ต้องไม่ช้า ไม่จม ไม่ซ้ำรอย! "ปชน."จี้"รัฐบาล" เร่งช่วยน้ำท่วมเป็นระบบ-จ่ายเงินชดเชยทันทีไม่ต้องรอน้ำลด สอนมวยประกาศออกเป็นนโยบายกลาง แถมก็ได้คะแนนเสียงอีกด้วย ติงใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด ดีกว่าเอาเงินหว่านแจกระยะสั้น ชี้"อนุทิน"ไปงานวันเกิด"เนวิน"ช่วงเกิดอุทกภัย อยู่ที่วิจารณญาณ แต่เพื่อความเป็นธรรม คงไม่สามารถลงพื้นที่ได้ครบ
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา พรรคประชาชน (ปชน.) นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการลงพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางพร้อมกับ สส.ของพรรค เพื่อพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในขณะนี้ว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความห่วงใยประชาชนในพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งกําลังประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อย่างรุนแรง ขอแสดงความเสียใจไปยังผู้สูญเสีย เนื่องจากได้รับรายงานมาว่า หนึ่งวันก่อนหน้าที่ตนจะลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีประชาชนถึงเสียชีวิต 4 คน เป็นเยาวชนที่ลงไปเล่นน้ําในกระแสน้ำที่มีความรุนแรง รวมถึงมีผู้ใหญ่บางคนที่เข้าไปเก็บของได้พลัดตกจากความแรงของกระแสน้ำด้วย เป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น จึงอยากฝากสื่อมวลชน และผู้ใหญ่ทุกท่านว่าพยายามช่วยกันสอดส่องดูแล และให้เยาวชนระมัดระวังในพื้นที่ที่กระแสน้ำรุนแรง ซึ่งจากการลงพื้นที่ตนได้พบปะกับหน่วยงานหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ รพ.สต.ซึ่งต้องยอมรับว่า เจ้าหน้าที่เองทํางานอย่างเต็มศักยภาพในแง่เชิงรับมียาและเวชภัณฑ์เพียงพออยู่ แต่เสียงจากสาธารณสุขที่อยู่หน้างาน เรียกร้องมายังตน เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลว่า ต้องการทํางานเชิงรุก ทั้งรถฉุกเฉิน และการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ และอําเภอ ซึ่งรัฐบาลอาจจะให้การสนับสนุนได้ในส่วนนี้ได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ประกอบกับจังหวัดอยุธยานั้น มีบริเวณที่จัดเป็นศูนย์พักพิงให้กับประชาชน แต่เป็นการตั้งเต็นท์ข้างทางถนนที่เป็นแนวคันกั้นน้ำ ซึ่งพื้นที่หลายส่วนยังเป็นถนนสองเลน ทําให้รถที่สัญจรบริเวณนั้นในช่วงกลางคืน อาจจะมองไม่เห็น และทําให้ประชาชนที่พักอยู่ตรงนั้น ถูกเฉี่ยว ถูกชน เกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นได้ จึงอยากส่งขอข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล ว่าควรจัดการพื้นที่ และสถานที่พักพิง เนื่องจากพื้นที่ที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่รับน้ำ อย่างไรเสียเมื่อถึงฤดูกาล ไม่น้อยก็มากต้องประสบเหตุแบบนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะพื้นที่นอกพนังกั้นน้ำ ดังนั้น ในสถานการณ์ภาพรวม ตนและเพื่อน สส.ได้ติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ก็พบว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกมาบริเวณภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างนั้น มีมากกว่าปกติ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนโยบายจัดการน้ำ สทนช. ก็ใช้วิธีการระบายลงคูคลองต่างๆ ก่อน จึงทําให้ประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำหลายพื้นที่รู้สึกว่า มีน้ำท่วมเยอะกว่าปีก่อนๆ
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเงินเยียวยา ก็ต้องบริหารจัดการให้ไม่ช้า ไม่จม ไม่ซ้ำรอย เนื่องจากในบางพื้นที่ล่าช้ากว่า 2 เดือน กว่าจะได้รับเงินเยียวยา 9,000 บาท หลังสถานการณ์ก็ผ่านไปแล้ว บางพื้นที่ก็ท่วมนานกว่าปกติ ตกลงแล้วมีเกณฑ์อย่างไร และควรเป็นหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลนําไปพิจารณา นอกจากจะทําให้บ้านไม่จมแล้วคือจะทํายังไงให้เงินไม่จม เพราะประชาชนหลายคนสะท้อนกลับมาว่า เงินเยียวยา 9,000 บาท ไม่เพียงพอ และไม่ซ้ำรอย ทั้งเรื่องการแจ้งเตือนที่ผ่านมา ซึ่งจะทํายังไงให้ประชาชนสามารถเก็บของได้ทัน รวมถึงกรณีน้ำไหลเข้าทุ่ง ซึ่งคนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำสะท้อนมาว่า เก็บเกี่ยวไม่ได้ ไม่ทัน ก็ควรทําให้เกิดการบริหารจัดการดีขึ้น
"สิ่งที่ผมอยากฝากถึงรัฐบาลว่า ถ้าท่านเล็งเห็นปัญหาอย่างเดียวกัน ที่หนี้สาธารณะเต็มเพดาน มีพื้นที่ทางการคลังน้อย ทราบว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการทำในตอนนี้ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่เราอภิปรายในสภามาตลอด คือการใช้เม็ดเงินงบประมาณที่ประชาชนได้ประโยชน์ และขณะเดียวกัน คือการลงทุนทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ถ้าท่านจะสามารถพิจารณางดจัดสรรงบประมาณบางส่วนได้ ลองนึกภาพว่า ถ้าเราแจกเงินให้เปล่าผ่านโครงการต่างๆ กับการที่ให้เงินกับประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม เชื่อว่า ประชาชนจะนำไปเยียวยาในชีวิต บ้านทรัพย์สิน ที่เขาได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ถ้าเราพิจารณางบประมาณอย่างคุ้มค่าแทนที่จะให้เงินเปล่าไป แล้ว มาใช้ในการช่วยกันดีดบ้าน ทําให้เกิดการจ้างงานเกิดขึ้น บริหารจัดการอย่างเป็นระบบเพียงพอ และหากประกาศออกมาเป็นนโยบายกลาง ท่านเองก็ได้คะแนนเสียง เพราะเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้กับประชาชนได้เช่นเดียวกัน แม้ภาพใหญ่ในช่วง 4 เดือนนี้ ตนก็เข้าใจว่าทุกพรรคการเมืองอยากได้คะแนนเสียง จึงอยากส่งข้อเรียกร้องให้รัฐบาล ได้มีการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า อย่างชาญฉลาด" นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐบาลช่วงน้ำท่วมนี้ ถือว่าผ่านหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่ตนบอกไปว่า บางส่วนยังช้าอยู่ เช่น เงินเยียวยา หากลงพื้นที่จริงจะพบว่า หลายพื้นที่ท่วมมาหลายเดือนแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้สิ้นฤดูกาลค่อยมาจ่ายทีหลัง ก็สามารถจ่ายได้เลย ส่วนการแก้ไขปัญหาเชิงระบบระยะยาว ถ้าช่วยเหลือโดยตรงกับประชาชน เช่น การดีดบ้าน จากที่ประชาชนก็สะท้อนว่า ท่วมทุกปี มีนักการเมืองมาหาทุกปี แจกถุงยังชีพทุกปี จะให้เขาท่วมอยู่อย่างงี้ทุกปีใช่หรือไม่ ตกลงแล้วอะไรคือทางออก หากจะช่วยแล้ว ก็ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ นี่คือสิ่งที่ตนได้นำเสนอไปว่า ประชาชนอาจจะถูกขูดรีดจากผู้รับเหมาหรือไม่ เราจึงควรมีการจัดการอย่างเป็นระบบ
เมื่อถามว่า หากเปรียบเทียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กับรัฐบาล น.ส.แพทอง ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตนายกฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวมในตอนนี้ต้องบอกว่ารัฐบาลเพิ่งทําหน้าที่ได้ไม่นาน จึงเชื่อว่าเอาปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ดีกว่า สิ่งที่ประชาชนส่งเสียงมาโดยตรงว่า การเยียวยายังช้าไปอยู่ จะทําอย่างไรให้เร็วขึ้นอย่างกรณีแนวชายแดน ซึ่งได้รับการเยียวยา ก็มีข่าวดี แต่อยากให้รัฐบาลเร่งจัดการหลักเกณฑ์ในพื้นที่น้ำท่วมให้สอดคล้องกับปัญหาที่ประชาชนได้เจอ สำหรับข้อเสนอเพิ่มเติมที่เสนอไป จะมีกลไกอื่นเรียกร้องด้วยหรือไม่ อย่างการตั้งกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรีที่กํากับดูแล นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะใช้ทุกกลไกทั้งสภา อย่างกรรมาธิการ และการผลักดันกองทุนดีดบ้าน
เมื่อถามถึงกรณีข้อวิจารณ์ว่า นายอนุทินลงพื้นที่ไม่มากพอ เช่น การเลือกไปวันเกิด นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด จะมีการติดตามตรวจสอบอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นายกฯ คงมีภารกิจอย่างหลากหลาย การที่จะไปงานวันเกิดใครก็แล้วแต่ ก็อยู่ที่วิจารณญาณของนายกฯด้วย เพื่อความเป็นธรรม ตนทราบว่านายกรัฐมนตรีคงไม่สามารถลงพื้นที่น้ำท่วมได้ครบทุกพื้นที่ แต่สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คือผู้บริหารประเทศที่จะลงไปรับฟังปัญหาเขาอย่างครบถ้วนมากที่สุด ฟังปัญหาอย่างเดียวไม่พออยากให้เกิดการกระทําด้วย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนคาดหวังต่อจากนี้ คือมาตรการช่วยเหลือเยียวยาจริงๆ
ขณะที่ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พระนครศรีอยุธยา พรรคประชาชน กล่าวอธิบายถึงแนวทางการจัดการน้ำในปัจจุบันนี้ ซึ่งกํากับดูแลโดย สทนช.และกรมชลประทาน ซึ่งกลายเป็นใช้ทุ่งรับน้ำเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะระบาย จึงทําให้พื้นที่ที่เป็นบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำนั้น มีน้ำท่วมสูงขึ้น และนานขึ้น นี่เป็นเหตุผลสําคัญว่า ทําไมประชาชนเดือดร้อนมากขึ้นทุกปี ดังนั้น พรรคประชาชนจึงขอเสนอให้มีการจัดสรรน้ำในทิศทางอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการระบายน้ำไปทางทิศตะวันออกมากยิ่งขึ้น ซึ่งการบริหารจัดการต่างๆ ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลโดยด่วนตลอดจนการเร่งโครงการขนาดใหญ่ เช่น คลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสัก ที่จะทําให้เกิดการผันน้ำไปทางทิศตะวันออกมากยิ่งขึ้น
นายทวิวงศ์ กล่าวต่อว่า สําหรับข้อเสนอของประชาชนมี 3 ประเด็นหลัก ที่อยากส่งต่อไปยังรัฐบาล คือ 1.การทบทวนแผนการระบายน้ำ โดยขอเสนอให้ลดความจําเป็น ที่จะต้องเพิ่มอัตราการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาลงมาสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ โดยเฉพาะจังหวัดอยุธยา และจังหวัดอ่างทอง อยากให้มีการตัดยอดน้ำตั้งแต่เหนือเจ้าพระยาขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณรัฐบาล ที่ได้ยินเสียงพวกเรา และเริ่มมีการทําสิ่งเหล่านี้ ขอบคุณ สทนช.และกลุ่มชลประทานด้วย ที่มีการปรับลดการระบายน้ำลงมาแล้ว แต่ก็ยังยังส่งผลกระทบเยอะอยู่สําหรับประชาชน 2.ปรับกรอบเวลาชดเชยเยียวยา จากแต่เดิมที่ต้องรอให้น้ำท่วมเสร็จก่อนจึงจะมีการชดเชยเยียวยา แต่เราขอเสนอให้มีการชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนทุกเดือนที่มีน้ำท่วม หรือคือการชดเชยค่าครองชีพให้กับประชาชน เพราะในช่วงเวลานั้น ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากมาย และ 3.อยากขอให้รัฐบาลมีกลไกในการจัดตั้งกองทุนเพื่อการดีดบ้าน รวมถึงกองทุนในการอํานวยความสะดวก และสาธารณูปโภคให้กับประชาชนด้วย
"เราจําเป็นต้องมีศูนย์อํานวยความสะดวกที่มีคุณภาพ และสามารถใช้ได้ทั้งในช่วงน้ำท่วม และช่วงที่ไม่มีน้ำ ให้สามารถเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ให้ประชาชนสามารถขอสิ่งอํานวยความสะดวกได้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เราจะเสนอร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ โดยการเพิ่มหมวดเข้าไปด้วย" หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี