คืบหน้าGBC! 'ณัฐพล'แถลงแผนแอ็คชั่นแพลน ลุยถอนอาวุธหนัก-เก็บทุ่น-ปราบสแกมเมอร์

คืบหน้าGBC! 'ณัฐพล'แถลงแผนแอ็คชั่นแพลน ลุยถอนอาวุธหนัก-เก็บทุ่น-ปราบสแกมเมอร์

วันพฤหัสบดี ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 11.42 น.

"พล.อ.ณัฐพล" แถลง ผลประชุมจีบีซี คืบหน้ามีนัย! ไทย-กัมพูชา เห็นชอบ แผนแอ็กชันแพลน ถอนอาวุธหนัก ส่งต่อ มทภ.2 -ผบ.ภูมิภาคที่4 กัมพูชา ขับเคลื่อน พร้อมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบไซเบอร์สแกม จัดระเบียบชายแดน

23 ต.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม แถลฃข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) ว่า ตนได้มาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ จีบีซี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 / 2568 ร่วมกับฝ่ายกัมพูชานำโดย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซียตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย 


การประชุมGBCในครั้งนี้ ประเทศไทยยังคงยืนหยัดในเงื่อนไขเดิม 4 ข้อได้แก่ การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง การเก็บกู้ระเบิดสังหารบุคคล การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม และการจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดนในจังหวัดสระแก้ว 

 

สำหรับผลการประชุมในวันนี้ถือว่ามีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยฝ่ายไทยได้ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชายึดถือปฏิบัติในประเด็นเดิม แต่มีการลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น เพื่อให้หน่วยในพื้นที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งตนจะขอชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน ดังนี้ 

ประเด็นแรก การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง ทั้ง 2 ฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในการจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขของงานหรือทีโออาร์ สำหรับคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนหรือ IOT และได้มีการลงนามโดยผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคณะ IOT จะมีหน้าที่สำคัญในการสังเกตและติดตามผลความคืบหน้าของการถอนอาวุธหนักของแต่ละฝ่ายออกจากพื้นที่ขัดแย้ง รวมถึงได้มีการกำหนดกรอบเวลาและเป้าหมายปลายทางในการถอนอาวุธเรียบร้อยแล้ว

โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบในแผนปฏิบัติการหรือแอ็กชันแพลน ที่ได้จัดทำร่วมกันและมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยและผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา ขับเคลื่อนแผนไปสู่การซึ่งขั้นต้นจะหารือกันเพิ่มเติมในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ 

ทั้งนี้ การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง มีความมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เนื่องจากอาวุธของกัมพูชาส่วนใหญ่ เช่น จรวดบีเอ็ม 21 เป็นอาวุธที่มีอำนาจการทำลายเป็นวงกว้าง ยากแก่การควบคุมตำบลกระสุนตก จึงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน รวมถึงเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น บ้านเรือน ร้านค้า ไล่นา โรงเรียน และโรงพยาบาลเป็นต้น

 

ประเด็นที่ 2 เรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประสบความสำเร็จในการจัดทำระเบียบปฏิบัติตามมาตรฐานหรือ เอสโอพี สำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน ทั้งในพื้นที่ที่มีการกำหนดเขตแดนชัดเจนแล้ว และพื้นที่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังเห็นไม่ตรงกัน หลังจากนี้ชุดประสานงานของทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทย ไม่สามารถดำเนินการหรือเก็บกู้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมักถูกขัดขวางจากฝ่ายกัมพูชาบ่อยครั้ง เมื่อเราเข้าไปใกล้พื้นที่ชายแดน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายกัมพูชายอมที่จะนำประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาพูดคุยในรายละเอียดกันอย่างจริงจัง ทั้งนี้การเก็บกู้ระเบิดในพื้นที่ชายแดนมีความมุ่งหมายเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดน ซึ่งฝ่ายไทยได้ยืนยันมาตลอดว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการและต้องไม่นำเรื่องเขตแดนมาเป็นข้อจำกัดแต่อย่างใด 

 

ประเด็นที่ 3 การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราได้รับความร่วมมือมากขึ้นเป็นครั้งแรกจากฝ่ายกัมพูชา โดยหน่วยงานตำรวจของทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการหรือแอ็กชันแพลนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ทั้ง 2 ฝ่ายจะจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วมหรือภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อเริ่มกวาดล้างแกนนำหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการไซเบอร์สแกมได้ต่อไป ซึ่งต้องยอมรับว่ามีขบวนการบางส่วนเดินทางไปมาระหว่าง 2 ประเทศด้วยวิธีต่างๆ นอกจากนี้ได้ตกลงร่วมกันเกี่ยวกับขั้นตอนที่ชัดเจนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารหลักฐานพยานเหยื่อที่ถูกหลอกลวงและผู้ต้องหา รวมถึงมาตรการคุ้มครองพยาน อันจะทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าขบวนการไซเบอร์สแกมเป็นภัยคุกคามที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนได้ทุกคน ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียน และพื้นที่อื่นๆทั่วโลกตามที่ปรากฏเป็นข่าวให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ ดังนั้นแผนปฏิบัติการที่ได้ร่วมกันจัดทำขึ้น จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานตำรวจของไทยและกัมพูชา ซึ่งอาจรวมถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของประเทศอื่น ๆ ที่มีประชาชนของตนตกเป็นเหยื่อของขบวนการไซเบอร์สแกมด้วย และประเด็นสุดท้ายเรื่องการจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดน ในจังหวัดสระแก้ว ตามข้อมูลข้างต้นที่ได้รับการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี ซึ่งนำโดยกระทรวงต่างประเทศได้มีผลลัพธ์เชิงบวกสำคัญที่จะสามารถนำทำให้หน่วยในพื้นที่นำปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบที่จะส่งเจ้าหน้าที่ของตนลงพื้นที่สำรวจแนวเส้นที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิ์  โดยจะทำการสำรวจร่วมจากหลักเขตที่ 42-47 ช่วงบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ทั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ฝ่ายกัมพูชายินยอมร่วมมือกับฝ่ายไทยในการลงพื้นที่เดินสำรวจแนวเส้นอ้างสิทธิ์และวางหมุดชั่วคราวที่แน่ชัดด้วยกัน อันจะทำให้แต่ละฝ่ายยอมรับขอบเขตพื้นที่ที่เกิดขึ้น ตามผลการสำรวจและจะนำไปสู่การปรับการถือครองที่ดินของทั้ง 2 ฝ่ายได้ต่อไป 

 

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าการวางหมุดชั่วคราวนี้เป็นเพียงเพื่อการสำรวจเท่านั้น และจะไม่กระทบต่อสิทธิ์ของไทยในเรื่องเขตแดนทางบกตามกฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่างใด นอกจากนี้ฝ่ายไทยจะเริ่มดำเนินการสร้างรั้วชายแดนในบริเวณที่มีความชัดเจนของเส้นเขตแดนแล้ว โดยยืนยันว่ารั้วดังกล่าวจะอยู่ภายในเขตอธิปไตยของไทยเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนตลอดจนเพื่อป้องกันภัยคุกคามข้ามแดนระหว่างทั้ง 2 ประเทศ 

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นนับเป็นความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญที่เกิดขึ้นจากการประชุมGBCในครั้งนี้ ซึ่งยังคงมีรายละเอียดหลายเรื่องที่เราต้องร่วมกันติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดต่อไป ฝ่ายไทยขอยืนยันว่า เราต้องการเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนในทุกเรื่องตามที่กล่าวไปแล้ว จึงจะพิจารณาการยุติความเป็นปรปักษ์ต่อกัน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาได้แสดงความจริงใจในการปฏิบัติตามผลการประชุมGBCในครั้งนี้โดยเคร่งครัด เพื่อร่วมกันนำสันติสุขให้กลับคืนสู่ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ตลอดจนภูมิภาคอาเซียนในภาพรวม ตนขอยืนยันในนามของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมว่าจะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและประโยชน์ของชาติและประชาชนโดยคำนึงถึงเกียรติภูมิของประเทศไทยเป็นสำคัญ 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top