วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘หนู’ลั่นพร้อมยุบสภาหากถูกยื่นซักฟอก
ไม่ยอมให้ใครด่าเล่นฟรีๆ
ระบุขึ้นอยู่กับสถานการณ์
หากรัฐบาลสู้เกมไม่ได้ก็ยุบ
‘มาร์ค’เร่งสร้างปชป.ยุคใหม่
‘พท.’โวยสส.ถูกตามซื้อตัว
“อนุทิน”เผย อาจยุบสภาฯ ก่อน 4 เดือน รอดูยื่นซักฟอกมีวัตถุประสงค์อะไร แต่ไม่ยอมให้ใครมาด่ารัฐบาลเล่นๆ ฟรีๆ หากเป็นเกมการเมือง บอกติดตลก เป็นนายกฯ ก็ดีเหมือนกัน “ปู่จิ้น”พ่อนายกฯเข้าทำเนียบร่วมทานมื้อกลางวัน ด้าน“สมศักดิ์”กวักมือเรียกคนย้ายพรรคกลับ“เพื่อไทย”มั่นใจกก.บห.ชุดใหม่ สร้างการเมืองแจ่มใส ขณะที่“ประเสริฐ”แฉจ้องซื้อตัวสส.ให้ย้ายพรรค ขู่ล่อซื้อ-ประจานสังคม ’อภิสิทธิ์’ผุดแคมเปญ’สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ’เชิญชวนประชาชนปรารถนาดีต่อบ้านเมืองลงชิงส.ส.ดินหน้าสร้างคน-พรรค-ประเทศ
เมื่อวันที่ 5พ.ย.2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แสดงวิสัยทัศน์ในงานTHE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ในหัวข้อ “Thailand’s Next Frontier : A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่”ในรูปแบบการสัมภาษณ์ โดยผู้ดำเนินรายการถามว่าจะยุบสภา 4 เดือนตามเอ็มโอเอที่ทำไว้กับพรรคประชาชน (ปชน.)หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า 4เดือนคือสิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับพรรคประชาชน เพราะมองว่าบ้านเมืองขณะนั้นการยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่คืนอำนาจให้ประชาชนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด พรรคที่เป็นรัฐบาลตอนนั้นมีข้อสงสัยว่า นายกฯรักษาราชการยุบสภาฯหรือไม่ จึงต้องมีวิธีการดำเนินการให้มีการยุบสภาฯ เราเล่นตามกติกา พรรคประชาชนมีสส.มากกว่าเรา แต่เขาไม่มีแคนดิเดตนายกฯ เมื่อต้องเลือกตั้งคืนอำนาจให้ประชาชนจึงเป็นที่มาของเอ็มโอเอ
อาจยุบก่อน4เดือน-หนีเกมการเมือง
เมื่อถามว่า ยืนยันตามไทม์ไลน์เดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนยืนยันตลอดไม่เคยเปลี่ยน มีคนเยอะแยะมาบอกว่า จะมีเหตุการณ์อย่างนั้นอย่างนี้ เอาเป็นข้ออ้างได้ ตนรับฟังแต่รับรองไม่ปฏิบัติตาม เพราะพรรคประชาชนทำให้ตนเป็นนายกฯตนต้องรักษาสัญญาที่มีไว้ เมื่อครบ 4เดือนก็ต้องยุบสภาฯ ส่วนกระแสข่าวจะยุบสภาฯก่อนหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ก็ต้องดูสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะอภิปรายโดยวัตถุประสงค์อะไร เราต้องดูไทม์ไลน์กว่าจะยื่นอภิปรายได้สภาฯเปิดสมัยประชุมเดือนธ.ค.ตั้งใจยุบสภาฯวันที่ 31ม.ค.อยู่แล้ว ตนคงไม่ปล่อยให้ใครมาด่ารัฐบาลเล่นๆฟรีๆ หากเป็นเกมการเมือง รัฐบาลสู้เกมการเมืองไม่ได้ ก็ยุบสภาไป ห่างแค่เดือนเดียว คงไม่ทำให้เกิดความแตกต่างอะไร
เมื่อถามถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าพร้อมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนพร้อมตั้งแต่เขาเอาออกจากรัฐบาล และการประชุมสส.พรรคภูมิใจไทย วาระแรกหลังเข้ามาเป็นรัฐบาลในปี66 คือ บอกให้เตรียมตัวเลือกตั้งเพราะมันเกิดขึ้นได้ทุกวัน บอกสมาชิกพรรคว่า เลือกตั้งเกิดขึ้นได้เสมอ หากพรุ่งนี้เลือกตั้งก็ต้องพร้อม
แย้มเป็นนายกฯก็ดีเหมือนกัน
เมื่อถามต่อว่าพร้อมกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหรือไม่ นายกฯ กล่าวติดตลกว่า ก็ดีเหมือนกันเป็นนายกฯ ตอนนี้ตนเป็นนายกฯแล้ว ตอนที่ยังไม่เป็น ยังกลัวๆกล้าๆ แต่พอเป็นแล้ว เห็นสิ่งที่สามารถทำได้ให้กับบ้านเมืองด้วยความเป็นนายกฯ หากเราทำได้ดีจะเป็นยาวเป็นสั้น ไม่ได้มีความสำคัญ สำหรับตนเป็นแล้วก็คือเป็น ตั้งแต่ปี2547-2549 ที่ตนได้เป็นรัฐมนตรีแล้วมีรัฐประหาร ตนออกไปจากการเมือง 13-14ปี คนที่ไม่สนิทกันมากเขาก็เรียกตนเป็นรัฐมนตรีทุกคำ วันนี้ต่อให้ตนเป็นนายกฯ3เดือน4เดือน คนก็เรียกตนว่านายกฯเหมือนที่ตนเรียก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าท่านนายกฯ แต่อยู่ที่ว่าเวลาที่มีอยู่ทำอะไรให้มันปังไปซักอัน เป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์กับบ้านเมืองเป็นภาพจำ ได้กลับหรือไม่กลับเราก็ถือว่า บอกตัวเองได้แล้วว่า ความเป็นนายกฯทำสิ่งอะไรไว้
พ่อนายกฯเข้าทำเนียบทานมื้อเที่ยง
เวลา 10.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 11.15 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดาของ นายอนุทิน เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี ได้ลงมารอรับ นายชวรัตน์ นายอนุทิน พาพ่อชมห้องทำงานและนั่งโต๊ะทำงานนายกฯเพื่อความเป็นสิริมงคล
“อนุทิน”ปิดห้อง“ธรรมนัส”ส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายอนุทิน ส่งนายชวรัตน์ บิดาขึ้นรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ได้ขึ้นไปที่ห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นการส่วนตัวภายในห้องทำงานต่อด้วย
ปชน.พร้อมจับมือพท.ซักฟอกรบ.
ด้าน นายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรัฐมนตรีอาจยุบสภาก่อนวันที่ 31มกราคม2569 หากมีความสุ่มเสี่ยงทางการเมืองจะกระทบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า เป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกฯ เราก็ทำตามหน้าที่กันไป ในส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญตนคิดว่าคณะกรรมาธิการที่พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ทำเต็มที่ ซึ่งการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย จะยุบสภาก็ต้องว่า กันไปในสภาฯสมัยหน้า
เมื่อถามว่า เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ มีโอกาสที่พรรคประชาชนอาจจะไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากมีเนื้อหาสาระที่จำเป็นต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาชนก็พร้อมที่จะยื่น เพราะไม่ได้อยู่ในข้อตกลงMOA หากมีเรื่องที่หนักหนาสากันหรือประเด็นที่เป็นภัยร้ายต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พรรคประชาชนก็พร้อมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และพร้อมที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยเอาเนื้อหามาคุยกันการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องอภิปรายยยึดเนื้อหาสาระ ถึงความผิดฉกรรจ์ที่รัฐบาลก่อและเนื้อหาสาระในการอภิปราย เราจะไม่ใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นเกมการเมืองหรือช่องทางระบายความแค้นส่วนตัวของใคร เรายึดเนื้อหาสาระเป็นหลัก หากมีเนื้อหาสาระที่มากพอก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
‘สมศักดิ์’ชวนคนย้ายพรรคกลับพท.
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.สาธารณสุข ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเลือกตั้ง ว่า พรรคพท.ได้จัดอบรมเวิร์คช็อปให้กับว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยเบื้องต้นตนได้อบรมว่าที่ผู้สมัคภาคเหนือตอนล่าง โดยการอบรมลักษณะนี้ จะดำเนินการไปให้ครบทั้งประเทศ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะผู้สมัครเท่านั้นที่เข้าร่วมรับฟัง แต่รวมถึงคณะทำงานให้เข้าร่วมด้วยเพื่อรับรู้รับทราบเพราะมีกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงเน้นให้ความรู้ทั้งเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง การลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาประชาชน แล้วนำมาเสนอพรรคเพื่อร่วมกันจัดทำนโยบาย โดยได้เน้นย้ำว่าพรรคเพื่อไทยเน้นผลงานและมีนโยบายการทำงานอย่างชัดเจนและต้องเน้นการเรียนรู้ประชาธิปไตยด้วยว่าถูกกระทำมาหลายครั้งหลายหน เคยถูกตัดสิทธิ์ ยุบพรรคก็เป็นบทเรียนที่เราจะต้องทำความเข้าใจ เราต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากเลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)ชุดใหม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะแจ่มใสและอนาคตเดินทางสู่ระบบการเมืองของประเทศไทยอย่างมีคุณภาพ อยากเชิญชวนคนที่ย้ายพรรคไปให้กลับมา การปรับโครงสร้างพรรคมีการผสมผสานทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าที่ลงตัวในการทำงานเพื่อประชาชนส่วนตนยังคงยืนยันว่าอยู่กับพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาถูกมองว่ามีกลุ่มนั้น กลุ่มนี้ ยืนยันว่าไม่มีกลุ่ม มาทำงานอะไรที่ตรงไปตรงมาชัดเจนพี่น้องประชาชนให้ความไว้ใจเชื่อใจ ก็เลยไปไหนไปด้วย
“ผมบอกว่าไม่ได้ไปไหนก็จะอยู่ตรงนี้ เพราะเห็นว่าพรรค พท.เป็นแกนของประชาธิปไตย เป็นพรรคที่เดินสายกลาง มีนโยบายแก้ปัญหาให้ประเทศ สร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับประเทศ ไม่ฟู่ฟ่า ไม่ตีฆ้องร้องป่าวจนเกินกว่าเหตุ ไม่ใช้ปัจจัยในการทำการเมืองจนน่ากลัวอยู่ตรงนี้แหละครับ”นายสมศักดิ์กล่าว
เตือนหยุดตื้อซื้อสส.ขู่ดัดหลัง‘ล่อซื้อ’
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยในการเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งว่า คณะผู้บริหารพรรคกำลังทำงานอย่างหนักในการคัดเลือกผู้ที่แสดงความจำนงในการที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.ทั้งในส่วนภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้และกทม.ซึ่งมีผู้สนใจมาเสนอตัวเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันได้รับทราบจาก สส.พรรคโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ได้แจ้งมายังตนถึงความผิดปกติที่อาจนำไปสู่การกระทำที่เป็นปัญหาต่อระบอบรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังบางพรรค เริ่มแสดงพฤติกรรม‘ยี้’ด้วยการส่งคนเข้ามาติดต่อ สส.เพื่อไทย บางคนมีคนเข้ามาชักชวนด้วยวิธีการและข้อเสนอเดียวกันซ้ำๆ มากถึง 2 หรือ 3 ครั้ง โดยมีทั้งเสนอให้เปิดตัวย้ายพรรคไป หรือหากยังไม่สบายใจก็เสนอให้เป็น สส.งูเห่า หากพร้อมเมื่อไรก็ค่อยย้ายพรรค โดยเสนอผลตอบแทนเป็นผลประโยชน์หลายกิโลฯและค่าตอบแทนเป็นรายเดือน หากสนใจที่จะเปิดตัวย้ายพรรคก็จะพาไปพบแกนนำของพรรคการเมืองดังกล่าว เพื่อเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองนั้น แต่ สส.เพื่อไทยหลายคนรู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี เพราะหลายคนที่เป็น สส.งูเห่าไปแล้วก็ยังไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ได้รับปากกันไว้ เรื่องนี้ สส.หลายคนมาแจ้งข้อมูลให้พรรคทราบมาระยะหนึ่งแล้ว เราจึงขอเตือนว่า ถ้ายังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เราอาจดำเนินการล่อซื้อ หรือหาทางบันทึกหลักฐานเพื่อนำมาเปิดเผยต่อพี่น้องประชาชนในอนาคต
ปชป.ผุดแคมเปญ’สส.ดีคุณเองก็เป็นได้
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำ กก.บห.บางส่วนร่วมแถลง Kick-off รับผู้ประสงค์จะยื่นแสดงความจำนง ลงสมัคร สส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้ชื่อ “สส.ที่ดีคุณเองก็เป็นได้นะ”โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทําหน้าที่ตามสัตยาบันไปก่อน เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้รับรอง แต่ไม่สามารถรอทุกสิ่งทุกอย่างได้ เนื่องจากเงื่อนไขสภาวะทางการเมืองขณะนี้ เราต้องทำงานแข่งขันกับเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นวันนี้เราจึงตัดสินใจว่า เราจะเริ่มต้นดำเนินการเริ่มโครงการเชิญชวนคนที่มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองให้มาร่วมกับเรา โดยการเสนอตัวสมัครเป็น สส.เราจะทําโครงการที่ใช้คําว่า สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ วันนี้ประชาชนไม่สามารถคาดหวังว่า สส.ที่ดีจะลอยมาจากที่ไหนและประชาชนอีกจํานวนมากเชื่อว่าไม่ได้ตั้งความหวังกับสส.ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม วันนี้จนถึงวันที่ 30พฤศจิกายน เราเปิดโอกาสและเชิญชวนคนทั้งประเทศ ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายและมีความตั้งใจ ที่จะมาทําการเมืองสุจริต มาร่วมกับเรา ย้ําอีกครั้งว่า อย่ารอคนอื่นมาเป็นตัวแทนของท่าน สส.ที่ดีคุณเองก็เป็นได้
ไม่สนเลือดไหล-เร่งสร้างคนรุ่นใหม่
ส่วนกรณีอดีตหัวหน้าพรรคลาออกและจะนําสส.พรรคทั้งหมดไปด้วยนั้น จะส่งผลกระทบต่อพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า กว่าจะถึงวันยุบสภา จํานวนสส.ที่เหลืออยู่จะน้อยมาก วันนี้ตนเลยตั้งสมมติฐานใหม่ว่า เริ่มจากศูนย์แล้วกัน มาสร้างกันใหม่เลย วันนี้สร้างคนให้คนสร้างพรรคไปสร้างบ้านเมืองที่ดี จึงขอเชิญชวนแบบนี้ ใครที่จะอยู่ก็ต้องมาในแนวทางนี้ ใครอยากจะไปอยู่กับพรรคอื่นก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน ส่วนสส.ในพรรคมีการเข้ามาลาส่วนตัวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บางคนพูดมาตั้งแต่เลือกตนแล้วว่า ด้วยความผูกพันก็อยู่เลือกให้ แต่คงไม่ได้อยู่ร่วมทํางานด้วยกัน หลายท่านก็พูดอย่างนี้ตรงไปตรงมา โดยกฎหมายเราเข้าใจว่า ขณะนี้ที่เขายังไม่ลาออก เพราะเขาจะสูญเสียสถานภาพ สส.
เมื่อถามว่า แปลว่าไม่มีวิธีการหยุดเลือดเก่าไม่ให้ไหลออกใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่างว่า คงไม่ใช่เรื่องวิธีการ แต่แนวทางพรรคตอนนี้เป็นอย่างนี้ แต่ละท่านก็ต้องตัดสินใจว่า อยากเดินแนวทางไหน ถ้าพร้อมจะเดินแนวทางนี้ เรายินดีอยู่แล้ว แต่หากเห็นว่ามีพรรคการเมืองอื่น มีอะไรที่ดีกว่า หรือคุยไปลึกแล้ว ตัดสินใจรับปากไปแล้ว เราก็เข้าใจ หน้าที่เราก็สร้างคนใหม่ เมื่อถามว่า มองการสร้างคนใหม่ ในระยะเวลาจํากัดไว้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมไม่โกหกนะครับ เชิญชวนนี่ คือชวนมาเหนื่อย ไม่ได้ชวนมาสบาย เพราะวันนี้ถ้าไม่เหนื่อย บ้านเมืองก็ไม่ดีขึ้น ชวนมาเหนื่อย มาทุ่มเทกับพวกเรา ถึงเวลาแล้ว เราต้องมาทําการเมืองให้ไม่เหมือนการเมืองที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้”
ไม่หวั่นขุดสลายชุมนุมปี53ป่วน
เมื่อถามว่า นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี 53 ศาลยังไม่เคยตัดสิน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ไปฟังคำพูดของตนคำต่อคำ และตรวจสอบข้อมูลกับสาธารณะที่มีอยู่ก็ชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าขบวนการที่เกิดขึ้นเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องมองอะไร ตนถือว่าเมื่อเขามาแล้วสอบถามเราก็ชี้แจง เพราะตนเป็นคนหนึ่งที่พูดตลอดว่าคนเป็นนักการเมืองต้องตรวจสอบได้และเราเคารพการใช้สิทธิของเขาไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
หากใช้สิทธิ์โดยสุจริตไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า นักวิชาการบางคนถึงขั้นใช้คำว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ควรกลับมาลงสนามอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของท่าน เมื่อถามย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังไปต่อได้หรือไม่ นายอภิสทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน แต่ความตั้งใจของตนและกก.บห.คืออะไร ซึ่งตนก็แถลงข่าวไปแล้ว ยืนยันว่า เป็นการเมืองที่สุจริต เป็นการเมืองที่รับผิดชอบ ต่อข้อถามว่า จากนี้ไปเวลาลงพื้นที่หาเสียงอาจจะโดนป่วนเหมือนลักษณะเดียวนี้อีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตก็ไม่มีปัญหา แต่อยากให้ทุกฝ่ายเคารพในการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เท่านั้นเอง ส่วนที่ว่าภาพเก่าจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตนเป็นคนหนึ่งที่พูดมาตลอดว่า ทำอะไรไว้ พูดอะไรไว้ตนต้องรับผิดชอบทั้งหมดไม่ได้มีปัญหาอะไร
จับตากมธ.แก้รธน.นัดโหวตส.ส.ร.6พ.ย.
ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงผลการพิจารณาของ กมธ. ซึ่งวางวาระเพื่อลงมติตัดสินต่อกระบวนการและกลไกของผู้ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าเดิมที่ประชุมกำหนดให้ลงมติประเด็นการเลือกตั้งโดยตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ และรูปแบบขององค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญ แต่จากการอภิปรายของกมธ.ส่วนใหญ่มองว่า หากลงมติที่ชี้ขาดแล้วจะเท่ากับปิดกั้นการแสดงความเห็นของ กมธ. เมื่อถึงวาระพิจารณาของเนื้อหาที่ได้ลงมติไปก่อนหน้านั้น ซึ่งที่ประชุมได้ใช้พิจารณากันนาน ก่อนจะมีความเห็นว่าไม่ควรใช้ลงมติตามประเด็นที่กำหนดไว้
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ขณะที่การพิจารณาเนื้อหานั้น ขณะนี้กมธ.เข้าสู่การพิจารณาเป็นรายมาตราแล้ว โดยที่ประชุมได้รับข้อเสนอของการแก้ไข มาตรา 256 ที่พรรคภูมิใจไทยเสนอมาพิจารณา แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าเนื้อหาจะเป็นตามที่เสนอหรือไม่ เพราะมีกมธ.บางคนเห็นแย้ง และมองว่าการปรับเรื่องสัดส่วนการลงมติของ สว.จาก 1 ใน 3 ไปเป็น 1 ใน 5 นั้น อาจทำให้ สว. ไม่เห็นชอบ ซึ่งเสี่ยงกับการที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาได้ ทำให้กมธ.ต้องรอการพิจารณาไว้
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่าขณะที่ในประเด็นสำคัญ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดและเตรียมลงมติตัดสินในการประชุม กมธ.วันที่ 6 พฤศจิกายน คือ ประเด็นองค์กรเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมี3 ประเด็น คือ ประเด็นของพรรคภูมิใจไทยที่กำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ประเด็นของพรรคประชาชน ที่เป็นร่างหลัก ซึ่งเสนอให้มีกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ และประเด็นที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยในฐานะกมธ.เสนอคือ ให้มีส.ส.ร. 151 คน ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี