ์ ยังกล่าวว่า แผนที่ต่างๆ เหล่านี้ล้าสมัยแล้วทั้งสิ้น ทุกวันนี้สามารถใช้ดาวเทียมกำหนดจุดได้หมดแล้ว โดยไม่ต้องอาศัย MOU2543 นอกจากนี้มีข้อหนึ่งบอกว่าอย่าไปเปลี่ยนแปลงสภาพ อย่าไปยุ่งในพื้นที่ที่ดำเนินการอยู่ อ้าว แล้วที่ขุดสนามเพลาะ แล้วที่ข้ามเขตแดนมา แล้วที่มาอยู่อาศัยล่ะ อย่างนี้ทางทหารไทยบอกว่ามีการละเมิดบันทึกตั้งไม่รู้กี่ร้อยครั้ง แล้วจะเก็บไว้ทำไม

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวถึง MOU2544 ว่าการขีดเส้นของนายพลลอนนอล เมื่อปี 2515 เป็นการขีดแบบอยากได้ตรงไหนก็ขีดเลยโดยได้ยึดตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หรือกฎหมายทะเล ต่อมาใน 2519 ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 9 ได้มีพระบรมราชโองการให้ทำตามกฎหมายทะเล ปรากฏว่าใน MOU2544 เอา 2 ส่วนนี้มารวมกัน นอกจากนี้ยังเขียนผิดอีก

“MOU2544 ลงนามโดยศ.ดร.สุรเกียรติ ซึ่งจบกฎหมายระหว่างประเทศ ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ การอ้างพื้นที่ทับซ้อนกับเอาอ้างสิทธิ์ผิดกับอ้างสิทธิ์ถูกมารวมกัน แล้วก็บอกว่าด้านบนจะมาทำปักปันเขตแดน ส่วนด้านล่างมาทำเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน ขีดมาผิดๆ แล้วจะพัฒนาร่วมกันได้อย่างไร แล้วจะเก็บ MOU2544 ไว้ทำไม”รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวอีกว่า ที่ว่าถ้าไม่มี MOU2543 และ MOU2544 แล้ว ไม่สามารถพูดกันได้ ไม่จริง ยังไงก็ต้องคุยกัน แต่ไม่ใช่คุยกันแบบที่ไม่มีความแน่นอน และหากว่าเอกสารใดก็แล้วแต่ถูกละเมิดเป็นร้อยๆ ครั้ง มันควรหรือที่จะยังคงมีเอกสารนั้นไว้ ยังไงบ้านติดเมืองต่อกันมันต้องคุยกันอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเป็นปฏิปักษ์ต่อกันแบบนี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้บนกระดาษก็ต้องมาคุยกันบนผืนแผ่นดินจริง ถ้าคุณรุกรานอยู่เราก็ต้องดันคุณกลับ และถ้ายังไม่มีความพร้อมที่จะพูดคุยหาทางออกก็ยังไม่ต้องคุย

“เราไม่ได้เป็นเด็กดื้อ เราทุกวันนี้เป็นเด็กดีจนเป็นเด็กหงอแล้ว แม้ว่าท่านสุรศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ไปพูดที่สหประชาชาติ เป็นการพูดที่ถูกต้องเหมาะสม แต่เราก็ยังพูดตามกัมพูชาอยู่ดี เรายังไม่เคยพูดอะไรก่อน และทุกครั้งเราก็จะถูกชาวโลกมองว่าแก้ตัว เพราะพูดทีหลัง ถ้าพูดก่อนเป็นการบอกเล่าหรือรายงาน แต่พูดทีหลังเป็นการแก้ตัว เขามองกันอย่างนี้”รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวอีกว่า ต้องดันสิ่งที่เป็นตัวสร้างปัญหาออกไปก่อน คือ MOU2543 และ MOU2544 เราต้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของบ้านเมืองเราไม่ต้องไปสนใจว่ากัมพูชาจะมีอะไร รัฐบาลต้องเป็นคนทำ ต้องกล้าตัดสินใจ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ตอนเป็นฝ่ายค้านกล้าตัดสินใจ เลิก  MOU2543 MOU2544 แต่พอเป็นรัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจ มันแปลว่าอะไร

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top