พีระพันธุ์’ ชูนโยบายปราบทุจริตคอร์รัปชัน ‘ประหารชีวิต-ลูกหลานชดใช้’ เคลียร์ปมถุงยังชีพ-คลิปเสียง โล่งใจพรรคไร้กลุ่มก๊วน เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาประชาชน
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ถึงสถานการณ์และความท้าทายที่พรรคเผชิญอยู่ พร้อมยืนยันว่าพรรคจะเดินหน้าต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมุ่งเน้นการทำงานเพื่อประชาชนและการแก้ไขปัญหาของประเทศ
ในส่วนที่เกี่ยวกับอนาคตของพรรครวมไทยสร้างชาติและการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคนั้น นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ตนรู้สึก "สบายใจขึ้น" ที่ปัจจุบันพรรคไม่มีกลุ่มก๊วน และยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะยังคงลงสนามเลือกตั้งในครั้งหน้า ซึ่งตนกำลังคัดเลือกผู้สมัครใหม่ที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ มีความซื่อสัตย์สุจริต และจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของประเทศ โดยไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัวหรือตำแหน่ง
“สําหรับผม ผมไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านหรือเดือดร้อนเลย เพราะว่าการเมืองก็เป็นเรื่องแบบนี้ แล้วสาเหตุลึกๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงนี่ ผมพูดไม่ได้หรอก และผมคิดว่าสังคมก็รับไม่ได้ถ้ารู้เบื้องหลังนะ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าผมมีความตั้งใจที่จะทําพรรคการเมืองพรรคนี้ให้เป็นพรรคที่ให้ประชาชนเห็นว่า ผมมาทํางาน ผมไม่ได้มาเล่นเกมการเมือง และไม่ได้มาเล่นเกมธุรกิจการเมืองเพื่อหาเงิน” นายพีระพันธุ์กล่าว
นายพีระพันธุ์ยังได้กล่าวย้ำถึงอุดมการณ์พรรคว่า ตนไม่ต้องการให้พรรครวมไทยสร้างชาติถูกจัดอยู่ในกรอบอนุรักษ์นิยมหรือฝ่ายใด แต่ต้องการให้เป็นพรรคที่มาทำงานและแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งสีแบ่งฝ่ายทางการเมือง และต้องการให้ทุกคนรวมพลังกันเพื่อพัฒนาประเทศ พร้อมย้ำว่าเรื่องสถาบันหลักของประเทศเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นและไม่อาจประนีประนอมได้
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ยังได้กล่าวถึงผลงานและความท้าทายในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่ผ่านมาว่า ตนได้ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และสามารถลดค่าไฟฟ้าลงมาต่ำได้กว่า 4 บาทต่อหน่วย โดยปัจจุบันค่าไฟอยู่ที่ 3.94 บาท และตั้งเป้าไว้ก่อนพ้นตำแหน่งว่าจะลดให้เหลือประมาณ 3.70 บาทในปี 2569 อีกทั้งยังได้ตรึงราคาก๊าซหุงต้มไว้ที่ 423 บาทต่อ 15 กิโลกรัมมาตลอด ซึ่งในการรับหน้าที่กำกับดูแลด้านพลังงานนี้ ตนได้เผชิญกับปัญหาอุปสรรคมาตลอดทาง ทั้งการปิดบังข้อมูล การไม่ได้รับความร่วมมือ และการต่อต้านจากผู้มีผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครเคยแก้ไขปัญหาพลังงานของประเทศได้สำเร็จ แต่ตนมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้งเรื่องน้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซ โดยจะผลักดันกฎหมายที่สำคัญ เช่น พ.ร.บ. กำกับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้ผันผวนรายวัน พ.ร.บ. การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ประเทศมีน้ำมันสำรองของตนเอง ไม่ใช่อิงจากการสำรองน้ำมันของผู้ค้าเอกชน และร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ พ.ร.บ.โซลาร์เสรี ซึ่งจะช่วยปลดล็อกให้ประชาชนติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ง่ายขึ้น แต่ร่างกฎหมายฉบับหลังสุดนี้กลับโดนตีตกจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้ง ๆ ที่ ครม.ได้มีมติเห็นชอบไปแล้ว ซึ่งตนมองว่าเป็นการกระทำที่เกินอำนาจหน้าที่ของกฤษฎีกา โดยเชื่อว่ามีการขัดขวางจากผู้ได้รับผลประโยชน์เช่นเดิม
นายพีระพันธุ์ยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากเรื่องพลังงานแล้ว นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติจะเน้นการแก้ไขปัญหาความไม่ยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะการกำจัดเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน โดยเสนอโทษประหารชีวิตและให้ลูกหลานญาติพี่น้องชดใช้เงินคืนแผ่นดิน
“อีกอย่างนึงที่ผมคิดว่าต้องแก้ปัญหาโดยเร่งด่วนคือเรื่องของความไม่ยุติธรรมในสังคม และการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ผมกําลังคิดว่า นโยบายหลักอีกเรื่องของรวมไทยสร้างชาติ คือ พวกที่ทุจริตงบประมาณแผ่นดินต้องประหารให้หมด ญาติพี่น้องต้องชดใช้เงินคืนแผ่นดินทุกคน เราขโมยเงินคนตามกฎหมายอาญามีโทษอยู่แล้ว แต่นี่งบประมาณแผ่นดินเงินของคนทั้งประเทศ โทษเท่ากับขโมยเงินคนคนเดียวได้อย่างไร ประเทศนี้ต้องแก้ไข นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าผมจะเสนอทุกอย่างที่ควรจะต้องแก้ไขในประเทศนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว
ต่อข้อซักถามในประเด็นข้อกล่าวหากรณีคลิปเสียงอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคถูกโจมตีมาตลอดว่าเหตุใดจึงไม่ถอนตัวนั้น นายพีระพันธุ์ชี้แจงว่า ช่วงแรกเสียงส่วนใหญ่ในพรรคเห็นว่า นายกฯ ควรต้องลาออก และได้มีมติให้ตนไปแจ้งให้นายกฯ ทราบ ซึ่งทาง นายกฯ ได้ขอเวลาทบทวนพิจารณา ต่อมา สมาชิกส่วนหนึ่งของพรรคก็มีความกังวลว่า ถ้าพรรคถอนตัวก็อาจจะเกิดการยุบสภา ซึ่งพวกเขายังไม่พร้อม จากนั้น ก็มีผู้ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคดีคลิปเสียงดังกล่าว ผู้บริหารพรรคจึงเห็นตรงกันว่า ควรรอฟังคำตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าหากพรรคไปชี้ว่าผิด แต่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าไม่ผิด ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ดังนั้นจึงให้รอฟังคำตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนดีกว่า
ประเด็นถัดมาเกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบตนเรื่องข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการแจกถุงยังชีพนั้น นายพีระพันธุ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอีกความพยายามที่ตั้งใจจะทำให้ตนเสียหาย พร้อมอธิบายว่า การจะกระทำผิดเรื่องใดได้ต้องมีเจตนามาเป็นองค์ประกอบหลัก โดยในวันนั้น ตนได้ไปปฏิบัติภารกิจเยียวยาน้ำท่วม 9 จุด ใน 3 จังหวัด คือ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช แต่ทำไมจึงมีปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะใน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเมื่อสืบหาข้อมูลก็พบว่า ก่อนหน้านั้น สส.ในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบจัดการเรื่องของบริจาค ได้มาขอสนับสนุนสิ่งของจากพรรคไปร่วมบริจาค ตนจึงส่งข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัมจำนวนหนึ่ง ไปร่วมแจกจ่ายให้ประชาชนด้วย ในวันเกิดเหตุนั้น ทางทีมงานของ สส.ในพื้นที่ ก็ได้นำเอาข้าวสารที่ตนร่วมบริจาคไปรวมไว้ในถุงเดียวกับสิ่งของที่ได้รับมาบริจาคมาจาก ปตท. โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของ ปตท. แล้ว ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการขนส่งและแจกจ่ายให้แก่พี่น้องประชาชน พร้อมกับแปะสติกเกอร์รูปของตนที่ทำกันไว้เองก่อนหน้านั้นบนด้านหน้าถุงเหมือนที่เคยทำด้วยความเคยชิน ซึ่งตนไม่ได้สังเกตเห็นในจุดนี้ตั้งแต่แรก เพราะคนที่ส่งถุงยังชีพมาให้หันด้านหลังถุงให้ตนส่งต่อแก่ชาวบ้าน แต่เมื่อตนสังเกตเห็น ก็บอกให้นำสติกเกอร์ดังกล่าวออกและหยุดแจกถุงยังชีพทันที และมีพยานรู้เห็นในเรื่องนี้ แต่กลับไม่อยู่ในสำนวน ตนจึงไปแจ้งความให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบสวนและบันทึกข้อมูลไว้แล้ว
“กรณีนี้ผมถูกวางยาแน่นอน ผมจะไปลงพื้นที่พรุ่งนี้เช้า ตารางกำหนดการของผมเสร็จคืนนี้ 4 ทุ่ม แล้วผมจะเอาของ เอาสติ๊กเกอร์จากไหนมาเตรียมการ แล้วถ้าผมจะทํา ทําไมผมไม่ทําทุกจังหวัด แล้วที่เห็นในภาพก็มีรูปของท่านอดีตรัฐมนตรีด้วย แต่บอกว่าท่านไม่ผิด ผมผิดคนเดียว” นายพีระพันธุ์ตั้งข้อสังเกต
สุดท้าย นายพีระพันธุ์ได้กล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ และยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี