วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT โพสต์ข้อความระบุว่า “6 วิกฤตคอร์รัปชัน” หยุดไม่ได้ ไทยก็พัง
การประกาศไม่ยอมทนกับวิกฤตคอร์รัปชันของ 3 สถาบันหลักภาคเอกชนคือ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมฯ และสมาคมธนาคารไทย ตอกย้ำถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ลุกลาม จนการค้าการลงทุนของไทยย่ำแย่ การเมืองขาดเสถียรภาพ หลักนิติธรรมตกต่ำ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนมาต่อเนื่อง
ต่อไปนี้คือ 6 พฤติกรรมคดโกง ที่สร้างวิกฤตซ้อนวิกฤตให้สังคมไทย
เรื่องแรก "สินบน" เงินใต้โต๊ะ” จากเดิมที่เคยแอบจ่าย ลักกินซ่อนโกงไม่ให้คนเห็น แต่ทุกวันนี้มันไม่ต่างจากโจรปล้นกลางวันแสกๆ "ทุกคนรู้กันว่า ถ้าไปติดต่อที่ดิน ขนส่ง ศุลกากร ขอสร้างบ้านสร้างโรงงาน จะต้องจ่ายเท่าไหร่ จ่ายให้ใคร"
จนชาวต่างชาติที่มาทำธุรกิจ ทำงานหรือท่องเที่ยวตั้งคำถามว่า “ประเทศไทยมีหน่วยงานไหนบ้างที่เงินซื้อไม่ได้?”
ลองคิดดู ถ้าไม่ใช่ธุรกิจสีเทา ยังจะเหลือนักธุรกิจดีๆ สักกี่รายที่อยากมาลงทุนในบ้านเรา!!
เรื่องที่สอง โครงการก่อสร้างภาครัฐ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องพูดกันแล้วว่า มีคอร์รัปชันไหม เงินทอนเท่าไหร่ ปีหนึ่งเสียหายไปกี่แสนล้านบาท เพราะมันก้าวข้ามไปสู่คำถามน่าสะเทือนใจกว่า
"ทำไมการก่อสร้างของภาครัฐต้องล่าช้าเสมอ และเหตุใดจึงมีอุบัติเหตุที่ทำให้คนเจ็บคนตายบ่อยๆ"
คำถามนี้หากอธิบายไม่ได้ก็แก้ไขไม่ได้ โกงกินกันอย่างไรให้ประชาชนต้องเสี่ยงภัย บาดเจ็บล้มตายไปเรื่อยๆ จะแก้ไขอย่างไร ใครรับผิดชอบ ทุกวันนี้ที่นิ่งเงียบอยู่ไม่รู้ว่าแกล้งโง่ ไร้ฝีมือ หรือ
สะเพร่ากันแน่
เรื่องที่สาม ระบบวิ่งเต้นเส้นสายในวงราชการเป็นเรื่องรับรู้มานาน จนเมื่อสองปีก่อนมีนายพลตำรวจเอก 2 นายที่ใหญ่เป็นเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พวกเขาใช้เวลาเพียง 7
ปี เลื่อนขึ้น 7 ตำแหน่งจนใครๆ ก็ส่ายหน้ากับระบบ "ตั๋วช้าง" แล้วสองคนก็สร้างเรื่องน่าละอายมากมายในองค์กรแห่งนี้
มาวันนี้เกิดเรื่องตกต่ำลึกไปกว่านั้นอีก เมื่อผู้กองตำรวจสาวคนหนึ่งเติบโตก้าวกระโดดรวดเร็วและมหัศจรรย์กว่ามาก เธออยากเป็นทหาร ตำรวจ ปลัดอำเภอ อยากไปอยู่รัฐสภา อะไรก็ได้หมด
สรุปคือ “ย้ายข้ามห้วยง่าย เลื่อนขั้นก็เร็ว" ดั่งใจ
ทำเกินเลยขนาดนี้ ต้องมีผู้ใหญ่หนุนหลังแน่นอน
“อะไรกำลังกัดแทะระบบราชการ ทำลายระบบจนควบคุมคอร์รัปชันไม่ได้"
เรื่องที่สี่ “ตาชั่งไม่ตั้งตรง” กฎหมาย หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐ ถูกใช้เป็นเครื่องมือปกป้องผลประโยชน์และเล่นงานศัตรูของนาย มี 3 คดีดังที่ยืนยันเรื่องนี้ คือ คดีฮั้ว ส.ว. คดีที่ดินรถไฟเขา
กระโดง และกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์
แม้บอกไม่ได้ว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำไปเป็นเพราะเชื่ออย่างนั้นจริง หรือถูกนักการเมืองบังคับมา แต่นี่คือ “คอร์รัปชันโดยใช้ทรัพยากรของรัฐ” อย่างโจ่งแจ้ง ทำแบบนี้คนไม่มีพรรคพวก เส้นสาย จะอยู่
ได้อย่างไร
วันนี้แม้แต่ศาลยังถูกตั้งคำถาม องค์กรอิสระฯ ก็แปรปรวน เป๋ไปเป๋มา หลักนิติธรรมของแผ่นดินกำลังเสื่อมถอย เพราะน้ำมือของพวกเจ้าเล่ห์คิดคดแท้ๆ
กระบวนการยุติธรรมที่ซื้อได้ นำไปสู่คอร์รัปชันที่ใหญ่และเลวร้ายกว่าเสมอ
เรื่องที่ห้า ประเทศไทยอะไรก็เป็น “ความลับ” คนไทยถูกทำให้ไม่รู้ ถึงรู้ก็พูดไม่ได้ เรื่องใหญ่ระดับชาติถูก "ปกปิด" กันตามใจชอบ แม้รายงานการสอบสวนที่เสร็จสมบูรณ์ไปนานแล้ว อย่าง
- คดีบอส อยู่วิทยา ที่มีอาจารย์วิชา มหาคุณ เป็นประธานฯ เอกสารอยู่ในมือรัฐบาลและ ป.ป.ช.
- กรณีนาฬิกาหรูยืมเพื่อน เอกสารอยู่ในมือ ป.ป.ช.
- เหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม เอกสารอยู่ในมือรัฐบาล และ ป.ป.ช.
ไม่ยอมเปิดเผย ไม่แคร์สังคมที่รอความจริง เป็นเพราะ “ต้องการเก็บงำความลับเพื่อปกป้องคนชั่วหรือความล้มเหลวของใคร ใช่หรือไม่?”
เรื่องที่หก การเลือกตั้งใหญ่ผ่านไปแล้ว 2 ครั้งในปี 2568 คือเลือกตั้ง อบจ. และ เทศบาล ล้วนเต็มไปด้วยการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่ทุกคนรู้ กกต. ก็รู้
กลายเป็นว่า.. “คนไม่โกง ไม่เกิด” นักการเมืองจึงอยู่ใต้อิทธิพลนายทุน ไม่ก็เป็นคนของบ้านใหญ่นักการเมือง หรือผู้ที่มีอิทธิพล
โกงตั้งแต่เริ่ม พอได้ตำแหน่งมีอำนาจก็โกงกินถอนทุนคืน เรื่องนี้ไม่ใช่กล่าวหากันลอยๆ เพราะมีผลสำรวจทางวิชาการจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยยืนยันอยู่
วันนี้และในอนาคต เราจะได้คนแบบไหนมาปกครองประเทศเราหรือ?
ทางออกประเทศไทย..
การจับมือของผู้นำภาคเอกชนเพื่อลุกสู้กับคอร์รัปชัน รณรงค์นักธุรกิจรุ่นใหม่ปฏิเสธการจ่ายสินบน แต่ต้องเติบโตด้วยฝีมือ ไม่โกงสังคม ไม่โกงสิ่งแวดล้อม จะเป็นพลังสร้างสังคมไทยให้มีอนาคต
สำหรับภาครัฐ วิธีหยุดวิกฤตคอร์รัปชันที่ทำได้ทันทีแบบไม่ต้องลงทุนเพิ่มอีกเลยคือ ทำทุกอย่างให้โปร่งใส เปิดเผยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและตรวจสอบได้ แล้วความเชื่อมั่นจะกลับคืนมา
อีกเรื่องคือการสมัครเป็นสมาชิก OECD ถ้าสำเร็จ นั่นหมายถึงประเทศไทยจะเป็นที่ยอมรับในสายตานานาชาติ โอกาสค้าขายจะเพิ่มอีกมาก แต่มีเงื่อนไขสำคัญที่เขายืนยันให้ไทยต้องแก้ไขก่อน
คือ ควบคุมคอร์รัปชันให้ได้ ปรับปรุงกฎระเบียบ กติกาบางอย่าง ซึ่งทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของไทยเราเอง
“หวังว่าจากนี้ไปจะไม่มีรัฐบาลไหน สถาบัน หรือใครก็ตาม
ทำให้ประเทศไทยตกต่ำมากกว่านี้ได้อีกแล้ว”
มานะ นิมิตรมงคล
ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
16 ตุลาคม 2568
หมายเหตุ: เรียบเรียงจากการอภิปรายของผู้เขียนในเวที "เวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม ครั้งที่ 3" จัดโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เมื่อ 7 ตุลาคม 2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี