คลิกเดียวส่งถึงบ้าน! "กมธ.ตำรวจ สภาฯ"เข้มถก"5 หน่วยงานรัฐ" เร่งสางปัญหาขาย"ยาเสพติด"ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผงะยอดขายพุ่งกว่า 8 หมื่นรายในครึ่งปี ด้าน"บช.น."ยันไม่ได้ละเลย ฟุ้งโชว์ผลงานทะลุเป้า 197% ฝาก สส.ออกกฎหมายอุดช่องโหว่ แก้ปัญหาที่จัดเก็บของกลางรอทำลาย เสียค่าเช่าโกดังต่อเดือนกว่า 2 แสนบาท
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายยาเสพติดในแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ร้องเรียนโดย น.ส.ปวิตรา จิตตกิจ สส.กทม.พรรคประชาชน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) , สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) , กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
น.ส.ปวิตรา กล่าวในฐานะผู้เสนอเรื่องว่าตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในหลายพื้นที่ว่า ขณะนี้มีการซื้อขายยาเสพติดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนมาก ทั้งในเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ทำให้เยาวชนและคนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก การซื้อยาเสพติดแค่คลิกไม่กี่วินาทีก็สามารถสั่งซื้อส่งถึงบ้านได้เลย ที่น่าห่วงคือ มีหน้าร้านใกล้โรงเรียนและชุมชนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แม้จะร้องเรียนไปหลายครั้ง แต่การปราบปรามยังไม่คืบหน้า ทั้งยาเสพติดในปัจจุบันมีการยกระดับรูปแบบ วิธีการนำเสนอ แม้แต่อุปกรณ์ในการเสพก็มีการจำแนกการขาย เช่น รูปลักษณ์ของตัวเข็มฉีด น้ำกระท่อมที่มาในรูปน้ำแดง น้ำตาลสด ยาบ้าก็มีหลายประเภทที่มีขายเกลื่อนบนออนไลน์ จากการสำรวจของ ป.ป.ส.ในครึ่งปีที่ผ่านมาพบว่า มียอดจำหน่ายยาเสพติดถึง 8 หมื่นราย หากมีการปล่อยปละทิ้งเวลามากกว่านี้ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน แค่คีย์คำว่า "อุปกรณ์วิทยาศาสตร์" จะพบอุปกรณ์สูบไอซ์จำนวนมากเปิดขายอยู่บนออนไลน์ รวมถึงบนแพลตฟอร์ม X หรือทวิ9เตอร์ แค่พิมพ์ว่า "น้ำแข็ง" ก็จะพบข้อมูลหมดเลยว่าสามารถซื้อได้ที่ไหน จึงขอให้หาทางออกร่วมกัน
ด้าน พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9 ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ชี้แจงว่า ในรอบปีที่ผ่านมา บช.น.สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 7,328 ราย คิดเป็น 51.2% ของเป้าหมาย ป.ป.ส.และออกหมายจับได้ 398 ราย คิดเป็น 88.41% รวมถึงขยายผลถึงผู้สนับสนุนและผู้สมคบคิด 225 ราย มากกว่าเป้าหมายถึง 197.27% ส่วนการดำเนินคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ออกหมายจับได้ 13 ราย คิดเป็น 144.93% ยึดทรัพย์สินรวม 1,193 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของเป้าหมายการยึดทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ได้ 223 ราย โดยเป็นรายใหญ่ 18 ราย มูลค่ารวมกว่า 257 ล้านบาท และจับกุมผู้ค้าขายน้ำกระท่อม 11 ราย แม้จำนวนคดีจะน้อย เนื่องจากหลายกรณีศาลมีคำสั่งยกฟ้อง เพราะยังเป็นสมุนไพรควบคุม ทำให้การดำเนินคดียาก
"ทางหน่วยงานได้ใช้มาตรการแฝงตัวในกลุ่มออนไลน์เพื่อล่อซื้ออย่างต่อเนื่อง และสั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่ปรากฏในคำค้น เช่น "บุหรี่ไฟฟ้าใกล้ฉัน" ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งบางพื้นที่พบและจับกุมได้ แต่บางพื้นที่ก็ไม่พบหลักฐาน ยกตัวอย่างการจับกุมล่าสุดจับหมอฉีดยาไอซ์ให้ลูกค้าถึงเตียง กรณีเครือข่ายขายยาเสพติดออนไลน์โยงบัญชีม้า แก๊งขายเสื้อวินเทจบังหน้า ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้น
"นอกจากนี้ จะมีการดึงประชาชนและชุมชนเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีการนำ AI เข้ามาช่วยในการร้องเรียน แจ้งเบาะแสต่างๆ ด้วย" ผู้แทนจาก บช.น.กล่าว ทั้งนี้ ที่ประชุมขอหารือเป็นการลับ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนสังเกตการณ์
หลังการประชุมหารือนานกว่า 3 ชั่วโมง น.ส.สุณัฐชา เปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนปัญหาและได้รับคำชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของการค้าขายสิ่งเสพติดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หน่วยงานได้ชี้แจงว่า มีการค้าขายสิ่งเสพติดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ยอมรับว่าซื้อขายกันจริง ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ยืนยันว่าไม่ได้ละเลย จะพัฒนาระบบเอไอที่ตรวจจับคีย์เวิร์ด และมีการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าถึงได้ 2.มีการหลอกลวงประชาชน โดยการประกาศขายสิ่งเสพติด มีการโอนเงินไปแล้ว กลับไม่มีการส่งของให้ เป็นการหลอกลวงเงิน ปัญหาคือผู้ซื้อไม่กล้าแจ้งความ เพราะเป็นการทำผิดกฎหมายทั้งสองฝ่าย วันนี้จึงได้มีการรับเรื่องจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องว่ามีช่องโหว่ของกฎหมาย ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติจะเข้ามาผลักดันและปิดช่องว่างนี้
"นอกจากนี้ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้รับข้อมูลจาก สส.เจ้าของเรื่องผู้ร้องเรียน รวมถึงกรรมาธิการที่ปรึกษาว่า จะช่วยแก้ปัญหาแพลตฟอร์มต่างๆ เท่าที่สามารถตรวจสอบได้คือ เฟซบุ๊ก ไลน์ และติ๊กต็อก แต่ขณะนี้ยังขาดช่องทาง X หรือทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม จึงได้แลกเปลี่ยนกัน หลังจากนี้ หากมีปัญหาจะเชิญมาพูดคุยกันอีกครั้ง ซึ่งทวิตเตอร์ทราบปัญหาว่ามีระบบที่เป็นของต่างประเทศ ซึ่งไทยไม่มีอำนาจเต็มในการปิดกั้น และการปิดกันแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ตรวจพบว่า มีการค้าขายสิ่งเสพติดออนไลน์ ก็จะมีขั้นตอนดำเนินการที่ต้องใช้เวลา" น.ส.สุณัฐชา กล่าว
ประธาน กมธ.ตำรวจ สภาฯ กล่าวต่อว่า สำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้ขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติช่วย เพราะมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บของกลาง ซึ่งตามปกติตำรวจจะทำลายของกลางที่จับมาได้ ก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดในชั้นศาลแล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริง เป็นอำนาจของทางอธิบดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับของกลางมาและทำลายได้เลย เพราะขณะนี้การตัดเก็บของกลางของตำรวจ ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินไปเช่าโกดังเพื่อเก็บของกลาง เฉลี่ย 1 เดือน ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท
"เขาฝากเรามาให้ช่วยประสานว่า หากรับของกลางมา และรู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ให้อำนาจอธิบดีสามารถสั่งทำลายได้เลย จะได้ประหยัดงบประมาณแผ่นดิน และช่วยแก้ไขปัญหาการลักลอบนำของกลางออกไปขาย ซึ่งเคยมีข่าวว่ามีบุหรี่ไฟฟ้าของกลางจำนวนมากถูกนำออกไปขาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นคนในที่มีขบวนการนำของกลางไปขายต่อ ซึ่งทางตำรวจรับปากว่าจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ และฝากให้ สส.ช่วยผลักดันปิดช่องโหว่ตรงนี้" น.ส.สุณัฐชา กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี