'โรม' ดักคอ 'อนุทิน' ชิงยุบสภาหนีซักฟอก เข้าทาง'โจรอุ้มโจร'

'โรม' ดักคอ 'อนุทิน' ชิงยุบสภาหนีซักฟอก เข้าทาง'โจรอุ้มโจร'

วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 11.35 น.

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เมื่อเวลา 09.00น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุ พร้อมที่จะยุบสภาทันทีหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ยอมให้โดนด่าฟรีว่า เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำได้ตามกฏหมาย แต่อีกมุมหนึ่งสิ่งที่ประชาชนเชื่อ หรือมองจะเป็นอย่างไร

นายรังสิมันต์ ยักล่าวอีกว่า เรื่องที่นายชาดา ไทยเศรษฐ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยบอกว่าตั้งโจรมาปราบโจร ส่วนตัวจึงตั้งคำถามว่า แล้วโจรจะอุ้มโจร อุ้มโจร อุ้มโจร นั้นมันก็หลายต่อ ซึ่งหากชิงยุบสภาหนีไปก่อน คำถามสำคัญประชาชนจะเข้าใจได้อย่างไร จะกลายเป็นว่าสุดท้ายคือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันหรือไม่ และทำเช่นนี้ใครจะได้ประโยชน์ กลุ่มสีเทาจะได้ประโยชน์ใช่หรือไม่ ตนแนะไปยังนายกรัฐมนตรีว่าต้องคิดให้ดี


จากนั้นนายรังสิมันต์ ในฐานะประธานคณะะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามปัญหาสแกมเมอร์ว่า หลายประเทศมีความคืบหน้า แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความคืบหน้าน้อยที่สุด แต่ถ้านายกรัฐมนตรีเอาจริง ตนเชื่อว่าหน่วยงานหลายหน่วยงานพร้อมทำหน้าที่ ปัญหาขณะนี้ที่หน่วยงานเกียร์ว่างไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ตนไม่มั่นใจว่าเพราะไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีข้อมูลหรือเป็นเพราะเชื่อมถึงใครหรือไม่ แต่ก็เริ่มเห็นการเริ่มนับหนึ่งในบางกรณี แต่ในกรณีของปริ้นกรุ๊ป แทบจะไม่มีความคืบหน้าเลย จึงต้องยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องพวกนี้จริง ก็อยู่ที่นายอนุทินว่าตกลงจะเอาอย่างไร จะปราบสแกมเมอร์อย่างไร

" ต้องยอมรับว่าผิดหวัง กับท่าทีของนายอนุทิน ยอมรับว่าคาดหวังมากกว่านี้ การที่นายอนุทินไม่ดำเนินการอะไร เป็นท่าทีที่น่าผิดหวังมากแล้ว สวนทางกับสิ่งที่พูดที่บอกว่านี่คือวาระแห่งชาติ เป็นวาระแห่งชาติได้อย่างไรในเมื่อการแก้ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเลย และยังไม่นับว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความร่วมมืออย่างจริงจังกับทางกรรมาธิการในการแก้ปัญหาเรื่องนี้"นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังได้ตั้งคำถามถึงนายอนุทิน ว่าอะไรคือรูปธรรมของการแก้ปัญหา อะไรที่บอกว่าเป็นรูปธรรมของการเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ เพราะไม่มีความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้เลย วันนี้อาจจะมีการทำเอ็มโอยูกับสหรัฐฯ แต่จะมีเอ็มโอยูหรือไม่ก็ไม่มีความหมาย เพราะเป็นเพียงพิธีการเท่านั้น แต่สิ่งที่อยากเห็นคือรูปธรรมของการทำงาน ในเรื่องความคืบหน้าของความเกี่ยวโยงกันในแต่ละบุคคล ซึ่งใครเกี่ยวข้องอย่างไรต้องเอาข้อเท็จจริงมาตรวจสอบสุดท้ายพยานหลักฐานที่สำคัญคือเส้นเงิน

เมื่อถามว่า คาดหวังว่านายกฯจะให้รัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาลาออกเพื่อให้มีการตรวจสอบตัวเองหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า การตรวจสอบมีสองระดับ คือ 1.การตรวจสอบทางการเงิน ตนเป็นกรรมาธิการการตรวจสอบทางการเมือง ไม่ได้หมายความว่าต้องผิด 100% หรือถูก 100% การตรวจสอบทางการเมืองแค่มีเพียงข้อบ่งชี้ ว่าถ้าให้คนเหล่านี้อยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปจะสร้างความเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน นี่คือเหตุเพียงพอแล้วในการตรวจสอบและ 2.การตรวจสอบทางกฎหมาย เป็นขั้นตอนทางกฎหมายซึ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่หรืออำนาจต้องเป็นคนดำเนินการดังนั้นสิ่งที่กรรมาธิการทำได้คือรวบรวมพยานหลักฐานของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อส่งให้หน่วยงาน แต่ทั้งสองการตรวจสอบแม้แยกกันทำงานแต่สามารถเดินคู่ขนานกันไปได้

“จริงๆแล้วเราไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ลาออก เราคาดหวังให้นายกรัฐมนตรีปลดออกจากคณะรัฐมนตรีเลย นี่คือความคาดหวังของเรา"นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่าข้อมูลที่มีจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ ถ้าต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พวกเราพร้อมอยู่แล้ว ข้อมูลหลายอย่างเอาไปใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ และพร้อมพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการพูดคุย ส่วนหนึ่งก็มาจากกลไกวิปฝ่ายค้านดำเนินการได้อย่างที่ควรจะเป็น เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้เข้าร่วมกับวิป นี่ยังเป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่จบ ดังนั้น หากจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจมีเสียงของฝ่ายค้าน 280 กว่าเสียง ถ้ายื่นไปแล้วไม่สำเร็จก็น่าเสียดาย ดังนั้นกลไกของการพูดคุยระหว่างพรรคฝ่ายค้าน มีความสำคัญมากว่าสุดท้ายจะจบอย่างไร

“ผมยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถเอาผิด โดยเฉพาะทางการเมืองกับบุคคลต่างๆได้ เอาผิดในการขยายผลเครือข่ายต่างๆหรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่อดีตที่เป็นนายกฯ ที่เป็นรัฐมนตรี นักการเมืองต่างๆ ก็สามารถดำเนินการได้ ต้องยอมรับว่าฝ่ายการเมืองข้าราชการประจำเละเทะ ตำรวจที่มีการแฉออกมาไปเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน 200 คน กระทั่งคนที่มีหน้าที่ปราบเว็บพนันเข้าไปเกี่ยวข้อง กับการรับส่วยเว็บพนัน ดังนั้นต้องยอมรับว่ากลไกต่างๆ แทบจะไม่เหลืออะไรให้เราเชื่อมั่นแล้ว สิ่งที่พวกผมทำได้ในฐานะที่ยังมีเวลาทางการเมืองที่จะนับถอยหลังไปทุกๆวันเราก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า วันนี้จะมีการตรวจสอบกรณีของตำรวจ ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังว่าจะทำร้ายใคร ไม่ได้ต้องการทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสียความเชื่อมั่น แต่ความเชื่อมั่นจะมีหรือไม่มีนั้น ไม่ได้อยู่ที่พวกเรา อยู่ที่คนในองค์กรเสียเอง ดังนั้นหวังว่าข้อเท็จจริงที่จะนำเสนอทั้งหมดในวันนี้ จะนำไปสู่การปฏิรูปองค์กรตำรวจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อองค์กรตำรวจต่อไปในอนาคต

//////

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top