‘บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ’หิ้วพยานปากเอกอ้างเป็นคนโอนเงินเว็บพนันเข้ากระเป๋าตร. แย้มเส้นเงินโยงสส.อีกราย

‘บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ’หิ้วพยานปากเอกอ้างเป็นคนโอนเงินเว็บพนันเข้ากระเป๋าตร. แย้มเส้นเงินโยงสส.อีกราย

วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 15.50 น.

แฉเดือดกลางกมธ.ความมั่นคงฯ ‘บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ’หิ้วพยานปากสำคัญอ้างเป็นคนโอนเงินเข้ากระเป๋าตำรวจ  ขณะที่‘ปปง.’ชี้ชัด‘ชนนพัฒฐ์’เป็นเจ้าของเว็บ‘จิมิ88-จิมิ44’ เผยอายัดทรัพย์แค่ 36 ล้าน ที่เหลือเป็นของพรรคพวก รวม 69 รายการ แย้มเส้นเงินลามโยงสส.อีกรายมากกว่า 1 คดี

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา  มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร  ที่มีนายรังสิมันต์ โรม  รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกมธ. เป็นประธานการประชุมพิจารณาปัญหาสแกมเมอร์  รวมถึงเว็บพนันที่เชื่อมโยงถึงบุคคลทางการเมืองต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ ที่ประชุม กมธ. ได้เชิญนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม   และนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา มาให้ข้อมูล แต่ ทั้ง 2 คน ไม่มา โดยนายรังสิมันต์ ระบุว่า  นายชนนพัฒฐ์ ตอนแรกแจ้งว่า  จะมาชี้แจง แต่สุดท้ายได้แจ้งมาว่าติดภารกิจในพื้นที่ แต่ไม่มีหนังสือแจ้งมา ส่วนนายสมยศ ทำหนังสือแจ้งว่าติดภารกิจไปต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่น่าสนใจก็คือ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมไปถึง  พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มาให้ข้อมูล  โดยได้นำ น.ส.พิมพ์วิไล (สงวนนามสกุล) ในฐานะพยานคนสำคัญที่เคยโอนเงินส่วยเว็บพนันให้แก่บิ๊กตำรวจ เข้ามาให้ข้อมูลด้วย ใช้เวลาประชุมร่วม 5 ชั่วโมง

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์  ได้สอบถาม น.ส.พิมพ์วิไลว่า   เหตุใดถึงโอนเงินไปหลายครั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดสงขลาจำนวนมาก และเป็นเงินค่าอะไร โอนอย่างไร     ทำให้ น.ส.พิมพ์วิไล กล่าวว่า   หลังจากที่ตนโดนจับ ได้ไปสอบถามคนที่ว่าจ้างให้โอนเงินว่า   ทำไมตนถึงได้โดนจับกุม ซึ่งคนที่ว่าจ้างตอบกลับว่า เงินที่โอนให้ตำรวจ  หรือโอนให้ไปในที่ต่างๆ เป็นเงินผิดกฎหมายหรือจากการพนัน

“เป็นเงินที่เป็นส่วยที่ส่งให้กับตำรวจทั้งหมด ซึ่งส่วยดังกล่าว บางรายการก็รู้ บางรายการก็ไม่รู้ว่าเป็นส่วยเกี่ยวกับอะไร แต่ที่รู้คือเป็นส่วยเว็บไซต์การพนันออนไลน์ “น.ส.พิมพ์วิไล ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ในการให้ข้อมูลครั้งนี้ น.ส.พิมพ์วิไล ยังได้อ้างว่า มีการโอนเงินให้กับตำรวจชุด PCT4 ซึ่งจะมาเรียกเก็บจากตนทุกวันที่ 5 และ 10 ของเดือน ผ่าน”รองกาโม่ เรื่องนี้ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.หาดใหญ่ เพราะตนเป็นแค่คนที่โอนและทำบัญชี   เมื่อโอนเงินให้แล้วทำไมต้องมาจับตนด้วย จึงคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยังซักถามเรื่องการโอนเงินให้กับนักการเมืองท้องถิ่นในหาดใหญ่ จ.สงขลา รวมถึงรายชื่อบัญชีม้า และเส้นเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องกับอดีตบิ๊กตำรวจ   รวมทั้งเส้นเงินของสส.รายหนึ่งที่มีการโอนกลับมาที่น.ส.พิมพ์วิไล

โดยพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ได้เรียกร้องให้ กมธ.แจ้งไปยังผู้บัญชาการคณะกรรมการข้าราชการตรวจ (ก.ตร.) ส่งเรื่องที่ชี้มูลไปให้ ป.ป.ช. จะได้นำเรื่องไปประกอบสำนวนการสอบสวน รวมถึงปปง.เพื่อให้ยึดอายัดทรัพย์นายตำรวจทั้งหมดที่รับเงินจากเว็บพนัน  และส่งเรื่องไปยังกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบการเสียภาษีย้อนหลังทั้งหมดของตำรวจที่รับเงินจากเว็บพนัน

ขณะที่นายอัจฉริยะ ได้ให้ข้อมูลคดีชบาที่มีส่วนเกี่ยวพันกับบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเว็บพนันออนไลน์ในภาคใต้   และเหนือตั้งแต่ปี 2563 เพราะบัญชีชบามีเงินหมุนเวียนมากกว่า 1 ล้านบาท  ซึ่งปัจจุบันเว็บพนันที่เกี่ยวข้องกับสส.รายหนึ่งมีทั้งหมด 12 เว็บ มีเงินหมุนเวียน 5,000 ล้านบาท ก็ยังเปิดอยู่ จึงอยากให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปปิดเว็บพวกนี้

ด้านพล.ต.อ. กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ดำเนินการอย่างจริงจังต่อผู้ถูกร้องเรียน กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง เพื่อรักษามาตรฐานจริยธรรมองค์กรตำรวจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ภายใต้กฎหมายตำรวจ

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงตลอดการประชุมว่าตนยังไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง บางคำถามก็ไม่ได้เตรียมข้อมูลมา ตนเตรียมข้อมูลมาแค่ 3 คำถามที่ส่งไปให้แค่นั้น ดังนั้น ขอให้เขียนให้ละเอียดว่าจะถามอะไรบ้าง จะได้มอบหมายให้ผู้ที่รับผิดชอบจริงมาตอบ ซึ่งอีกฝั่งมีข้อมูลเยอะ แต่ฝั่งเราไม่มีข้อมูล ดังนั้น ขอให้เชิญมาอีกรอบ และระบุว่าจะต้องตอบในประเด็นไหนบ้าง

ก่อนจะชี้แจงเส้นเงินที่เกี่ยวกับ น.ส.พิมพ์วิไลว่าได้ดำเนินคดีแล้ว ซึ่งในเส้นเงินนี้ ไม่มีเส้นเงินที่เกี่ยวกับตำรวจ PCT 4 อยู่ในนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกออกหมายจับแล้ว 2 นาย

นอกจากนี้ ยังชี้แจงเส้นเงินที่เกี่ยวกับนายชนนพัฒฐ์ ขณะนี้ คณะตำรวจนครบาลรับผิดชอบไปแล้ว 21 เว็บ ที่มีการปิดไปแล้วและเปิดขึ้นมาใหม่ ทุกวันนี้มีการเสนอปิดกั้นไปที่กระทรวงดีอีฯ แล้วแสนกว่าเว็บ ปิดได้ประมาณ 70%  ซึ่งเว็บแต่ละเว็บขึ้นอยู่กับการจดทะเบียน อาจจะไปจดในประเทศที่ไม่ผิดกฎหมาย พอเมื่อปิดเขาก็สามารถเปิดขึ้นได้ใหม่ แค่เปลี่ยนตัวอักษรนิดหน่อย

ขณะที่ตัวแทน ปปง. กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่ามีเว็บจิมิ 88 และเว็บจิมิ 44 มีการชักชวนให้มีการเล่นการพนันและได้จริง ซึ่งจากคำให้การ นายชนนพัฒฐ์ เป็นเจ้าของเว็บไซต์และได้ผลประโยชน์ มีการกดเงินสดจากเว็บพนันแล้วนำไปมอบให้นายชนนพัฒฐ์ ซึ่งนายชนนพัฒฐ์เป็นผู้ดูแลและจัดการผลประโยชน์ โดยได้ทำธุกรรมทางการเงินร่วมกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนที่ ปปง.เคยอายัดทรัพย์ มูลค่าหลายสิบล้านบาท จึงไม่น่าเชื่อว่าเป็นการทำธุรกรรมในลักษณะของผู้เล่น แต่เป็นผู้รับประโยชน์ ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บ

จากการตรวจสอบพบทรัพย์สินเบื้องต้น รถ 1 รายการ เงินสด 1 รายการ เงินในหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และหน่วยลงทุน 6 รายการ และยังมีที่ดิน ห้องชุด 61 รายการรวมทั้งสิ้น 69 รายการ แบ่งเป็นของนายชนนพัฒฐ์  9 รายการ 36 ล้านบาท และผู้ที่เกี่ยวข้อง 60 รายการ ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีมติให้ยึดอายัดทรัพย์ไว้ 69 รายการ ประมาณ 159 ล้านบาท ซึ่งที่ต้องอายัดทรัพย์เท่านี้ เพราะอาจจะเป็นการถือครองทรัพย์สินแทน     ส่วนทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดไว้ในคดีอาญาไม่ได้ส่งมอบให้ ปปง. ส่วนที่มีสส.รายหนึ่งทำธุรกรรมร่วมกับนายชนนพัฒฐ์นั้น พบว่าได้ทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับบุคคลที่ปปง.อายัดทรัพย์ไว้มากกว่า 1 คดี และอยู่ระหว่างการสืบสวน

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top