วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568
“บวรศักดิ์”แจงไทม์ไลน์ยุบสภาใน 4 เดือน ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม“พริษฐ์”มั่นใจ เดินหน้าจัดทำ“รธน.-ยุบสภา”ยังเป็นไปตาม MOA เชื่อรบ.ยังคงแผนตามกรอบเวลาหลัง“พ.ร.บ.ประชามติ”บังคับใช้เร่งถกสรุปโมเดล ‘ส.ส.ร.’ให้เป็นที่ยอมรับหากเสร็จเร็วจ่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญด้าน คปท.ขอยุติชุมนุมข้างสะพานชมัยมรุเชฐ คืนพื้นที่ให้กทม.ยันรัฐไม่ได้กดดัน แต่สถานการณ์แบบนี้ ต้องร่วมกันถวายความอาลัย
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฏหมาย กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบัน จะกระทบกับต่อการเดินหน้ายุบสภาของรัฐบาล ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เคยระบุไว้ว่าอยู่ในภายในเดือนมกราคม 2569หรือไม่ว่า“ไม่ได้มีอะไร ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามเดิม”เมื่อถามย้ำว่ายังคงภายใน 4 เดือนนี้ใช่หรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวย้ำว่า“ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม”
ปชน.มั่นใจหลังกม.ประชามติบังคับใช้
ที่รัฐสภา นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีไทม์ไลน์เรื่องการทำประชามติออกมาแล้วการยุบสภาและการเลือกตั้งจะยังเป็นไปตามเดิมหรือไม่ว่าหลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประชามติ ประกาศใช้ทำให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจว่าทุกอย่างจะสามารถเดินตามได้ตามไทม์ไลน์ คือต้องมีการยุบสภาภายในวันที่31ม.ค.69 พร้อมนำไปทำประชามติและการเลือกตั้งทั่วไป โดยคาดหวังว่าการทำประชามติจะแบ่งออกเป็น 2 คำถาม ซึ่งคำถามที่ 1 จะเป็นคำถามเปิดกว้างว่าเห็นควรว่าจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และคำถามที่ 2 เห็นด้วยหรือไม่กับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และท้ายที่สุดสภาก็จะต้องเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ภายในเดือนธ.ค. ซึ่งในชั้นกมธ.ฯ เราก็ตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด หากสามารถเสร็จได้ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 12 ธ.ค. ก็อาจจะมีการพิจารณาในเรื่องของการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3
ในชั้นกมธ.ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำความคิดเห็นที่แตกต่างกันมาหาข้อสรุปและฉันทามติสำหรับทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านวาระ 3 ได้ ไม่ใช่แค่ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา แต่ต้องได้เสียง 20 เปอร์เซ็นต์ของสส. ที่ถูกนิยามว่าเป็นฝ่ายค้าน และเสียง 1 ใน 3ของสว.
ห่วงทำประชามติพร้อมลต.ล่วงหน้า
นายพริษฐ์ กล่าวว่าประเด็นที่ตนมีความเป็นห่วงส่วนตัวเกี่ยวกับการทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง คือการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยเฉพาะการออกเสียงประชามติล่วงหน้า ซึ่งตนไม่มั่นใจว่าการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พูดคุยเรื่องนี้หรือไม่ แต่ตนในฐานะคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ เคยมีการเชิญกกต.มาหารือและความท้าทายในขณะนี้คือพ.ร.บ. ประชามติ ไม่ได้มีการพูดถึงการเลือกตั้งล่วงหน้าภายในราชอาณาจักรอย่างชัดเจน ฉะนั้น เป้าหมายของเราคือการหารือกับกกต.ว่าจะทำอย่างไร ในการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งภายใน1สัปดาห์ ก่อนวันเลือกตั้งจริงที่จะมีการเลือกตั้งสส.ล่วงหน้า ประชาชนจะออกไปใช้สิทธิ์ สามารถออกเสียงประชามติล่วงหน้าได้ด้วยเช่นกันซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มากที่สุด
เร่งถกโมเดล‘ส.ส.ร.’ให้ทุกฝ่ายยอมรับ
เมื่อถามว่าในการประชุมครั้งถัดไปวาระที่จะมีการพูดคุย ในกมธ.จะเป็นเรื่องอะไรบ้าง นายพริษฐ์ กล่าวว่า เนื้อหาสาระโดยเฉพาะประเด็นเรื่องโมเดลสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) คงเป็นห่วงข้อหลักที่จะมีการพูดคุยกัน เพราะทั้ง 2 ร่างที่สภารับหลักการยังมีความแตกต่างกันอยู่ โดยเราจะมีการพูดคุยกันในวงย่อยหรือที่เรียกว่าคณะทำงาน ที่จะมีการประชุมกันนัดแรกในบ่ายวันนี้ ซึ่งจะเป็นการนำเอาเนื้อหาที่ยังมีความเห็นต่าง มาหารือตลอดทุกฝ่ายว่ามีความเห็นในแต่ละทางเลือกอย่างไร เพื่อนำไปจัดกรอบประเด็นและนำไปเสนอ ที่ประชุมกมธ.ช่วงปลายสัปดาห์ เพื่อให้กระบวนการต่างๆสามารถดำเนินการให้เร็วที่สุด
ส่วนโมเดลของส.ส.ร.ที่จะออกมาจะเป็นการผสมผสานระหว่างสูตรของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าสุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมา ต้องเป็นผลลัพธ์ที่เป็นฉันทามติจากทุกฝ่ายในสภารวมถึง เราต้องมองด้วยว่าร่างดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบจากประชาชนจากการทำประชามติหรือไม่ ซึ่งถือเป็นโจทย์หลัก ที่เราต้องคุยกันว่าจะหาฉันทามติร่วมกันอย่างไร
เชื่อไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีการพูดคุยใช่หรือไม่ว่าโมเดลส.ส.ร. ที่จะออกมาจะต้องไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายพริษฐ์ กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะมีความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ออกมา ต้องไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพียงแค่อาจมีบางฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่างกันอยู่ว่าจะตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราต้องมีการพิจารณา แต่อีกมุมหนึ่งเราต้องคิดถึงกลุ่มกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญไม่ได้ผูกขาดกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นอกเหนือจากนั้น การทำให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยของศาลถือเป็นเรื่องสำคัญ และการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงหลักการและการป้องกันผูกขาด ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
เมื่อถามว่าขณะนี้มีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญถึงเรื่องการทำรัฐธรรมนูญที่ไม่ผ่านการทำประชามติมองว่าจะทำให้การพิจารณาในชั้นกมธ.ชะงักหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมองว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เราดำเนินการอยู่ไม่ได้มีอะไรติดขัดกับคำวินิจฉัย หากกระบวนการทำประชามติที่ศาลวินิจฉัยออกมาว่าจะต้องทำ 3 ครั้ง แต่ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สามารถทำรวมกันได้ ตนคิดว่าทุกฝ่ายในสภาฯ ก็เห็นตรงกันว่าไม่ได้ขัดคำวินิจฉัย แต่ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะใช้กลไกต่างๆ ที่กฎหมายรองรับ ทั้งนี้ ตนมั่นใจสิ่งต่างๆที่ทำอยู่ไม่ได้ขัดคำวินิจฉัย
เชื่อรบ.ยังคงแผนตามกรอบเวลา
เมื่อถามย้ำว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันยังมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิม นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่ารัฐบาลยังคงยืนยันอยู่ว่าจะเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ และคิดว่าในบรรดาบัตรเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่อาจยังไม่ได้รับความชัดเจนมากที่สุด คือเรื่องของการทำประชามติเรื่อง MOU ว่าตกลงแล้วรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรหากมีการทำประชามติเรื่องนี้จริง จะมีคำถามกี่ครั้งจะแยกคำถามระหว่าง MOU 43และMOU 44 หรือไม่ รัฐบาลจะวางกระบวนการอย่างไร ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่รอบด้านเพื่อตัดสินใจได้ เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าด้วยสถานการณ์การเมืองและบริบทของประเทศไทยในขณะนี้ จะมีความเหมาะสมหรือไม่หากมีการเลือกตั้งในปีหน้า นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่ารัฐบาลยังคงมีแผนที่จะเดินหน้าตามกรอบเวลา และการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการเดินหน้าสู่กรอบเวลาที่วางไว้นั้น ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้มีท่าทีว่าจะไม่ดำเนินการ สามารถเดินหน้าต่อได้ เมื่อถามต่อว่าได้มีการหารือกับรัฐบาลหรือพรรคภูมิใจไทยเพิ่มเติมหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องของกรอบเวลาคงไม่ได้มีการหารือเพิ่มเติม เพราะเข้าใจว่าเป็นกรอบเวลาที่รัฐบาลได้ประกาศไว้แล้ว แต่ตอนนี้
คปท.ยุติชุมนุม-คืนพื้นที่ให้กทม.
ที่บริเวณหน้า เวทีคปท. เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาลนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำคปท.พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมแถลงข่าวโดยนายพิชิตกล่าวว่า270กว่าวันที่คปท.ชุมนุม ติดตามการทำงานของรัฐบาล และเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและผดุงไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมและขยับมาตรวจสอบการทำงานนโยบายของหลายรัฐบาลเช่นการตรวจสอบเรื่องของกาสิโนและการปกป้องอธิปไตย จนก่อเกิดเป็นคณะร่วมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ซึ่งมีการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไป 3รอบ
“ตอนนี้ทุกคนทราบดีว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศขณะนี้เป็นที่เสียใจของคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงสถานการณ์พื้นที่ชายแดนก็เป็นสิ่งที่เฝ้าติดตาม วันนี้รัฐบาลมอบหมายให้นายสุชาติมาพูดคุยหารือกับกลุ่ม คปท.ก็ได้ข้อสรุปว่าคปท.จะยุติการชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐนับจากวันนี้เป็นต้นไป”นายพิชิต ย้ำ
จะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบต่อไป
นายพิชิตระบุว่าแต่มีข้อเสนอที่เคยยื่นให้กับรัฐบาลได้ดำเนินการ3-4 เรื่อง ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วเช่นการไม่เอากาสิโนและพนันออนไลน์ ที่คัดค้านตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินยังมีเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะมาตรา 112 รวมถึงเรื่องของ MOU43-44 ที่เราเห็นด้วยให้ยกเลิกเพราะเราไม่ไว้ใจกัมพูชาต้องฝากรัฐบาลอย่าไว้ใจกัมพูชามากกว่านี้โดยคปท.จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบต่อไป
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องพระราชบัญญัติศูนย์กลางประกอบธุรกิจการเงิน ควรยกเลิกทันทีเพราะคล้ายการตั้งกองทุนหรือธนาคารที่ฟอกเงินเหมือนในกัมพูชาจึงกังวลจะมีความเชื่อมโยงกับกาสิโนรวมไปถึงการเช่าที่99ปี ที่จะขอคืนจากต่างชาติได้ยาก ดูตัวอย่างที่บ้านหนองจาน 40ปีกว่าจะขอคืนพื้นที่ได้ก็ยาก ขอฝากรัฐบาลด้วยส่วนเรื่องชั้น 14 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาการเมือง ได้ตัดสินไปแล้ว รัฐบาลก็ต้องไปดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป
“แม้คปท.จะยุติการชุมนุมคืนพื้นที่ให้กับกทม.แต่ปัญหาต่างๆก็ยังไม่ไว้วางใจจะติดตามตรวจสอบเพื่อเคลื่อนไหวต่อไปขอฝากการบ้านให้รัฐบาลด้วย จากนี้จะมีการรื้อถอนและทำความสะอาดพื้นที่2-3วัน”นายพิชิตย้ำ
รบ.ขอบคุณน้ำใจคปท.การเสียสละ
ด้าน นายสุชาติ กล่าวขอบคุณแกนนำคปท.และมวลชนที่ได้คืนพื้นที่ซึ่งตนได้มีการหารือกับนายกฯและมีดำริมาว่าให้มาประสานกับทางผู้ชุมนุมว่าสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ คนไทยทุกคนมีความเสียใจที่เกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแผ่นดินและมีพระราชพิธีเกี่ยวกับพระบรมศพ นายกฯอยากให้เส้นทางที่พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จผ่านมีความปลอดภัยและจะได้มีประชาชนมาคอยรับเสด็จ
“ส่วนข้อเรียกร้องทั้งหมดที่เอ่ยมาเป็นสิ่งที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล รับปฏิบัติอยู่แล้วขอขอบคุณในน้ำใจการเสียสละและความตั้งใจของคปท.ส่วนข้อเรียกร้องทางรัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม ผมจำได้ทั้งหมดที่พูด ถ้าผมไม่ทำ มาจัดการได้เลย หากมีอะไรก็ขอให้แจ้งมา อะไรที่ทำเพื่อประเทศชาติได้ ผมทำอยู่แล้ว”นายสุชาติ ย้ำ
ยันรบ.ไม่ได้กดดัน-ร่วมถวายอาลัย
ขณะที่นายประสาร มฤคพิทักษ์ ยืนยันว่าการหารือวันนี้ รัฐบาลไม่ได้มากดดันให้ ตปท. ยกเลิกการชุมนุม แต่เป็นการหารือร่วมกันเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ถือว่าเป็นวาระสำคัญของประเทศ ที่ประชาชนทุกคนจะร่วมใจเป็นหนึ่ง เพื่อถวายความอาลัย ดังนั้นการยุติการชุมนุมในวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องของการกดดันจากรัฐบาล และตลอดระยะเวลาการเคลื่อนไหวของคปท.ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญจากการออกมาเคลื่อนไหวได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี