‘พรรคส้ม’โพล่งชงปรับนิรโทษฯเหมาเข่งผิด‘ม.112’แบบ‘มีเงื่อนไข’ เจอรุมค้านหนัก ถึงขั้นพักประชุม

‘พรรคส้ม’โพล่งชงปรับนิรโทษฯเหมาเข่งผิด‘ม.112’แบบ‘มีเงื่อนไข’ เจอรุมค้านหนัก ถึงขั้นพักประชุม

วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 15.43 น.

เถียงหนักหน่วง!‘ชัยธวัช-พรรคส้ม’โพล่งชงปรับ‘นิรโทษกรรม’เหมาเข่งผิด‘ม.112’แบบ‘มีเงื่อนไข’ เจอรุมค้านหนักทุกด้าน ก่อนถูกแตะเบรกพักประชุมไปคุยเคลียร์ตกลงใหม่ ด้าน‘เต้น ณัฐวุฒิ’รับมีข้อกังวลถูก‘สว.’ตีตกทั้งฉบับ หลายพันคนอาจเสียสิทธิ์

21 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข  พ.ศ. ... ซึ่ง คณะกรรมาธิการ (กมธ.)  วิสามัญ ที่มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นประธาน กมธ.ฯ พิจารณาแล้วเสร็จในวาระ 2


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการอภิปรายในมาตรา 3  ว่าด้วยเงื่อนไขของการไม่นิรโทษกรรมให้กับผู้ที่มีคดีสำคัญติดตัว คือ ความผิดฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบ การกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา  112 การกระทำความผิดที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย  การกระทำผิดต่อส่วนตัว หรือการกระทำที่ต้องรับผิดต่อบุคคลที่ไม่ใช่หน่วยงานรัฐเป็นการเฉพาะรายหรือเฉพาะกลุ่ม ทั้งนี้พบว่า กมธ. แก้ไขเนื้อหา โดยเพิ่มเงื่อนไข ห้ามนิรโทษกรรม ในคดีที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297

ในการอภิปรายพบว่า กมธ.เสียงข้างน้อย ได้สงวนความเห็นให้ปรับแก้ไขเนื้อหา เช่น น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์สส.กทม. พรรคประชาชน ขอให้ปรับแก้เนื้อหาโดยมีสาระให้ เยาวเชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปีที่กระทำความผิดนั้นได้รับการนิรโทษกรรม

ขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย ที่ได้สงวนความเห็น โดยเสนอให้นิรโทษกรรม คดี 112 อย่างมีเงื่อนไข คือ เฉพาะผู้ที่ยอมรับมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำที่ให้อำนาจแก่กรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุขกำหนด  เพราะตนได้พยายามพูดคุยกับหลายฝ่ายที่เห็นต่างกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ กลุ่มบุคคลที่แสดงออกทางการเมืองและดำเนินคดีมาตรา 112 หลายครั้ง จำนวนมากนั้นเข้าอกเข้าใจมากขึ้น และไม่ปฏิเสธเสียทีเดียวต่อการปรองดองสร้างเสริมสังคมสันติสุข ด้วยการนิรโทษกรรมคดี 112 เพียงแต่ว่าประเด็นร่วมที่สำคัญ คือความกังวลเมื่อนิรโทษกรรมผู้ทำผิดหรือถูกกล่าวหาว่าทำผิด คดี 112 ว่าจะกลับมาทำมาแสดงออกทางการเมืองกับสิ่งที่หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยหรือพึงประสงค์อีก

“ผมเชื่อมั่นว่ามาตรการนี้ พยายามที่สุดที่หาจุดตรงกลางเข้าใจทุกฝ่าย เพื่อทำให้การนิรโทษกรรมตามกฎหมายฉบับนี้ บรรลุเป้าหมายสูงสุดที่บอกว่า จะสร้างเสริมสังคมสันติสุขได้อย่างแท้จริง หากการนิรโทษกรรมให้ความสนใจกับกลุ่มคนขัดแย้งในอดีต แต่กีดกันการดำเนินคดีที่มีนัยสำคัญในปัจจุบันและอนาคต อาจเป็นการบ่มความขัดแย้งในสังคมปัจจุบันให้มากขึ้น และอาจกดดันให้เกิดเหตุการณ์ขัดแย้งที่ไม่เคยเกิดในสังคมได้ ดังนั้นผมเชื่อว่าการนิรโทษกรรมคดี 112 จะยุติความขัดแย้งในอนาคต ทางออกของเรื่องนี้เป็นภาระของพวกเราที่ต้องทำให้การเมืองไทย ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเข้ารู้เข้ารอย ไม่ใช่การลงทัณฑ์กับคนรุ่นใหม่ ที่รับมรดกบาปจากคนเราไป ดังนั้นขอให้สภาฯ เห็นชอบกับสิ่งที่เสนอ หรืออย่างน้อยกับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี  เพื่อให้เป็นทางออกของสังคม” นายชัยธวัช อภิปราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีสส.พรรคประชาชน รวมถึง นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้าอภิปรายสนับสนุนกมธ.เสียงข้างน้อย อย่างไรก็ดีในการอภิปรายของ กมธ.เสียงข้างมาก รวมถึงสส. พรรคภูมิใจไทย สส.พรรครวมไทยสร้างชาติและสส.พรรคเพื่อไทย เห็นแย้งเนื่องจากมองว่าเป็นการขัดกับหลักการ และเสี่ยงต่อที่ร่างกฎหมายจะไม่ผ่านในชั้นการพิจารณาของวุฒิสภา  อย่างไรก็ดีช่วงหนึ่งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) หารือต่อที่ประชุมว่าขอให้พักการประชุม เพื่อให้กมธ.ทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน เพราะมีเนื้อหาที่ขัดกัน ว่า เด็กต่ำกว่า 18 ปีจะได้รับการให้อภัย แต่มาตรา 9/1 เขียนไว้อยู่แล้ว ซึ่งตนเห็นด้วยกับการให้อภัยเด็ก แต่ต้องมีขั้นตอน ซึ่งในมาตรา 9/1 ลดขั้นตอน ดังนั้นขอให้ กมธ. กับกมธ.เสียงข้างน้อยหารือกัน เพื่อให้จบ และสภาฯไปในทางเดียวกัน

นายณัฐวุฒิ ชี้แจงว่าตนได้รับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย และได้ประเมินถึงการทำเนื้อหาร่างกฎหมายที่ไม่ต้องถูกวุฒิสภาตีกลับ เพราะหากวุฒิสภาตีกลับ ต้องใช้เวลาของสภาฯ​อีก 6 เดือน แต่สถานการณ์วันนี้ ไม่มั่นใจว่าสภาฯ จะมีอายุถึง 6 เดือน ดังนั้นจึงปรับแก้ไขเนื้อหา และเพิ่มมาตรา 9/1 ไว้ ซึ่งประมวลดูแล้วว่าสามารถทำได้ในขั้นตอนต่างๆ  ส่วนตัวไม่ขัดข้อง แต่ต้องยืนยันกับตนให้ได้ว่าจะไม่ตกไปในชั้นของสว. เพราะหาเป็นเช่นนั้นตนรับผิดชอบไม่ไหวต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งสภาฯ

“ผมกังวลคือจะไปตกในชั้นวุฒิสภา ซึ่งจะมีความเสียหายทั้งฉบับ และเรามีข้อมูลว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน แม้จะไม่รวมความผิดตามมาตรา 112 คน หลายพันคนจะได้รับผลดังนั้นหากจะหารือกันผมไม่ขัดข้อง แต่อย่าให้เกิดความเสี่ยงที่จะตกไปทั้งฉบับ แล้ววันนี้หากดูตามกรอบระยะเวลาของสมัยประชุมพบว่าเหลือเพียงแค่หนึ่งวันที่กฎหมายนี้จะชี้ชะตาว่าจะเอาอย่างไร จะผ่าน หรือไม่ผ่าน และจะผ่านแบบไหน“ นายณัฐวุฒิ กล่าว

ขณะที่นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายคัดค้านกมธ.เสียงข้างน้อยว่า ตนเห็นใจเด็กที่อาจทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์​อยากให้อภัย แต่สิ่งที่กระทบคือปัญหาบ้านเมืองในเชิงกฎหมาย การอภัยส่วนตัวเราให้อภัยได้ แต่เชิงกฎหมายทำไม่ได้  สำหรับมาตรา 112 เข้าใจอยู่ว่าอยู่ในหัวอกคนไทยทุกคนที่จะปกปักษ์รักษา เทิดทูนสถาบันไว้ หากปล่อยให้ละเมิดกฎหมายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย หลักนิติธรรมจะถูกด้อยลงไป

“ผมไม่เห็นด้วยที่บอกว่าให้วิปไปตกลงกัน ซึ่งวิปตกลงกันแต่ต้องคำนึงถึงหลักของบ้านเมือง กรณีแปรญัตติ สงวนความเห็นที่ขัดหลักการทำไม่ได้ ไม่ใช่ตาขยิบกันแล้วจะต้องเห็นด้วยกัน ผมไม่สบายใจ เพราะการทำงานในสภาฯ ไม่ใช่อะลุ่มอล่วยกัน เพราะนัยของกฎหมายมีข้อจำกัด การเสนอญัตติที่เป็นร่างกฎหมายต้องไม่ขัดกับหลักการ ทั้งนี้บ้านเป็นบ้าน เมืองเป็นเมือง มีหลักนิติธรรม มีหลักนิติรัฐ มีหลักกฎหมายหากปล่อยให้คนละเมิดกฎหมาย แล้วแก้ไขโดยนิรโทษกรรม จะทำให้ด้อยความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายได้” นายประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายดังกล่าวไม่สามารถหารือยุติได้ ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ฐานะวิปฝ่ายค้าน เสนอให้พักการประชุม ทำให้นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่สอง ต้องขอพักประชุม เพื่อให้ วิป และกมธ.หาข้อยุติร่วมกัน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top