‘รังสิมันต์’แถลง‘ทุนเทา’เชื่อม‘สแกมเมอร์’ จ่อใช้กลไกการเงิน‘ยึดประเทศไทย’ จี้รัฐบาลเร่งประสานความร่วมมือต่างประเทศสอบสวนปราบปรามให้สิ้น
10 ตุลาคม 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงโรดแมปการติดตามเปิดโปงกลุ่มทุนเทายึดประเทศ ที่มีเครือข่ายพัวพันกับนักการเมืองระดับสูงของไทยและกัมพูชา
นายรังสิมันต์ระบุว่าวันนี้ต้องยอมรับว่าสแกมเมอร์เป็นปัญหาที่ใหญ่และมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ ชนิดที่ยากมากที่กฎหมาย เครื่องมือ หรือแนวปฏิบัติที่รัฐกำลังดำเนินอยู่จะสามารถทำลายเครือข่ายการฟอกเงินในวันนี้ได้ วันนี้เงินของบรรดาสแกมเมอร์ที่ไหลเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านต้องมีการฟอกเพื่อให้สามารถเอามาใช้ได้ แน่นอนว่าธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในประเทศนั้นอาจจะรองรับ และหลบเลี่ยงการติดตามของหน่วยงานภาครัฐได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงของประเทศนั้นก็มีแต่แย่ลง และทำให้ประเทศมหาอำนาจทางการเงินที่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ติดตามและให้ความสำคัญมากขึ้น
อย่างเช่น บริษัท ฮุยวัน ที่เชื่อมโยงกับบุคคลสำคัญของตระกูลฮุน ที่หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐอเมริกาได้มีการเฝ้าระวังในเรื่องของการฟอกเงิน ซึ่งจำนวนเงินมีการแจ้งจากทางการสหรัฐฯ เทียบไม่ได้เลยกับเงินที่ไหลเวียนจริงซึ่งตัวเลขเท่าที่ติดตามได้อยู่ที่ 3.3 ล้านล้านบาท ขณะที่บางฐานข้อมูลประเมินว่าอาจจะสูงกว่านั้นถึง 10 ถึง 30% แต่ส่วนนั้นเป็นเพียงแค่ปฐมบทของอาณาจักรการฟอกเงิน เพราะในความเป็นจริงเครือข่ายสแกมเมอร์ได้มีการขยายอาณาจักรไปที่อื่น และวันนี้พยายามเข้ามาสู่ประเทศไทยโดยใช้เงินสีเทาเพื่อมายึดโครงสร้างสำคัญของประเทศไทย
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า บางบริษัทเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) บางบริษัทเกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงาน โดยไม่ได้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา มีวิธีการซ่อนตัวตนของผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงผ่านบริษัทหรือกองทุนที่อยู่ในประเทศอื่น ใช้วิธีการหลากหลายรูปแบบเพื่อทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถติดตามตัวตนที่แท้จริงของคนที่จะได้รับผลประโยชน์เหล่านี้ได้ ใช้เงินจำนวนมากมายึดและทำให้บริษัทเหล่านั้นอยู่ใต้อาณัติของเครือข่ายทุนสีเทา
ทั้งนี้ ที่ตนได้อภิปรายในการแถลงนโยบายที่ผ่านมาเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของเครือข่ายที่มีความร้ายแรงมาก ซึ่งหากทำสำเร็จจะไม่ใช่แค่กลุ่มทุนเทาสามารถฟอกเงินได้มากขึ้น มีเครือข่ายการฟอกเงินที่มากขึ้น รองรับกับการขยายธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อเอาเงินผิดกฎหมายเข้ามาสู่ประเทศไทยได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำให้บริษัทเหล่านั้นกลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินให้กับกลุ่มทุนเทาเหล่านี้มากยิ่งขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์เป็นแหล่งรวมทุนสีเทา และมีความเสี่ยงที่ทำให้คนทำมาหากินสุจริตได้รับผลกระทบจากมาตรการทางการเงินหรือมาตรการใดจากประเทศที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันการฟอกเงินด้วย
นายรังสิมันต์ ระบุว่า ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าทุนสีเทากำลังจะยึดประเทศไทย และทุนสีเทาเหล่านี้มีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองและผู้มีอำนาจ ซึ่งพรรคประชาชนในฐานะพรรคการเมืองฝ่ายค้านต้องการเห็นรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ แต่จากวันที่พรรคประชาชนมีการเปิดโปงเรื่องนี้มาจนถึงวันนี้ กลับยังไม่มีความคืบหน้าอย่างจริงจัง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้ ตนและพรรคประชาชนจะเดินหน้าติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยใช้ทุกช่องทางเท่าที่มีอยู่ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหยุดยั้งเครือข่ายทุนเทาไม่ให้รุกคืบเข้ามายึดครองประเทศไทยไปมากกว่านี้ โดยจะแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่
1) จากข้อมูลที่มีอยู่ในมือจะดำเนินการเอาผิด เช่น บางบริษัทได้ใช้วิธีการเก็บข้อมูลด้วยการสแกนม่านตา โดยอ้างว่าเป็นการยืนยันตัวตนของบุคคลในอนาคตด้วยเทคโนโลยี ซึ่งข้อเท็จจริงจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งพบว่า มีการสแกนม่านตาประชาชนจำนวนมากวันนี้มีเกือบ 2 ล้านคนแล้ว คนที่มาสแกนม่านตาเหล่านี้ไม่รู้ว่าเงินหรือคริปโตที่ได้มา กับสิ่งที่เสียไปมันคืออะไร ซึ่งคือการเก็บข้อมูลเหล่านี้บางจุดไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความกังวลว่าการเก็บข้อมูลแบบนี้ แล้วจะส่งผลเสียกับประชาชนมากขนาดไหน ซึ่งอาจนำไปสู่การปลอมแปลงตัวบุคคลในโลกออนไลน์ด้วยเทคโนโลยี หากการปลอมแปลงทำได้สำเร็จ จะทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมอีกมาก การเก็บข้อมูลชีวมิติแบบนี้ยังผิดกฎหมายเบื้องต้นทางกรรมาธิการ ได้ให้ข้อแนะนำต่อ กลต. , สำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) , ตำรวจไซเบอร์ เพื่อทำงานร่วมกัน
2) การสอบสวนเครือข่ายสแกมเมอร์ที่เกี่ยวพันกับบางคน ซึ่งข้อมูลล่าสุดคือ Department Homeland Security ของสหรัฐอเมริกากำลังสอบสวนกรณีพัวพันกับเครือข่ายสแกมเมอร์ที่หลอกลวงคนอเมริกันอยู่ ขณะที่ FinCEN ก็กำลังสอบสวนกลุ่ม บริษัท ฮุยวัน ของตระกูลฮุน ที่พบว่ามีการฟอกเงินให้กลุ่มสแกมเมอร์ไปแล้วกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีเส้นเงินที่อาจเชื่อมโยงกับการกระทำความผิดอื่นมากกว่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะเพิ่มความร่วมมือกับทางการสหรัฐอเมริกาในการเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อนำไปสู่การขยายผลปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ต่อไป
นอกจากนี้ยังมีบริษัทหรือกองทุนที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ที่อยู่ในกัมพูชา ช่วยเหลือการปกปิดตัวตนของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง เป็นเครื่องมือในการเข้ามาลงทุนในบริษัทสำคัญของประเทศไทย และอาจมีการใช้เทคโนโลยีคริปโตเคอเรนซี่เพื่อฟอกเงินให้กับสแกมเมอร์ โดยมีอยู่ถึง 6-7 บริษัทหรือกองทุนที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ นั่นหมายความว่าการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานของประเทศไทย โดยเฉพาะ กลต. จะต้องทำงานร่วมกันกับหน่วยงาน Monetary Authority of Singapore (MAS) ของสิงคโปร์ ซึ่งเบื้องต้น กลต. ได้รับปากและยืนยันว่าจะมีการประสานกันในส่วนนี้แล้ว
จากข้อมูลที่ชี้ออกมาค่อนข้างชัดเจนว่าเครือข่ายฟอกเงินและสแกมเมอร์ใช้ประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง หากได้รับข้อมูลที่เพียงพอและมีการประสานงานที่เพียงพอกับนานาชาติ ตนเชื่อว่าเราสามารถใช้โอกาสนี้ในการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ได้อย่างเด็ดขาดมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน โดยพวกตนจะพยายามทำเรื่องนี้อย่างดีที่สุด และตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานอย่าง MAS เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งฝ่ายการเมืองและผู้ปฏิบัติอย่าง กลต. จะสามารถดำเนินการเพื่อจัดการกับทุนสีเทาที่ฟอกเงินผ่านบริษัทหรือกองทุนข้ามชาติเหล่านี้ได้
3) เร่งรัดหน่วยงานในการออกมาตรการป้องกันการฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลและตลาดทุนไทย ซึ่งปัจจุบันสภามีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ปปง. อยู่ ซึ่งทาง ปปง. เองก็ยืนยันว่าหากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน หนึ่งในเรื่องที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงคือจะมีการบังคับใช้ Travel Rule หรือการที่คริปโตเคอเรนซี่ต่างๆ จะอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่ง่ายขึ้น และจะทำให้หน่วยงานรัฐสามารถติดต่อความเคลื่อนไหวของคริปโตเคอเรนซี่ในทุกรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่มีใครทราบว่ากรรมาธิการจะพิจารณาแล้วเสร็จเมื่อไหร่ และจะทันก่อนยุบสภาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ได้แนะนำไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องรอให้ พ.ร.บ. ฉบับนี้ออกมา กลต. สามารถทำเรื่องนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขกฎกระทรวงหรือกระทั่งออกระเบียบ กลต. ซึ่งฐานทางกฎหมายที่มีอยู่เพียงพอที่จะดำเนินการได้ ตนจึงหวังว่า Travel Rule จะถูกนำมาบังคับใช้โดยเร็วและไม่ควรจะมีข้ออ้างอันใดอีกแล้ว
นอกจากนี้ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายของ เลียง พัด หนึ่งในออกญาคนสำคัญที่เป็นวุฒิสมาชิกของกัมพูชา ซึ่งมีสัญชาติไทยด้วย เป็นประธานสมาคมออกญาของกัมพูชา มีความใกล้ชิดกับ ฮุนเซน เป็นอย่างมาก มีเบาะแสที่น่าเชื่อถือว่ามีทรัพย์สินของ เลียง พัด อยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความล่าช้าของการบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานไทย เชื่อได้ว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเพื่อหลบเลี่ยงการยึดอายัดทรัพย์สินไปแล้ว ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบว่าปัจจุบันยังมีทรัพย์สินที่เชื่อมโยงไปถึง เลียงพัด เหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้มีการดำเนินการในส่วนของ ปปง. หรือองค์กรตำรวจในการยึดอายัดทรัพย์สินต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องทำให้เกิดระบบ whistleblower ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การแจ้งเบาะแสการตรวจสอบการติดตาม ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลคนสำคัญของกลุ่มสแกมเมอร์ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับทุนสีเทา ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้นักการเมืองอย่างตนหรือพรรคประชาชนออกมาพูดในสภาเท่านั้น รัฐบาลจะต้องสร้างกลไกที่ปลอดภัยให้คนที่แจ้งเบาะแสเรื่องนี้ แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนที่ออกมาแฉถูกฟ้องและดำเนินคดี
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ประเทศไทยควรมีการให้สัตยาบันในส่วนของ UNCC 2024 ซึ่งมีกำหนดลงสัตยาบันภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2026 รวมไปถึงอนุสัญญาบูดาเปสต์ว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์และการฟอกเงิน การสร้างความร่วมมือโดยใช้กลไกของกฎหมายระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องจำเป็นที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์และฟอกเงินอย่างได้ผล
อย่างไรก็ตามในวันที่ 30 ตุลาคมนี้กรรมาธิการจะเชิญนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้ข้อมูล เพราะนายวรภัทรเกี่ยวข้องกับธนาคารในกัมพูชาที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวพันเชื่อมโยงแก๊งสแกมเมอร์ ผมเชื่อว่านายวรภัคจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการที่เราจะเข้าไปปราบปรามจัดการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี