วันเสาร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2568
'จักรภพ'ถาม! 'ทักษิณ'กลับมาติดคุกเสียสละเช่นนี้ เพียงพอหรือไม่ที่จะได้ทำงานอีกครั้ง

'จักรภพ'ถาม! 'ทักษิณ'กลับมาติดคุกเสียสละเช่นนี้ เพียงพอหรือไม่ที่จะได้ทำงานอีกครั้ง

วันเสาร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 17.17 น.

“จักรภพ”ลั่นอย่าใช้กฎหมายเป็นเกณฑ์กลั่นแกล้งกัน”นายใหญ่”จะส่งผลเสียต่อประเทศในระยะยาว พร้อมสะท้อนมุมมอง“รมว.ยธ.คนใหม่”ถวายความเห็นยกฎีกาอภัยโทษ”ทักษิณ”ครั้งสอง ระบุตอนนี้เมืองไทยถูกมองจากโลกในฐานะที่ไม่ปกติ ส่วนปม“ทักษิณ” คุย “เบน สมิธ”ออกตัวแทนว่าเป็นเรื่องทำธุรกิจในกัมพูชา “เบน” เป็นคนของ “ฮุนเซน” ที่พามารู้จัก แต่พอรู้ภายหลังถึงความเกี่ยวข้องอย่างอื่นได้ตัดสัมพันธ์ทันที  

วันที่ 18 ตุลาคม 2568 เวลา 12.00 น. ที่ด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน เเขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ว่ามีคนเสื้อแดงจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ อาทิ กรุงเทพมหานคร แดงดอนเมือง และเสื้อแดงจาก จ.ปทุมธานี นนทบุรี หนองคาย ชลบุรี  สมุทรปราการ ศรีสะเกษ เป็นต้น รวมตัวทำกิจกรรมด้านหน้าเรือนจำฯ เพื่อให้กำลังใจให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันถูกคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง บังคับโทษ 1 ปี  โดยปขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรมนานกว่า 1 เดือน 9 วัน  ทั้งนี้ กลุ่ม พปศ. หรือกลุ่มเพื่อชาติเพื่อประชาธิปไตยและคนที่เรารักและศรัทธา มีกำหนดการจัดกิจกรรมปราศรัยขนาดเล็ก โดยนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำทีมเสวนากับคนเสื้อแดง นอกจากนี้ กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงได้จัดเวทีเสวนาถึงนโยบายสมัยพรรคไทยรักไทย นำโดย นายอรรถชัย อนันตเมฆ หรือโด่ง และนายวรชัย เหมะ และแกนนำมวลชนอีกหลายคน พร้อมกันนี้ เวลา 15.00 น. เป็นกิจกรรมของการรับประทานอาหารเย็นหน้าเรือนจำฯ ในหัวข้อ ต้มแซ่บเขากระโดง ต้มโคล้งฮั้ว สว. จากนั้นเวลาประมาณ 15.45 น. เวทีเปิดให้นักร้องคนเสื้อแดงและนักร้องที่ต้องการที่จะมาร้องเพลงให้ประชาชนฟังมาร่วมกิจกรรมกัน 


โดย นายจักรภพ เพ็ญเเข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาพร้อมกับคู่สมรส สุไพรพล เพ็ญแข หรือป๊อบ ก่อนขึ้นกล่าวปราศรัยว่า วันนี้ไม่ใช่การชุมนุมแต่เป็นการพบปะกันของคนที่รักนายทักษิณ ชินวัตร ตนมาให้กำลังใจท่าน ในฐานะที่เป็นโฆษกรัฐบาลในสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายทักษิณได้เริ่มต้นทำให้สิ่งที่มันต่าง ช่องว่างได้หดแคบลง ตั้งแต่ยุคสมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทย แต่เวลามัน 20 ปี มันก็มีการกลั่นแกล้งทางการเมือง มีการยึดอำนาจ มีการใช้คดีความต่างๆ มีการรัฐประหารในกองทัพ มีการรัฐประหารต่อกฎหมาย ดังนั้น การประนีประนอมจึงมีความสำคัญ ไม่เช่นนั้นคงตายก่อนได้ทำงาน จึงมีบางระยะที่พี่น้องอาจไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ก็เพื่อให้เราอยู่รอดได้มาเจอกันในทุกวันนี้ 

“เราหวังว่าการเข้าเรือนจำของนายทักษิณครั้งนี้ เป็นไปโดยสมัครใจ เพราะถึงไปนอกประเทศแล้วก็ยังกลับมาเข้าเรือนจำ ครั้งนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญต่อใจผู้ใหญ่บ้านเมือง ว่าการเสียสละเช่นนี้เพียงพอหรือไม่ที่เราจะกลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้งหนึ่งได้หรือต้องให้ตายกันไปอีกข้างหนึ่ง ประเด็นคือเราต้องการให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบททดสอบที่หวังว่าทุกคนจะมีความใจกว้างขึ้น ลดราวาศอก ลดความเป็นพรรคพวกมากขึ้น เพราะวันนี้ประเทศไทยอยู่ในฐานะที่ลำบาก ในการพัฒนาทุกด้าน”

เมื่อถามว่าใกล้เลือกตั้งแล้วกรณีที่นายทักษิณคงอยู่ในเรือนจำเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อเสียงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายจักรภพ ตอบว่า ตนขอเรียนว่าชื่อของนายกทักษิณ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ไปแล้ว ท่านจะอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หรืออยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล หรือที่บ้านพิษณุโลก หรืออยู่ในเรือนจำ ท่านก็สามารถมีอิทธิพลทางบวกให้คนในพรรคได้ยึดเป็นแนวทาง แต่สิ่งที่ตนเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องของตัวนายกฯทักษิณ กับอิทธิพลทางความคิด แต่กลัวว่าจะมีคนช่วยโอกาสเอาเรื่องนี้สร้างความแตกแยกในมุมพวกเราเอง และความแตกแยกนั้นจะทำให้กำลังอ่อนเปลี้ยลง บรรยากาศที่เรามาแสดงตัวกันมากขึ้นในตอนหลังนี้ก็เพราะว่าเราอยากเห็นพรรคกลับมา อยากให้คิดถึงประวัติศาสตร์ของพรรค เพราะพรรคไม่ได้มีอายุแค่ 5 ปี แต่มีอายุถึง 20 ปีแล้ว นับแต่การเป็นรัฐบาลเมื่อปี 2544 เป็นต้นมา และประชาชนก็ให้ความไว้วางใจ 

เมื่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามว่าภายหลังกระบวนการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ได้มีการประเมินกรอบระยะเวลาว่าเมื่อใดนายทักษิณ จะได้ออกจากเรือนจำ นายจักรภพ ตอบว่า เรื่องนี้คงไม่มีใครรู้อย่างแน่นอน พร้อมถามกลับว่ามีใครในประวัติศาสตร์ประเทศไทยหรือไม่ ที่มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษสองครั้งเหมือนกับนายทักษิณนั้น ก็ยืนยันไปว่าไม่มี  ขอฝากว่าถ้าหากเห็นแก่ส่วนรวมจงทำเรื่องคดีความให้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะในอดีตก็ต้องยอมรับว่ามันมีการเล่นเกมกัน สุดท้ายก็ได้สติว่าการเล่นเกมกับข้อกฎหมายนั้นเป็นอันตรายต่อประเทศชาติในระยะยาวเพราะจะไม่มีขั้นตอนสุดท้ายในการยุติความขัดแย้ง ซึ่งทุกประเทศใช้กฎหมายเป็นทางออกหมด ดังนั้น อย่าเล่นกับกฎหมายหรือเอากฎหมายมาเป็นเกมเสียหมด

เมื่อถามถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้ปรากฏภาพข่าวว่านายทักษิณ เคยไปนั่งพูดคุยกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ ซึ่งตอนนี้มีข่าวว่าอาจเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินั้น นายจักรภพ ชี้แจงว่า นายเบนเป็นคนของนายฮุนเซน ซึ่งนายฮุนเซน ได้เป็นคนแนะนำนายเบน ให้กับนายทักษิณ โดยบอกว่าถ้าอยากทำธุรกิจในกัมพูชาต้องคุยกับคนนี้ คนนี้ช่วยได้ ตนอยากอธิบายให้ชัดเจนว่านายเบนเป็นคนของรัฐบาลกัมพูชา และสมเด็จฮุนเซน ไม่ใช่คนของนายทักษิณ แต่พอภายหลังรู้ว่านายเบนเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ความสัมพันธ์นั้นก็จบไป เรื่องนี้จริงๆแล้วมันยังเกี่ยวข้องกับอีกหลายส่วน เพราะนายเบนก็พยายามไปรู้จักกับอีกหลายคน ซึ่งต้องย้ำว่านายเบนเป็นฝ่ายไปรู้จัก ไม่ใช่เราเป็นฝ่ายพยายามไปรู้จักกับเขา โดยตอนนั้นนายเบนเป็นชายหนุ่มอายุ 30 กว่าปี หน้าตาเกลี้ยงเกลา ฉลาด มีความรู้ดี มีสัญชาติเป็นคนแอฟริกาใต้ และมาทำงานในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลานาน ซึ่งตนก็เคยเจอและชื่นชอบในความฉลาดของเขา แต่ก็ไม่เคยคุยธุรกิจอะไรด้วย ตนขอเรียนพี่น้องสื่อมวลชนว่าบางคนหากเขามีความประพฤติที่ไม่ดี บางครั้งเราก็ต้องปรึกษาเขาในบางเรื่อง มันคงจะหาคนแบบในหนังการ์ตูนไม่ได้ที่จะดี 100% หรือเลว 100% มันก็จะต้องมีแบบดี ๆ เลว ๆ ชั่ว ๆ แบบนี้ จึงสัมพันธ์กับเขาในด้านดี อย่าไปสัมพันธ์กับเขาในด้านลบ
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top