วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ยังไม่เปิดด่าน! "อนุทิน"ย้ำหลังมีข่าวเตรียมเปิด 1 พ.ย.นี้ ชี้"กัมพูชา"ต้องทำตามปฏิญญา 4 ข้อ ก่อนพิจารณาเปิดด่านเป็นขั้นสุดท้าย
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ที่มาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการลงนามในถ้อยแถลงกับกัมพูชา โดยยืนยันว่า ไม่มีการเปิดด่าน ยังไม่ถึงจุดนั้น ถ้อยแถลงที่ลงนามกับกัมพูชา โดยที่มีประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประธานอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยนั้นเป็นการกำหนดว่า แต่ละประเทศ จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
"แต่ประเทศไทยก็ดีหน่อย เพราะไม่ได้เป็นฝ่ายที่ละเมิด ดังนั้น การดำเนินการทั้งหลาย จะต้องเริ่มจากทางฝ่ายกัมพูชาก่อน เช่น การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน ซึ่งเมื่อคืนนี้ ก็ทำแล้ว และเมื่อเขาทำแล้ว เราก็ทำ เพราะเราก็มีอาวุธหนักเช่นเดียวกัน แต่ในการลงนาม ไม่ได้บอกว่าเราต้องถอน แต่เมื่อเขาแสดงท่าทีที่มีเจตจำนงที่จะถอนอาวุธหนักออกไปอย่างมีนัยสำคัญ เราก็แสดงท่าทีให้เขาเห็นว่า เราก็พร้อมที่จะถอน เพื่อทำให้เกิดช่องในการเจรจา และช่องในการที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ และเพิ่มมากยิ่งขึ้น"
นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า ขั้นตอนขณะนี้จะมีการหารือกันในระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะหารือผ่านช่องทางทวิภาคี และดำเนินการถอนอาวุธออกไปจนเป็นที่พอใจของคู่กรณี อย่างเช่น ประเทศไทย โดยที่คนกลางคือคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน คือตัวแทนผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน ที่จะมาเป็นตัวแทน เป็นคนที่ยืนยันว่า ทางคู่กรณีได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว จากนั้น จะไปต่อในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า เพราะทุ่นระเบิดสามารถทำอันตรายกับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตรงไหนก็ได้ โดยคนที่จะทำการเก็บกู้ คือฝั่งไทย และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เป็นผู้สังเกตการณ์คอยดู และเราก็มีความคาดหวังว่า ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ขัดขวาง ซึ่งคิดว่าคงจะไม่ขัดขวาง เพราะเป็นหนึ่งในข้อตกลงของปฏิญญา
หลังจากนั้น จะมาพูดคุยเรื่องสแกมเมอร์ หาวิธีการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันว่า ฝ่ายไทยดำเนินการเต็มที่ ทั้งการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต การสืบหาธุรกรรม เส้นทางการเงิน ดำเนินคดีกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเราก็รอฝั่งกัมพูชาที่จะให้ข้อมูลมาเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาสนธิกำลังกัน และปราบปราม
"สุดท้ายคือ การบริหารจัดการพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ขณะนี้เราเน้นไปที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ส่วนของกัมพูชาที่ล้ำมาฝั่งไทยก็มี และส่วนของฝั่งไทย ที่ล้ำไปฝั่งกัมพูชาก็มีเช่นกัน ซึ่งหากจะแฟร์ ก็ต้องแฟร์ทั้งสองฝ่าย และถ้าตกลงได้แล้ว มีของเราล้ำเข้าไป เราก็ต้องกลับมา และรัฐบาลไทยต้องจัดหาที่อยู่ให้กับคนที่ล้ำเข้าไปฝั่งกัมพูชา เช่นเดียวกันกับฝั่งกัมพูชาที่ล้ำเข้ามาในฝั่งไทย หากทำเช่นนี้ได้ ความเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทยจะลดน้อยลง และถึงจะมาเริ่มฟื้นฟูเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งขณะนี้เราเหลือแค่เลขานุการโท เราได้เรียกทูตกลับมาแล้ว"
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ตนเองก็ไม่ได้อยากจะค่อยๆ ทำมาก เพราะมันคือโอกาสที่เราเสียไป ถ้าความเป็นภัยไม่มีแล้ว เราก็จะต้องเร่งดำเนินการในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับไปในจุดที่มันควรแก่เหตุ หากตนเองบอกว่าฟื้นเลย เดี๋ยวจะไม่พอใจกันอีก แต่ยืนยันว่าจะไม่ทำให้เกียรติภูมิของประเทศเสียหายไปอย่างแน่นอน และเรื่องของการเปิดด่าน สำหรับตนเองจะเป็นเรื่องสุดท้าย เมื่อสถานการณ์ที่เป็นอันตรายหมดไปแล้ว ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ และกลับมาเปิดด่าน ซึ่งจะเป็นจุดสุดท้ายของกระบวนการ และหวังว่าความเป็นปกติสุขจะเกิดขึ้น
ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการเปิดด่านในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ นายอนุทิน ยืนยันว่า ยัง ตนเองไม่ทราบว่าใครไปกำหนดวันนั้น แต่ทั้งหมดจะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่ที่ความจริงใจในการเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศ หากกัมพูชาดำเนินการ ไทยจะมีการประเมินโดยเร็ว และตอบสนองในแต่ละเรื่อง โชคดีที่ในกรณีนี้ ประเทศไทยเราสามารถอยู่ในสถานะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขได้ เพราะเราเป็นฝ่ายที่ถูกรุกรานเข้ามา ดังนั้น เมื่อกำหนดเงื่อนไขแล้ว และเขาทำตามแล้ว เราก็จะต้องเร่งประเมิน และทำให้ความขัดแย้งในทุกๆ มิติลดลงไป แต่ก็ไม่มีใครต้องการความขัดแย้ง
"ด่านยังไม่เปิด เดี๋ยวก็มีคนไปพูดว่าเดี๋ยวก็เปิดด่านอีกแล้ว ไทยมีการยอมนั่นยอมนี่ ซึ่งกัมพูชาจะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขอย่างเป็นรูปธรรมก่อน ถึงจะมีการพิจารณา" นายอนุทิน กล่าวย้ำ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สิ่งที่ฝ่ายไทยมีอยู่ก็คือหากทางกัมพูชาได้ดำเนินการไปในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะทำการคืนตัวผู้ที่เราควบคุมตัวอยู่ 18 คน เร่งดำเนินการส่งคืนให้กับกัมพูชาไป ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตหรือการเปิดด่านนั้นยังอยู่ในลำดับท้ายๆ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายท้ายได้ประเมินแล้ว และต้องมีความเชื่อมั่น ว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาต่อความมั่นคงของประเทศไทยลดลงไปในระดับที่ไม่มีความเป็นภัยเกิดขึ้นแล้ว จึงจะมาเริ่มฟื้นฟูสิ่งเหล่านั้น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี