‘ดร.สติธร’ชี้เวทีอาเซียน–เอเปค จุดเปลี่ยนไทยบนเวทีโลก ‘อนุทิน’คืนความเชื่อมั่นประเทศ

‘ดร.สติธร’ชี้เวทีอาเซียน–เอเปค จุดเปลี่ยนไทยบนเวทีโลก ‘อนุทิน’คืนความเชื่อมั่นประเทศ

วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 10.05 น.

‘ดร.สติธร’ชี้เวทีอาเซียน–เอเปค คือจุดเปลี่ยนบทบาทไทยบนเวทีโลก ‘อนุทิน’คืนความเชื่อมั่นประเทศ เดินเกมทูตเชิงรุก ดึงการลงทุน-เสริมความมั่นคงภูมิรัฐศาสตร์

2 พฤศจิกายน 2568 ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นประเมินผลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) และเอเปค (APEC Summit) ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นำทีมไทยเข้าร่วมว่า ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนบทบาทเชิงรุกของไทยในเวทีโลกอย่างชัดเจน ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และภาพลักษณ์ประเทศ


ดร.สติธร ระบุว่า การเข้าร่วมครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่คือการวางยุทธศาสตร์นำไทยกลับสู่บทบาทแกนกลางของภูมิภาค ท่ามกลางการแข่งขันของมหาอำนาจ พร้อมเสริมความเชื่อมั่นแก่ประชาคมโลกว่า ไทยพร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือบนพื้นฐานสันติภาพ การเติบโตยั่งยืน และเศรษฐกิจอนาคต

“นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสบนเวทีอาเซียนและเอเปคยืนยันว่าไทยยังเป็นประเทศศูนย์กลางของภูมิภาค พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย นี่คือสัญญาณเชิงบวกที่ประเทศคู่ค้าระดับโลกจับตามอง” ดร.สติธร กล่าว

ดร.สติธร กล่าวว่า อย่าลืมว่า เอเปคมีความสำคัญมาก ต่อตลาดการค้าโลก การที่ผู้นำไทยพบผู้นำประเทศมหาอำนาจและนักลงทุนรายใหญ่ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นอย่างมีนัยสำคัญ เปิดทางให้เกิดข้อตกลงด้านการค้า การลงทุน ห่วงโซ่อุปทาน และเทคโนโลยีขั้นสูง สอดรับนโยบายรัฐบาลดึงดูดทุนต่างชาติและยกระดับเศรษฐกิจไทย

ทั้งนี้ ไทยร่วมผลักดันประเด็นยุทธศาสตร์ เช่น การเชื่อมโยงดิจิทัล พลังงานสะอาด เศรษฐกิจสีเขียว การพัฒนาทักษะแรงงานในเศรษฐกิจใหม่ ถือเป็นการต่อยอดจากที่ไทยเคยเป็นเจ้าภาพผลักดันโมเดล BCG และช่วยเตรียมไทยสู่อนาคตเศรษฐกิจยั่งยืน

ดร.สติธร ระบุว่า นายกรัฐมนตรีใช้การทูตอย่างมีชั้นเชิง ทั้งเวทีรวมและการหารือรายประเทศ สร้างดุลอำนาจระหว่างมหาอำนาจ และเสริมความมั่นคงภูมิภาค ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนขึ้น การแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในเวทีโลก สะท้อนว่าไทยคือประเทศที่เปิดกว้าง พร้อมเดินหน้าตามกติกานานาชาติ ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นระยะยาว ทั้งนักธุรกิจ นักลงทุน และประชาคมโลก

“แม้ผลบางอย่างอาจไม่เกิดทันที แต่ทุนทางความเชื่อมั่นที่สะสมจากเวทีนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะยาว” ดร.สติธร กล่าว

ดร.สติธร กล่าวทิ้งท้ายว่า โอกาสมหาศาลครั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายต่อเนื่อง เช่น การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อให้ไทยเก็บเกี่ยวประโยชน์ได้เต็มที่

“รัฐบาลเปิดประตูไว้แล้ว ที่เหลือคือการเดินต่ออย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งหากทำได้ ไทยจะก้าวขึ้นสู่บทบาทผู้นำภูมิภาคอย่างแท้จริง” ดร.สติธร กล่าว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top