‘พปชร.’จี้รัฐบาลเร่งปราบ‘แก๊งสแกมเมอร์’ ตัดไฟ-ตัดเน็ต-ระงับบัญชีม้า-ยึดทรัพย์-หยุดค้าทองคำ และค้าขายทุกอย่างกับ‘กัมพูชา’ จนกว่าจะแก้ปัญหาได้ แนะไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการปราบแก๊งคอลฯ ‘นายกฯ’สั่งการได้เลย อย่าลีลาเต้นรำ หากช้าอาจถูกชาวโลกสงสัยโยงเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ด้าน‘โฆษกปธ.สภา’เผยยังถูกหลอก
22 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรมว.คลัง พร้อมด้วย ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานสภาเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่านนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายธีระชัย กล่าวว่า ปัญหาสแกมเมอร์ในเวลานี้มีไปทั่วโลก ศูนย์กลางอยู่ในอาเซียนที่ล้อมรอบประเทศไทยเป็นหลัก และมีการยกระดับมาเป็นประเด็นของโลก โดยมีประเทศที่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ทั้ง สหรัฐฯ , อังกฤษ , เกาหลีใต้ , สิงคโปร์ , ญี่ปุ่น , และไต้หวัน แต่ประเทศไทยยังเงียบ และเคลื่อนไหวเรื่องนี้ช้ามาก ในเรื่องการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ทั้งที่เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างครบวงจร และใช้มาตรฐานสากล ยิ่งทำให้โลกสงสัยเพราะมีนักการเมืองของไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง ยิ่งส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย
นายธีระชัย กล่าวว่า สาเหตุที่เมืองสแกมเมอร์มาล้อมประเทศไทยเพราะประเทศไทยสว่างและมีระบบอินเทอร์เน็ต ที่ทันสมัยแต่ชายแดน ยังมืดมัวอยู่ เพราะฉะนั้นการใช้ประเทศไทย เป็นทางผ่าน จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มผู้ร้ายที่ทำธุรกิจสแกมเมอร์ ดังนั้นวิธีการที่จะป้องกันรัฐบาลต้องเดินหน้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะถ้าหากทำได้จะได้รับคำชมจากทางโลกวิธีการ คือ ต้องตัดขบวนการฟอกเงินผ่านประเทศไทยเข้าไปในประเทศรอบข้างให้ได้ โดยการตัดสัญญาณโดยตรงแม้จะตัดไปแล้ว แต่ยังต้องตัดสัญญาณทางอ้อมผ่านดาวเทียม ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการได้เลย รวมถึงสั่งห้ามส่งออกทองคำไปยังประเทศกัมพูชา หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการก็จะต้องชี้แจงให้ได้เพราะการห้ามส่งออกทองคำไปกัมพูชาจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยแค่เฉพาะผู้ส่งออกทองคำรายใหญ่เท่านั้น ซึ่งเขาสามารถปรับตัวรองรับได้ไม่ยาก
นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังจำเป็นต้องกำหนดให้ระบบของธนาคารตรวจสอบบัญชีว่าบัญชีไหนในธนาคารมีลักษณะคล้ายบัญชีม้า ไม่ให้มีการถอนเงินหรือโอนเงินไปบัญชีไหน ซึ่งลักษณะอย่างนี้ถึงเวลาที่จะต้องบอกให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารออกมาชี้แจงกระบวนการในการป้องปรามบัญชีม้าที่เกิดขึ้นในไทยและให้เกิดผลอย่างแท้จริง และยังต้องดูความเชื่อมโยงเงินบาทกับเงินคริปโตด้วย
“ถึงเวลาแล้วที่จะต้องใช้มาตรการทุกรูปแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการเศรษฐกิจ โดยขอเสนอแนะให้รัฐบาลไทยควรยุติการค้ากับกัมพูชาเอาไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีการดำเนินการ ตามที่พวกเราเรียกร้องได้สำเร็จ การค้าการหยุดการค้าขายกับกัมพูชาจะเป็นการบีบอย่างเต็มที่ รวมถึงการนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาด้วย เพราะเป็นสินค้าฟอกเงินทั้งนั้นที่จะนำมาเปลี่ยนเป็นเงินขาวในประเทศไทย ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เขาสามารถดูแลตัวเองได้ และเวลานี้ความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาลไทยในองคาในองคาพยพของระบบราชการไทยกำลังถูกท้าทาย โลกกำลังสงสัยว่ามีปัญหาเพราะเราเดินหน้าช้าไปหรือไม่ และการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ทำได้ทันทีทำได้ทันทีไม่ต้องไปตั้งคณะกรรมการ ไม่ต้องลีลาลีลาเต้นรำ แต่ไม่เกิดผลจริง เราต้องทำให้โลกปราศจากปราศจากข้อสงสัยว่า เป็นการแก้ปัญหาด้วยการลูปหน้าปะจมูกหรือไม่ เราต้องไม่ลืมว่ายังมีคนไทยยังมีคนไทยถูกขังอยู่จำนวนมาก เกาหลีใต้ ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันก็สามารถช่วยคนของเขากลับคืนมาได้หมด อย่างนี้นายกจะปล่อยให้คนไทยรับกรรมอยู่หรือไม่” นายธีระชัยกล่าว
ด้านม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาสแกมเมอร์สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ตัดการค้า พลังงาน น้ำมันสำเร็จรูป และไฟฟ้าก็จะทำให้เขาเดินต่อไม่ได้ ซึ่งต้องทำจนกว่าศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้จะหายไป หากเรายังขายไฟฟ้าและน้ำมันให้เขาเหมือนเดิม ก็เหมือนส่งอาวุธให้เขามาทำร้ายคนไทย หากไทยไม่ขายพลังงานส่งให้กัมพูชาก็สามารถหาตลาดอื่นเพื่อขายได้ เพราะขายให้กัมพูชาน้อยมากคิดเป็นไม่เกิน 1.5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ และในภูมิภาคนี้มีแค่ 2 ประเทศคือไทยและสิงคโปร์ ถ้าเราไม่ขายสิงคโปร์ไม่ขาย คิดว่าแก๊งสแกมเมอร์จบแน่นอน
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องทองคำที่กัมพูชาซื้อเราปีละ 1 แสนล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้ที่ทองคำเหล่านี้ใช้ในการฟอกเงินอาจใช้ในการฟอกเงินที่ไปฉ้อโกงมา แล้วมาฟอกผ่านทองคำซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนก็ได้เพราะฉะนั้นเราต้องหยุดค้าทองคำ แต่อาจมีเอกชนบางรายที่ได้รับผลกระทบ แต่ความเสียหายต่อคนทั้งโลกก็หลายแสนล้านบาท หากเราหยุดก็มั่นใจว่าจะส่งผลกระทบต่อแก๊งสแกมเมอร์แน่นอน
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ควรใช้มาตรการสากลตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยห้ามเดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงจัดการคนเหล่านี้ที่อยู่ในประเทศไทยผลักดันกับประเทศไปด้วย และต้องอายัดทรัพย์ของบุคคลที่เกี่ยวของบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยต้องแช่แข็งทรัพย์สินทันที หากบุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องจริงก็ให้ยึดทรัพย์เป็นของรัฐ เพื่อไว้เยียวยาคนไทยที่ถูกหลอกลวง และยังขอเสนอให้ออกพระราชกำหนดเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ซึ่งมั่นใจว่าทุกพรรคจะให้การสนับสนุน
ด้านนายคัมภีร์ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวนำเสนอต่อประธานสภา เพราะข้อเสนอถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะยังมีผู้ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงอยู่ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าตนก็ได้รับสาย จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2-3 สาย ว่าไปมีคดีที่ต่างจังหวัดแต่ความจริงแล้วไม่ได้ไปไหนเลย ซึ่งเป็นประเด็นที่จะทำให้เราได้ช่วยกัน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี