วันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วราวุธ แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย???
ตั้งแต่เมื่อวานนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งข่าวดังกล่าวไม่แน่ใจว่า เป็นการโยนหินถามทาง หรือเป็นกระแสข่าวปล่อยหรือกระแสข่าวลือ เพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างไรหรือไม่
แต่เมื่อเป็นกระแสข่าวที่นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง จนผู้เกี่ยวข้องหลายคน มีทั้งตอบรับและปฏิเสธ เช่น นายสรวงค์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกว่า ตนไม่แน่ใจว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้พูดคุยกับนายวรวุฒิหรือไม่ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนให้ข่าวนี้ และเป็นไปได้หมด แต่ยังไม่ใช่การยืนยันจากพรรคเพื่อไทย และมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แสดงว่าไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับ รวมถึงสมาชิกพรรคระดับแกนนำหลายคนด้วย
จนถึงการสอบถามความเห็นเรื่องนี้ จากนายวราวุฒิที่กำลังอยู่ในต่างประเทศ ก็ตอบคำถามในลักษณะไม่ปฏิเสธหรือไม่ยอมรับเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นความจริงและมีความเป็นไปได้ โดยมีเหตุผลสนับสนุน คือ
1.แนวความคิดการควบรวมพรรคของนายทักษิณ ชินวัตร เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต สมัยพรรคไทยรักไทยควบรวมพรรคเสรีธรรม พรรคชาติพัฒนา และพรรคความหวังใหม่ให้เป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหลีกเลี่ยงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่าย เพราะฉะนั้นการจะมีการควบรวมพรรคเพื่อไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนาในยุคนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
2.ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของนายทักษิณ ชินวัตร กับครอบครัวของนายบรรหาร ศิลปอาชา มีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด มีความผูกพันกันมาก สืบทอดมาจนถึงยุคของนายวราวุธ ศิลปอาชา ซึ่งนายทักษิณเคยประกาศว่า เป็นพรรคการเมืองเดียวที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และระหว่างที่พรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาลกับพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธก็ได้เคียงข้างกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายวราวุธก็ประกาศว่า ถ้านายกฯไม่รอดพวกเราก็ไม่รอด และพร้อมสนับสนุนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
3.เกิดแนวความคิดการเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งพ่อทั้งลูก เพื่อสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมา เช่นเดียวกันเมื่อนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว นายวราวุธ ศิลปอาชา ก็ควรได้เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน
4.ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้ซ้ำซ้อนกัน ฐานเสียงหรือจังหวัดที่พรรคชาติไทยพัฒนามีส.ส.อยู่ พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีคะแนนและไม่มีโอกาสได้เป็นส.ส. เช่น จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดนครปฐม เมื่อมีการควบรวมกัน เป็นความลงตัวและเป็นการเติมเต็ม ระหว่างพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคเพื่อไทย
5.เป็นการลดความเสี่ยงของนายวราวุฒิต่อการสอบตกในระบบส.ส. บัญชีรายชื่อ เพราะผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ถึงเกณฑ์การได้ที่นั่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่นายวราวุธได้เป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เพราะมีการปัดเศษ การเลือกตั้งครั้งต่อไปก็เสี่ยงที่จะทำให้นายวราวุธสอบตกในระบบบัญชีรายชื่อได้ แต่ถ้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย และลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ก็เป็นการเซฟและเป็นหลักประกันว่า นายวราวุธจะได้เป็นส.ส.อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นถ้าดูเหตุผลแล้ว มีความเป็นไปได้ ดูท่าทีของผู้เกี่ยวข้องทั้ง2พรรค ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ 1.นายวราวุธจะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย 2.ตัวแทนของครอบครัวชินวัตร ที่ไม่ใช่คนนามสกุลชินวัตร คือนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยของนายทักษิณ ส่วนคนที่3 มีชื่อของบุคคลที่น่าจะได้รับการพิจารณา และได้รับการสนับสนุนจากนายทักษิณ เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มทุนของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัยถือว่าเป็นมือขวาของนายทักษิณ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งเป็นคนที่มีสมาชิกพรรคหลายคนสนับสนุน
ดังนั้นรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยก็น่าจะครบ3คนได้ไม่ยาก ถ้าดูจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี