ทุบเปรี้ยง!กมธ.วุฒิฯ ชี้ MOU43 เสี่ยงขัด รธน.-กฎหมายในประเทศ เหตุไร้หลักฐาน ครม.เห็นชอบ

ทุบเปรี้ยง!กมธ.วุฒิฯ ชี้ MOU43 เสี่ยงขัด รธน.-กฎหมายในประเทศ เหตุไร้หลักฐาน ครม.เห็นชอบ

วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 12.31 น.

ไม่พบหลักฐานขอเห็นชอบจาก ครม.! ‘กมธ.ศึกษาเอ็มโอยู สว.’ชี้‘MOU43’สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ-กฎหมายในประเทศ ด้าน‘เดชา’ยกถ้อยคำว่าด้วย‘สัมพันธ์อันดี’ ตีความ‘ไทย-กัมพูชา’ขณะนี้ไม่ได้ดีต่อกัน ถือว่าต้องตกไป

27 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณารายงานความคืบหน้าการพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก เอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก เอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีนายนพดล อินนา สทาชิกวุฒิสภา(สว.) เป็นประธานกมธ.


นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสว. ในฐานะที่ปรึกษา กมธ. ชี้แจงรายละเอียดต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่า จากการตรวจสอบในรายละเอียดของที่มาของเอ็มโอยู 2543 จะพบว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดกับรัฐธรรมนูญ ระเบียบสำนักนายกฯมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และขัดกับบันทึกการประชุมเจบีซี ครั้งที่ 2 เอ เมื่อปี 2543 เนื่องจากมีข้อกำหนดต่อกระบวนการจัดทำเอ็มโอยู 2543 ที่ต้องส่งให้ ครม. เห็นชอบ แต่การตรวจสอบไม่พบว่ามีการเสนอให้ ครม. เห็นชอบมีเพียงการเสนอให้รับทราบเท่านั้น ทั้งที่ระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนดบทบัญญัติไว้ชัดเจน รวมไปถึงบันทึกการประชุมเจบีซีครั้งที่ 2 เอ เมื่อปี 2543 ที่ระบุว่า เมื่อจะทำเอ็มโอยูทั้งสองฝ่ายจะเสนอเอ็มโอยูต่อรัฐบาลของตนเพื่อขอความเห็นชอบ

“การตรวจสอบเรื่องนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรคแรก กำหนดไว้ว่าครม.ต้องเห็นชอบ แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีเพียงเสนอให้รับทราบ ดังนั้นกลัวจะเป็นปัญหา ว่าขัดกับกฎหมาย หรือไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จำเป็นต้องเสนอรายงานเบื้องต้นนี้ ไปยัง ครม. ให้พิจารณาว่าจะดำเนินการยืนยัน ทบทวน หรือ โต้แย้งความเห็นของกมธ.ต่อไป” นายคำนูณ ชี้แจง

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ หากครม. เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ ต้องหาคำตอบเบื้องต้น ครม. อาจตั้งคำถามไปยังกฤษฎีกาและนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปให้พิจารณาว่า มีความสมบูรณ์ ถูกต้อง บกพร่องหรือไม่  ส่วนผลที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ครม. สามารถแก้ไข ปรับปรุง หรือตัดสินใจได้  ขณะที่เอ็มโอยู 2544 กมธ.ได้ตรวจสอบในประเด็นเดียวกัน พบว่าค่อนข้างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่เหมือนกับเอ็มโอยู 2543 ที่สุ่มเสี่ยงขัดกับรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้หลังการรายงานผลการพิจารณาเบื้องต้น กมธ.ได้เสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบขยายเวลาการพิจารณาศึกษา ออกไปเป็นกรณีพิเศษ อีก 90 วัน เนื่องจากมีความละเอียดซับซ้อน มีผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

อย่างไรก็ดีนายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สว. ในฐานะกมธ.การต่างประเทศ วุฒิสภา คัดค้านการขยายเวลาดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่ามีความซ้ำซ้อนกับกมธ.สามัญ เช่น กมธ.การต่างประเทศ ที่ได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ทำเรื่องดังกล่าวในชั้นของสภาฯ ด้วย

ขณะที่ น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. อภิปรายสนับสนุนให้ขยายเวลาดังกล่าว เนื่องจากมองว่ากมธ.ควรมีข้อเสนอที่ตรงประเด็นในรายละเอียดที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่เขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อนบริเวณเกาะกูด

ส่วนนายเดชา นุตาลัย สว. เสนอความเห็นตอนหนึ่งว่า ตนไม่ติดใจว่าจะขยายเวลาศึกษาหรือไม่ แต่ในเอ็มโอยู  2543 มีถ้อยคำที่ระบุตอนหนึ่งว่า มีความสัมพันธ์อันดี อย่างเป็นมิตรไมตรีดีต่อกัน แต่ขณะนี้ไม่ได้ดีต่อกันแล้ว ในทางกฎหมายเหมือนว่าควรตกไปได้แล้ว

อย่างไรก็ดีก่อนที่จะมีการลงมติตัดสิน นายปริญญา กล่าวว่า ไม่ติดใจ และถือว่าให้เป็นข้อสังเกตต่อกมธ. เพื่อศึกษาต่อไป ทำให้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่1 ในฐานะประธานการประชุม ได้กล่าวว่า ถือว่ามติที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลา อย่างไรก็ดีการดำเนินการขณะนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ลงนามข้อตกลงขั้นต้นไปแล้ว และมีท่าทีต่างๆของกัมพูชา  ทั้งนี้ เรื่องเอ็มโอยู 2543 และ เอ็มโอยู2544 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อการเสียดินแดน

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top