วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เร่งปราบสแกมเมอร์ในเขมร ก่อนถูกเหมาเป็นพวก
เกาหลีเอาจริงกับกระบวนการสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ และการฟอกเงินในเขมร ตาย 3 จับได้ที่สีหนุวิลอีก 64 และยังหาไม่เจออีก 600 คน เขาถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่รัฐบาลไทยกลับทำงงๆ ตามสถานการณ์ไม่ทัน ทั้งที่มีข้อมูลว่า มีคนไทยร่วมกับแก๊งโจรนี้ถึง 6,000 คน
ปลายเดือนนี้ จะมีประชุมสุดยอดผู้นำAPECที่มาเลเซีย เกาหลีบอกแล้วว่า จะชวนจีน สหรัฐ อังกฤษและสมาชิกอาเซียนร่วมโครงการปราบกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่หากินอยู่ในกัมพูชา ซึ่งอาจมีจำนวนมากถึงแสนคน และเผลอๆจะมีเจ้าหน้าที่อีกนับพันเกี่ยวข้อง คนไทยหวังว่า ในที่ประชุม ผู้แทนไทยจะกล้าประณามฟ้องกัมพูชากันแบบซึ่งๆหน้า
เกาหลี ได้แถลงในองค์การสหประชาชาติโดยเฉพาะต่อสำนักงานสิทธิมนุษย์ชน ให้ร่วมปราบปราม เพราะเห็นว่า คนงานที่ไปทำงานอยู่นี้ถูกปฏิบัติเยี่ยงทาส คราวนี้ล่ะ จะได้เห็นกึ๋นของนักสิทธิ์ฯไทยล่ะว่า จะดีแต่พูดหรือเปล่า และวันนี้รัฐบาลเกาหลีได้ประกาศยุติโครงการช่วยเหลือเขมร 7 โครงการ โดยอธิบายว่า ไม่มีความเชื่อใจ และหนึ่งในนั้นคือ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำโขง ซึ่งผมมีส่วนเริ่มต้นเมื่อ 20 ปีมาแล้วในขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและเป็นประธานของที่ประชุม
สำหรับอังกฤษได้แจ้งความชาวสิงคโปร์ 3 คนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร และญี่ปุ่นก็จับชาวญี่ปุ่น 3 คนเช่นกัน ข้อหาเดียวกันคือร่วมกับแก๊งสแกมเมอร์ในเขมรหลอกลวงเงิน
วันนี้โลกล้อมกัมพูชาแล้ว ประเทศไทยซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้ให้น้ำ ให้ไฟ ให้อินเตอร์เน็ต และอาจให้ที่อยู่อาศัยหัวหน้าแก๊งค์ และเผลอๆ อาจเป็นที่ฟอกเงินด้วย ก็พลอยโดนไปด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ เศรษฐกิจไทยพังแน่นอน พวกเขาจะไม่ค้าขายกับเรา จะไม่มาลงทุน ไม่ซื้อของและไม่มาเที่ยว รัฐบาลเฉพาะกิจนี้ต้องรีบคิด รีบทบทวนและหาวิธีแก้ไขโดยด่วน
ที่ผ่านมารัฐบาลไทยเคยคิดว่า การบริหารจัดการชายแดนไทย-เขมร และการปักปันเขตแดนโดยใช้MOU 43 เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำก่อน แต่สถานการณ์วันนี้ไม่ใช่แล้ว ความมั่นคงของเราได้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องการฟอกเงินโดยแก๊งสแกมเมอร์นับแสน ที่มีศูนย์กลางอยู่ในกัมพูชาซึ่งมีอาณาเขตติดกับไทยจากทะเลที่ตราดไปจนถึงภูเขาที่อุบลราชธานียาว 800 กม. และมีคนไทย นักธุรกิจไทย ธนาคาร นักการเมืองไทย ที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันอีกนับร้อย
รัฐบาลไทยต้องเลือกข้างว่าจะเป็น“ผู้ปราบ” หรือ“ผู้ถูกปราบ” เราต้องพยายามเป็นศูนย์กลางการปฎิบัติการการปราบปราม ไม่ใช่เป็นที่หลบหนีหรือหลบซ่อนให้พักพิงพวกโจรเหล่านั้น รัฐบาลไทยต้องรีบสอบสวนและลงโทษคนไทยที่ไปเกี่ยวข้องโดยไม่ละเว้นและไม่ล่าช้า รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลเรื่องนี้มาแล้วโดยมีนายกฯ เป็นประธาน และจะมีการประชุมวันนี้ ซึ่งผู้คนเขานินทาว่าทำงานช้า เพราะเห็นตั้งมานานแล้วไม่เห็นมีผลงานอะไรออกมา ในขณะที่สหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายกวาดล้างอาชญากรสแกมเมอร์ที่มีฐานอยู่ในเมียนมา ลาว และกัมพูชาแล้ว ก็หวังว่า จะไม่มีชื่อประเทศไทยนะ
ขอเตือนว่า หากรัฐบาลต้องการจะอยู่ถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ พวกท่านต้องรีบทำอะไรที่เป็นมรรคเป็นผล เช่น เอาคนไทยที่ถูกกักขังเยี่ยงทาสในกัมพูชานับหมื่นคนกลับมาตามที่เป็นข่าวที่ช่อง 3 และข่าวจากมูลนิธิกระจกเงาไปแล้ว คำถามเปรียบเทียบคือ หากเกาหลีเขาทำได้ แล้วมีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลไทยจะทำไม่ได้ วันนี้ประชาชนต้องการให้พวกท่านเป็น“man” มีความกล้าหาญ มีความเป็นผู้นำในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ โอกาสมาแล้ว ”น้ำขึ้นให้รีบตัก” หรือจะเลือกจมน้ำตายก็เชิญเถิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี