‘ชิดตะวัน’เปิดข้อ กม.‘อังคณา-เท้ง-กัณวีร์’เสี่ยงขวางจนท.ปม‘เสียงผี’ เบิกเนตรสิ่งที่ควรทำ
15 ตุลาคม 2568 รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง และผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า จากกรณีนางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) , นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และนายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเป็นธรรม ให้ความเห็นในเชิงตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและประชาชน ที่เปิดคลิปผีในดินแดนไทยเพื่อขับไล่ชาวเขมร เป็นกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศนั้น เป็นกรณีการให้ความเห็นของสมาชิกรัฐสภาที่ขาดองค์ความรู้เกี่ยวกับสนธิสัญญาระหว่างประเทศ อีกทั้งเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
โดย United Nations Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment ได้นิยามคำว่า การทรมาน หมายถึง การกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรง ไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจ แก่บุคคลใดโดยเจตนา เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ อย่างไรก็ดี บทบัญญัตินี้ไม่รวมถึงความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจาก ที่เป็นอยู่โดยธรรมชาติ หรือเป็นผลสืบเนื่องมาจากการลงโทษที่ชอบด้วยกฎหมาย
การเปิดเสียงผีในช่วง 2 คืนที่ผ่านมาบนแผ่นดินไทย เพื่อขับไล่คนเขมรออกจากดินแดนอันเป็นเขตอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย จึงไม่มีประเด็นใดที่เข้าข่ายเป็นการทรมานตามคำนิยามของอนุสัญญาข้างต้น นอกจากนี้ คลิปเสียงผีโหยหวนที่เปิดบนแผ่นดินของประเทศไทย ไม่อาจเทียบได้กับการที่ชาวกัมพูชาละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย ด้วยการยึดดินแดนของไทยมาแล้ว 4 ทศวรรษ ประกอบกับก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน กัมพูชาก็ได้ทำสงครามกับประเทศไทย ด้วยการยิงปืนใหญ่จากกัมพูชาโจมตีที่อยู่อาศัยและสถานที่ประกอบการของพลเรือน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ จนทำให้เด็กนักเรียนและคนไทยผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ พิการ และล้มตายเป็นจำนวนมาก
เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 52 ประกอบมาตรา 3 วรรค 2 มีสาระโดยสรุปว่า คณะรัฐมนตรี รัฐสภา หน่วยงานรัฐ มีหน้าที่พิทักษ์รักษาเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และความมั่นคงแห่งรัฐ ดังนั้น รัฐบาล สมาชิกรัฐสภา และเจ้าหน้าที่รัฐไทย มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อให้คนกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทยออกจากเขตแดนของไทย ถ้าหากไม่ปฏิบัติ ก็เข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
การที่สมาชิกรัฐสภาตามรายชื่อข้างต้น ให้ความเห็นในเชิงตำหนิ ปราม เพื่อนำไปสู่การระงับยับยั้งการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและพลเรือนที่ไปเปิดหนังผีขับไล่ชาวกัมพูชาว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดสัญญาระหว่างประเทศ โดยไม่พิจารณาข้อกฎหมายระหว่างประเทศ และข้อเท็จจริงว่า ประเทศกัมพูชาได้ฉีกอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ห้ามการโจมตีพลเรือนและสถานที่พลเรือนโดยเด็ดขาดในภาวะสงคราม จึงเป็นกรณีการให้ความเห็นของสมาชิกรัฐสภาโดยขาดองค์ความรู้ ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ซึ่งนอกจากจะเข้าข่ายเป็นกรณีไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 แล้ว ยังเป็นการริเริ่มที่จะขัดขวางโดยลดความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานของรัฐไทยที่ได้ดำเนินการตามกฎหมายอีกด้วย
หากบุคคลที่ออกมาพิทักษ์สิทธิมนุษยชนในตอนนี้ประสงค์ให้มีการพิทักษ์สิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง นั่นคือ ไม่ต้องการให้มีการเสียเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนกัมพูชา ทหารกัมพูชา ประชาชนไทย ทหารไทย ก็ต้องไปกระทุ้งรัฐบาลให้ยุติการค้ากับกัมพูชาโดยสัมบูรณ์ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ รวมถึงยกเลิกมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่กัมพูชา โดยเฉพาะ 7 โครงการที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไปตกลงกับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
“เพราะการยุติการค้าและความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ เป็นยุทธวิธีในการสร้างความได้เปรียบโดยไม่ต้องรบ ที่นานาอารยประเทศกระทำต่อประเทศที่มาคุกคามเอกราช และความปลอดภัยของคนในชาติ ดั่งเช่นที่ท่านพลโทบุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เคยกล่าวไว้ว่า ชนะโดยไม่ต้องรบ” รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี