‘กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ’ เชิญ ‘นฤมล’ ถามแนวทางพิมพ์แบบเรียนปี 69 สัปดาห์หน้า

‘กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ’ เชิญ ‘นฤมล’ ถามแนวทางพิมพ์แบบเรียนปี 69 สัปดาห์หน้า

วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 19.55 น.

‘ปรีติ เจริญศิลป์’ สส.นนทบุรี เผยสัปดาห์หน้าเชิญ ‘นฤมล’ รมว.ศึกษาฯ ร่วมถก กมธ.ป.ป.ช. กางแผนพิมพ์แบบเรียนปี 69 มึนยังเคาะ 1 พันล้านให้ ‘องค์การค้า สกสค.’ เหมือนเดิม ทั้งที่โดนฟันผิด กม.จัดซื้อฯ อื้อ แถมค้างหนี้ค่าลิขสิทธิ์ ‘สพฐ.’ 10 ปี 219 ล้าน พิลึก!ทีกับ ‘สสวท.’ จ่ายปีละ 40-50 ล้าน ตามดีลเป๊ะ เผย ‘สพฐ.’ ตัดตอนจ้างพิมพ์แบบเรียนเองได้ แต่ปล่อย ‘องค์การค้าฯ’ ทำเจ๊งตลอด

วันที่ 29 ตุลาคม 2568 นายปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ในการประชุม กมธ.ฯ วันนี้ ที่มี นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ฯ เป็นประธานในที่ประชุม ได้มีมติ เชิญ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุมกับ กมธ.ฯ ในวันที่ 5 พ.ย.69 เพื่อให้ข้อมูลใน 2 กรณี คือ 1.แนวทางการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2569 ของกระทรวงศึกษาธิการ หลังได้อนุมัติงบประมาณ 1,010 ล้านบาทให้องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เป็นผู้ดำเนินการเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่เกิดความไม่ชอบมาพากลมาโดยตลอด นอกจากนี้จะสอบถามถึงแนวทางแก้ปัญหากรณีที่องค์การค้าฯ ค้างชำระค่าลิขสิทธิ์หนังสือแบบเรียนให้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มากว่า 10 ปี เป็นเงินกว่า 219 ล้านบาทด้วย และเรื่องที่ 2.กรณีโครงการเช่าใช้คลาวด์ (Cloud) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วงเงินงบประมาณ 2.8 พันล้านบาท ที่มีผู้ร้องเรียนว่า การกำหนดเงื่อนไขในร่างทีโออาร์เข้าข่ายล็อกสเปก และเหตุใดจึงรื้อกลับมาดำเนินการใหม่ ทั้งที่หลังเคยถูกรัฐบาลที่แล้วยกเลิกไปแล้ว


“กมธ.ฯ หวังว่า อาจารย์นฤมล จะเห็นความสำคัญ ตอบรับมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทาง กมธ.ฯ โดยเฉพาะส่วนของ องค์การค้าของ สกสค. ที่ถูก กรมบัญชีกลาง ชี้ว่ากระทำผิดมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ (พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560) ถึง 7 เรื่อง เฉพาะแค่โครงการพิมพ์แบบเรียนปี 2568 ปีเดียว ไม่แน่ใจว่า รมว.ศึกษาฯ ทราบข้อมูลส่วนนี้หรือไม่ เพราะก็เพิ่งอนุมัติให้ องค์การค้าฯ เป็นผู้ดำเนินการจัดจ้างเอกชนพิมพ์แบบเรียนอีก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” นายปรีติ ระบุ

นายปรีติ กล่าวต่อว่า จากการติดตามตรวจสอบ องค์การค้าฯ มาต่อเนื่อง ไม่เข้าใจว่าเหตุใด กระทรวงศึกษาฯ ถึงยังนิ่งเฉยกับ องค์การค้าฯ ที่ทั้งผลประกอบการที่ขาดทุนทุกปี และยังถูกร้องเรียนความไม่ชอบมาพากล ถูกกรมบัญชีกลางชี้ว่า กระทำผิดกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างถึง 7 เรื่องในปีเดียว และทราบว่ายังมีคดีความถูกเอกชนฟ้องร้องอยู่หลายคดีด้วย ในการประชุม กมธ.ฯ สัปดาห์ก่อน วันที่ 22 ต.ค.68 ได้เชิญผู้แทน สพฐ.ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์แบบเรียนมาให้ข้อมูลว่า เหตุใดถึงปล่อยให้องค์การค้าฯ เบี้ยวหนี้มาร่วมทศวรรษ รวมเป็นเงินถึง 219 ล้านบาท โดยไม่มีการทวงถาม ผู้แทน สพฐ.ระบุตอนหนึ่งว่า เห็นว่าองค์การค้าฯ มีภาระหนี้สินจำนวนมาก กลับกัน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาฯ เช่นกัน ซึ่งก็เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือแบบเรียนบางกลุ่มสาระการเรียนรู้ ปรากฏ องค์การค้าฯ ชำระค่าลิขสิทธิ์ให้ทุกปี ตกปีละ 40-50 ล้านบาท จนไม่มีหนี้ค้างชำระ โดนระบุว่าเป็นการปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างองค์การค้าฯ กับ สสวท.ที่กำหนดให้ชำระค่าลิขสิทธิ์ปีต่อปี หากไม่ชำระก็จะไม่ส่งต้นฉบับให้ในปีถัดไป นอกจากนี้ สสวท.ยังสามารถนำค่าลิขสิทธิ์ดังกล่าวไปตั้งเป็นกองทุนเพื่อใช้บริหารจัดการภายในองค์กรได้ โดยไม่ต้องส่งคืนคลัง โดยมีกฎหมายรองรับ 

“ขณะที่ สพฐ.นั้น มีระเบียบกระทรวงฯ กำหนดให้ต้องทำสัญญาเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์กับหน่วยงานหรือองค์กรที่มาใช้ต้นฉบับ แต่ตลอด 10 ปีมานี้ สพฐ. กับ องค์การค้าฯ ไม่ได้ทำสัญญากัน เพิ่งส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจสอบเมื่อเร็วๆนี้ แล้วยอดหนี้ค้างกันตั้งแต่ปี 2559 กำลังจะครบทศวรรษ ก็เพิ่งมาทำหนังสือทวงถามไป 3 ครั้ง หลังปี 2565 นี่เอง ” นายปรีติ ระบุ

นายปรีติ กล่าวอีกว่า ช่วงหนึ่งตน และ กมธ.พยายามสอบถามทาง สพฐ.ว่าเหตุใดถึงต้องให้องค์การค้าฯไปจ้างเอกชนพิมพ์หนังสือแทน สพฐ.สามารถทำเองได้หรือไม่ ซึ่งตอนแรกก็อ้างกันไปถึงนโยบายของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหน่วยงานตั้งแต่ปี 2553 มีเอกสารอ้างอิงเป็นเพียงการสรุปสาระสำคัญการมอบหมายภารกิจ ไม่ได้เป็นระเบียบ หรือกฎหมายใดๆ ด้วยซ้ำ รวมถึงอ้างไปถึงนโยบายสื่อเสรี ที่หาก สพฐ.ดำเนินการเอง ต้องพิจารณาเอกชนอย่างถี่ถ้วนว่า เป็นเอกชนที่พิมพ์แบบเรียนแข่งกับกระทรวงตามนโยบายสื่อเสรีหรือไม่ และหากจ้างผลิตแล้วจะมีทำการตลาดให้เต็มที่หรือไม่ สรุปแล้วก็คือ สพฐ.สามารถดำเนินการจัดจ้างเอกชนเพื่อจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนได้เอง ซึ่งผู้แทน สพฐ.อธิบายด้วยว่า หนังสือแบบเรียนแต่ละปีการศึกษามีแบ่งเป็น 2 แบบหลักๆ คือ ฉบับของกระทรวงศึกษาฯ ที่ส่งให้องค์การค้าฯ เป็นผู้ดำเนินการผลิต ตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน ซึ่งปัจจุบันองค์การค้าฯ ไม่ได้พิมพ์เอง เป็นการจัดจ้างเอกชนพิมพ์ทั้งหมด ส่วนอีกแบบเป็นหนังสือของเอกชน ตามนโยบายสื่อเสรี ที่เปิดกว้างให้เอกชนสามารถผลิตแบบเรียนมาแข่งขันกับฉบับของกระทรวงศึกษาฯ ได้ หรือเป็นคู่แข่งของแบบเรียนกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งโรงเรียนทั้งในสังกัดกระทรวงหรือนอกสังกัด สามารถพิจารณากันเองว่า จะซื้อแบบเรียนของเจ้าใดมาให้นักเรียนใช้ประกอบการเรียน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นของกระทรวงศึกษาฯ
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top