วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
            
								'เรืองไกร'ยื่นศาลรธน.วินิจฉัย'ประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา'ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ หรือไม่ ปมเห็นชอบ 3 ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรธน.
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2568 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมกันจัดให้มีการประชุมและใช้สิทธิลงมติในที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ญัตติ โดยญัตติดังกล่าวได้มีการการเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่นั้น
โดยรัฐสภาไม่ได้ร้องขอให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการออกเสียงประชามติก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมที่มีบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 ซึ่งมีผลเป็นเด็ดขาดผูกพันรัฐสภาด้วยนั้น การกระทำของประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 หรือไม่
โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า คำร้องนี้เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 และโดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 หน้า 12 ระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า "....การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2566...."และหน้า 15 ระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า "เพราะฉะนั้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน การจัดทำรัฐธธรรมนุญญฉบับใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 จำเป็นต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง
ครั้งที่1 หากรัฐสภาประสงค์จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉนับไหม่ รัฐสภาต้องร้องขอให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการออกเสียงประ ชามติก่อนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มีบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาตามมาตรา 256(1) ....
ครั้งที่2 .." เพื่อเป็นการยืนยันว่าประชาชนเสียงส่วนใหญ่ประสงค์ที่ต้องการให้มีการแก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หากไม่ทำการออกเสียประชามติแล้วจะทราบได้อย่างไร ว่าประชาชนต้องการที่จะให้มีการแก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยหากเสียงประชามตีไม่เห็น ชอบให้แก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วรัฐสภาก็ไม่มีอำนาจในการประชุม เพื่อให้แก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่หากเสียงประชามติเห็นชอบให้แก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่รัฐสภาจึงชอบที่จะเสนอให้มีการประชุมเพื่อแก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญได้
แต่ปรากฎข้อเท็จจริง ตามคำร้องที่ขอให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งนั้นว่า รัฐสภาโดยประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมกันจัดให้มีการประชุมและใช้สิทธิลงมตีในที่ประชุมรัฐภาเห็นชอบญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ญัตติ โดยญัตติดังกล่าวได้มีการเพิ่มหมวด 15/1 ซึ่งถือว่าเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับนั้น รัฐสภายังไม่ได้ร้องขอให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการออกเสียงประชา มติก่อนการแก้ไขเพิ่มเติม เสียก่อน..ซึ่งไม่เป็นไปตามผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 ดังนั้น การกระทำดังกล่าวของประธานรัฐ สภาและสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมกันจัดให้มีการประชุมและใช้สิทธิลงมตีในที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ญัตติ โดยญัตติดังกล่าวได้มีการการเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่รัฐสภายังไม่ได้มีการร้องขอให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการออกเสียงประชามติ เพื่อให้ประชาชนให้ความเห็นชอบว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เสียก่อน แต่รัฐสภาโดยประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา ยังได้ประชุมและลงมติเห็นชอบญัตติแก้ไซเพิ่มเติมทั้ง 3 ร่างดัง กล่าว ทั้งที่รู้หรือควรรู้ว่ามีบทบัญญัติในหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญญฉบับใหม่ ซึ่งโดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 ถือเป็นการยกเลิกหรือล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ดังนั้น การที่รัฐสภาโดยประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาได้ร่วมประชุมและละลงมติในญัตติทั้ง 3 ร่างดังกล่าว จึงเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพของสมาชิกรัฐสภาที่มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
กรณีจึงเป็นการใช้สิทธิเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิบไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งกระทำมิได้ตามความในมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยสั่งการให้ประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาเลิกการกระทำที่ร่วมกันให้มีการประชุมและใช้สิทธิลงมติในที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ญัตติดังกล่าวได้
อนึ่ง ที่ประชุมรัฐสภาได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พุทธศักราช ..... ขึ้นจำนวน 43 คน ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ดังกล่าวได้มีการประชุมสำหรับเดือนตุลาคม รวม 4 ครั้ง แล้ว และกำลังจะมีการประชุมในเดือนพฤศจิกายนด้วย
ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาและเสียเงินงบประมาณแผ่นดินในการจ่ายเบี้ยประชุมคณะกรรมาธิการฯ จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจกำหนด
มาตรการหรือวิธีการใดๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ด้วยการออกคำสั่งไปยังประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาที่ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมาธิการฯ ให้หยุดการกระทำดังกล่าวไว้ก่อน 
 
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี