เวทีสัมมนา ปชป. ชำแหละปัญหาโครงสร้างหลัก ฉุดรั้งประเทศ

เวทีสัมมนา ปชป. ชำแหละปัญหาโครงสร้างหลัก ฉุดรั้งประเทศ

วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 15.35 น.

เวทีสัมมนา ปชป. "ประเทศไทยต้องการอะไรจากพรรคการเมือง" "บรรยง"ชี้ไทยเผชิญภาวะโตช้า - 8 ดัชนีหลักไม่ติดอันดับ ด้าน"จุรีพร"ซีอีโอจาก WHA ระบุไทยอาจถึงจุดต่ำสุด ต้องเร่งปรับภาครัฐ แนะฝ่ายค้านต้องปรับตัวเป็นฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง เสนอ 3 สร้าง"คน-สู้-โอกาส"พลิกฟื้นประเทศ ขณะที่"สุวิทย์"ชำแหละ 3 ปัญหาโครงสร้างหลัก ฉุดรั้งประเทศ

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในหัวข้อ "ประเทศไทยต้องการอะไรจากพรรคการเมือง" โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) , น.ส.จุรีพร จารุกรสกุลประธานคณะกรรมการบริหารและซีอีโอกลุ่ม WHA คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) , และ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม พร้อมข้อเสนอแนะถึงสิ่งที่พรรคการเมืองควรเร่งดำเนินการเพื่อพาประเทศไทยพ้นจากภาวะถดถอย


โดย นายบรรยง กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลกชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยเคยมี GDP เติบโตสูงถึง 9 - 10% แต่หลังจากวิกฤตต้มยำกุ้งและแฮมเบอร์เกอร์ GDP ก็ลดลงเหลือ 5% จนกระทั่งเหลือ 1% ในช่วงโควิด-19 และการฟื้นตัวของไทยเป็นไปอย่างช้ากว่าประเทศอื่น ขณะที่ช่องว่าง GDP ระหว่างประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้วกำลังแคบลง จากการวิเคราะห์ 8 ดัชนีที่วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น GDP, อัตราเงินเฟ้อ, การส่งออก, การคอร์รัปชั่น, การกระจายตัว, สถาบัน และความยั่งยืน พบว่าประเทศไทย ไม่ติดอันดับ 1 ใน 50 ของดัชนีใดๆ เลย โดยบางดัชนีมีคะแนนตามหลังประเทศเกาหลีเหนือ มีเพียงดัชนีเดียวที่ปรับตัวดีขึ้นคือ ดัชนีคอร์รัปชัน

"ผมยังเชื่อว่าทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ โดยการประเมินและปรับปรุง เพื่อให้ไทยพ้นจากภาวะการเติบโตช้าและความถดถอยในเชิงโครงสร้าง" นายบรรยง กล่าว

ด้าน น.ส.จุรีพร กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ควรรอให้เกิดวิกฤต แต่ควรใช้โอกาสที่มีอยู่ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน และการเปลี่ยนผ่านของระเบียบโลก ทั้งนี้ประเทศไทยอาจอยู่ใน "จุดที่ต่ำที่สุด" แล้ว และประชาชนมีความคาดหวังสูงต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากทนต่อความยากลำบากมานาน แต่สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขคือ ภาคเอกชน, รัฐบาล, การศึกษา, และประชาชนทั่วไป โดยยังมีข้อกังวลอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความโปร่งใสของภาครัฐ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริต ความไร้ประสิทธิภาพ และการวางแผนที่ไม่เพียงพอ รวมถึงการ ไม่ตอบสนอง ต่อการเรียกร้องจากภาคอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย

น.ส.จุรีพร กล่าวต่อว่า ขณะที่ฝ่ายค้านต้องปรับตัวให้เป็นฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง สร้างสรรค์ มีคุณภาพ และตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าคนไทยไม่โง่ และสามารถแยกแยะได้ว่าการค้านแบบใดเป็นไปเพื่อประโยชน์หรือเพื่อทำลาย

น.ส.จุรีพร กล่าวว่า แม้จะมีความท้าทายจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ สภาพภูมิอากาศ เทรนด์ไฮเทค และสังคมผู้สูงวัย แต่ยังเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพและยังเป็น หมุดหมายของนักลงทุนต่างชาติ เพราะมีปัจจัยเอื้อต่อการลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน แรงงานที่มีทักษะ และพลังงานสะอาด ซึ่งภาคเอกชนต้องการผู้นำที่มี ความเป็นผู้นำ ซื่อสัตย์ สุจริต

"ประเทศไทยต้องมี 3 สร้าง คือ สร้างคน สร้างสู้ สร้างโอกาส เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาผงาดอีกครั้ง" นางจุรีพร กล่าว

ขณะที่ นายสุวิทย์ กล่าว่า การเมืองไทยจะรับมือกับ "โลกป่วน" ได้อย่างไร ในขณะที่ไทยกำลังอยู่ในภาวะ "ป่วย" คำถามคือ นักการเมืองที่จะตอบโจทย์ปัญหานี้อย่างไร ที่ผ่านมาจีดีพีเติบโตต่ำจะทำอย่างไรให้จีดีพีไทยกลับมาเติบโตมากกว่า 5% คำตอบส่วนหนึ่งก็มาจากการเมือง นอกจากนี้ ประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันด้วยแรงงานหรือทรัพยากรราคาถูกได้อีกต่อไป และยังไม่ได้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูง แต่กำลังถูกบีบอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศที่มีต้นทุนต่ำกับกลุ่มประเทศที่มีเทคโนโลยีสูง

นายสุวิทย์ กล่าวว่า ไทยต้องเจอกับ 3 ประเด็นเชิงโครงสร้างหลัก ที่ฉุดรั้งประเทศ และเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตของประเทศไทย คือ การปกครองโดยกฎหมาย แทนที่จะเป็นหลักนิติธรรมที่แท้จริง การคอร์รัปชั่น ที่แพร่หลายและกลายเป็นเรื่องปกติ และความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังต้องเจอกับวงจรอุบาทว์ทางการเมืองที่เรียกว่า 3 ป. ซึ่งประกอบด้วย การปฏิวัติ ประชาธิปไตยเทียม การประท้วงต่อต้าน วงจรนี้บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลมาอย่างยาวนาน

"ในประวัติศาสตร์ไทยกว่า 90 ปี ยังไม่เคยมีรัฐบาลใดที่ผ่านคุณสมบัติ 3 เรื่อง คือ ความชอบธรรม คุณธรรม และจริยธรรม ได้เลย ที่ผ่านรัฐบาลง่วนอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และทะเลาะกับเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องให้เวทีเขา ไม่ใช่ปล่อยให้พรรคการเมืองไปกล่อมเกลา ดังนั้นพรรคฯต้องมีการผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ เข้าด้วยกัน" นายสุวิทย์ กล่าว

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top