มทภ.2ตรวจชายแดนไทย-เขมร สั่งพร้อมรบสูงสุด ยกระดับตอบโต้ภัยคุกคาม

มทภ.2ตรวจชายแดนไทย-เขมร สั่งพร้อมรบสูงสุด ยกระดับตอบโต้ภัยคุกคาม

วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

มทภ.2ตรวจชายแดนไทย-เขมร

สั่งพร้อมรบสูงสุด

 

ยกระดับตอบโต้ภัยคุกคาม

‘บิ๊กกุ้ง’ชี้ป่วนสระแก้วมีนัย

กลบปมทุ่นระเบิด-ตาควาย

 

“โฆษกรัฐบาล”ย้ำทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็น “ทุ่นระเบิดใหม่” สื่อมาเลย์ข้อมูลคลาดเคลื่อน เกิดความผิดพลาดในการแปล และแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว เตือนสื่อมาเลย์ให้ระมัดระวังในการสื่อสาร ทบ.ยกรายงาน AOT ชี้ชัดทหารไทยเหยียบทุ่นใหม่ ด้าน“มทภ.2”ลงพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร ตรวจความพร้อมกำลังพลหน่วย ฉก.2 สั่งยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเฝ้าระวังภัยคุกคามและพร้อมรบสูงสุด ในการปกป้องอธิปไตย ด้าน“แม่ทัพกุ้ง”หนุน“นายกฯ”ระงับปฏิญญาไทย-เขมร-ปล่อย18เชลย ตั้งข้อสังเกตเหตุยิงหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เบี่ยงความสนใจ ปมทุ่นระเบิด-ปราสาทตาควาย


จากกรณีสื่อมาเลเซียนำเสนอข่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศมาเลเซียให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาระบุถึงทุ่นระเบิดที่ตรวจพบในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เป็นทุ่นระเบิดเก่า ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างสองประเทศอย่างหนัก

สื่อมาเลย์เสนอข่าวทุ่นระเบิดผิดพลาด

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีสำนักข่าว Bernama ของมาเลเซีย รายงานคำกล่าวของ ดาโตะ เซอรี อูตามา ฮาจี โมฮามัด บิน ฮาจี ฮาซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย คลาดเคลื่อนจากภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นภาษามลายู โดยระบุว่า ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) รายงานว่าทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบไม่ใช่ของใหม่ ซึ่งไม่ตรงกับคำกล่าวในภาษาต้นฉบับ และไม่ตรงกับหลักฐานความจริง ซึ่งฝ่ายไทยตรวจสอบแล้วว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่โดยฝ่ายกัมพูชา ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา

เหตุแปลผิด-แก้ไขแล้วยันทุ่นใหม่

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สำนักข่าว Bernama ได้ตรวจสอบและยืนยันว่าเกิดความผิดพลาดในการแปลถ้อยแถลงจากภาษามลายูเป็นภาษาอังกฤษจริง และได้แก้ไขถ้อยคำในย่อหน้าที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องแล้ว โดยระบุว่า คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนในประเทศไทยและกัมพูชา รายงานว่า “พบทุ่นระเบิดใหม่” ไม่ใช่ “ไม่พบทุ่นระเบิดใหม่” ดังที่แปลคลาดเคลื่อนก่อนหน้านี้

เตือนสื่อมาเลย์ระวังการสื่อสาร

“ยืนยันว่า ไทยได้ตรวจสอบและพิสูจน์ทราบแล้วว่า ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 บริเวณห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นทุ่นระเบิดที่เกิดจากการลอบวางใหม่จากฝ่ายเขมร โดยจากการพิสูจน์ทราบพบชิ้นส่วนทุ่นระเบิด PMN2 ในหลุมระเบิดและพื้นที่ใกล้เครื่อง และพบอีก 3 ทุ่น บริเวณรอบหลุมระเบิด ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นทางลาดตระเวนเดิมของไทย ซึ่งทหารเขมรเคยรุกล้ำเข้ามาวางกำลัง จึงสรุปได้ว่า ฝ่ายเขมรลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตไทย”โฆษกรัฐบาลระบุ และย้ำว่า ขอความร่วมมือ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขอความระมัดระวังในการเผยแพร่ เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดทำให้ไทยเสียประโยชน์ รัฐบาลไทยต้องต่อสู้ถึงที่สุด

ทบ.ยกรายงานAOTชี้ชัดเหยียบทุ่นใหม่

เช่นเดียวกับ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกออกมาชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบเป็นการนำเสนอข่าวที่ผิดพลาดของสำนักข่าว Bernama จนทำให้สื่อไทยและสื่อกัมพูชา นำมาเสนอข่าวจนเกิด ความผิดพลาด ซึ่งปัจจุบันได้รแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบจากเอกสารรายงานของ AOT ก็พบว่า มีการระบุว่าเป็น ทุ่นระเบิดที่วางใหม่ จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าเหตุการณ์ผิดพลาดดังกล่าวเป็นเรื่องของการนำเสนอข่าวที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน

ซัดเขมรการละครยืมปากปั่นข่าว

นายวันวิชิต บุญโปร่ง ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กระบุ ตนได้รับการยืนยันจากรมช.กลาโหม พลโทอดุล บุญธรรมเจริญ เรื่องที่รมต.ต่างประเทศมาเลเซีย ออกข่าวว่าระเบิดที่พบในห้วยตามาเรีย ฝั่งไทยเป็น ระเบิดเก่านั้น คำตอบคือ ข่าวปลอม ฝั่งมาเลเซียไม่เคยยืนยัน จบข่าวอย่าเชื่อเขมรมาก พวกเราต้องหนักแน่น ช่วยกันจัดข่าวปลอมที่มาบั่นทอนจิตใจคนไทย

“ป.ล. เขมรการละคร ปั่นเอง เกมส์ยืมปาก (ปลอม) คนอื่นมาพูดอาจมีอีกครับ”

สื่อมาเลย์แก้ข่าวแล้วเป็นทุ่นใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน ได้มีการแก้รายงานข่าวดังกล่าว โดยระบุเกิดการรายงานข่าวผิดพลาดของสื่อมาเลเซีย เป็นการผิดพลาดระหว่างสื่อภาษามาเลเซียกับสื่อภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ สื่อภาษามาเลเซีย ระบุรมว.ต่างประเทศมาเลเซียแจงว่า ทุ่นระเบิดเป็นทุ่นใหม่ ขณะที่สื่อภาษาอังกฤษ เขียนว่า ไม่น่าจะเป็นทุ่นใหม่ แต่สื่อกัมพูชา และสื่อไทยได้นำไปรายงานต่อแล้ว อย่างไรก็ตาม สื่อมาเลเซียที่รายงานข่าวผิดพลาดคือ Bernama แก้ไขข่าวดังกล่าวแล้วว่าเป็นทุ่นใหม่

มทภ.2สั่งยกระดับมาตรการ-พร้อมรบสูงสุด

ด้านความเคลื่อนไหวสถานการณ์ชายแดนไทยเขมร พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2(มทภ.2) / ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของกำลังพล หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 (ฉก.2) กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อประเมินสถานการณ์ความมั่นคงและเตรียมความพร้อมในพื้นที่ที่ยังมีความอ่อนไหวและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด โดยเน้นย้ำให้กำลังพลทุกหน่วย ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งการลาดตระเวน การเฝ้าตรวจ การวิเคราะห์ข่าวกรองทางทหาร และการเตรียมความพร้อม ในการปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังภัยคุกคามทุกมิติ พร้อมทั้งให้หน่วยดำรงสภาพความพร้อมรบขั้นสูงสุด เพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ ยังกำชับให้หน่วยทุกระดับปฏิบัติด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนเป็นสำคัญ ยืนยันจะดูแลผืนแผ่นดินไทย ไม่เสียแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว

“กองทัพภาคที่ 2 จะดำรงความพร้อมรบสูงสุด ในการปกป้องอธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างมั่นคงยั่งยืน”มทภ.2กล่าว

‘บิ๊กกุ้ง’เห็นด้วยระงับปฏิญญาไทยเขมร

พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบกและอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ซึ่งล่าสุดดูเหมือนกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บและขาขาด 1 นายว่า เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์และชี้แจงไปแล้ว ส่วนบุคคลที่เราควบคุมตัวไว้ 18 นาย และยังไม่ได้ปล่อยตัว ก็เป็นการตอบโต้ขั้นต้นโดยชัดเจนอยู่แล้วจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านกำชับฝ่ายความมั่นคงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องไปแล้ว โดยฝ่ายความมั่นคงและเหล่าทัพ ก็คงเตรียมการส่วนนี้ตามสมควร

ส่วนเห็นด้วยกับการระงับปฏิญญา 4 ข้อ ที่เซ็นร่วมกันที่มาเลเซียหรือไม่ พลโทบุญสินมองว่า น่าจะเหมาะสม เพราะเราสูญเสียกำลังพล ต้องแสดงออกถึงความไม่พอใจในส่วนที่เราโดนกระทำ ต้องตอบโต้อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่แล้ว นอกจากการประท้วงด้วยเอกสาร

มองเป็นเกมเขมรยิงที่หนองจานมีนัย

ขณะเดียวกันหากมีทหารขาขาดเพิ่มเป็นรายที่ 8 ในทางปฏิบัติสามารถยิงไปที่ฐานที่รับผิดชอบได้เลยหรือไม่ พลโท บุญสินกล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องการตอบโต้ แม่ทัพและผู้บัญชาการทหารบกให้แนวทางไปแล้ว ส่วนได้ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ไว้อย่างไรบ้าง พลโทบุญสินกล่าวว่า ดูจากนโยบายของนายกฯน่าจะไม่พอใจการที่กัมพูชาวางทุ่นระเบิดตรงนั้น น่าจะตึงเครียดพอสมควร ต้องรอว่าจะคลี่คลายหรือไม่อย่างไร ที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ยังมีการอ้างว่าทหารไทยเป็นฝ่ายยิงพลเรือน ซึ่งอาจเป็นเกมอย่างหนึ่ง อาจสร้างสถานการณ์เพื่อระงับตรงนี้ก็ได้

ขณะที่ส่วนตัวคิดว่าหลังจากนี้จะมีการยั่วยุอีกหรือไม่ พลโทบุญสินมองว่ามีนัยพอสมควร จะมีการยั่วยุอีกหรือไม่ต้องรอดู ต้องดูเจตนารมย์ของผู้นำกัมพูชาว่าวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการคืออะไร เช่น เหตุการณ์ที่บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว น่าจะมีนัยพอสมควร

หนุนระงับปฏิญญา-งดปล่อยเชลย

ส่วนเหตุการณ์ที่สระแก้วจะลุกลามไปถึงเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เลยหรือไม่ พลโทบุญสินกล่าวว่า เป็นนโยบายของประเทศเดียวกัน ในความคิดของตน น่าจะมีส่วนเชื่อมโยงสถานการณ์ซึ่งกันและกัน หลายคนอาจมองพื้นที่ปราสาทตาควาย ซึ่งอาจมีส่วนหนึ่งที่อาจดึงความสนใจ สังเกตดีๆมีนัยหมด ฉะนั้นการที่รัฐบาลออกมาตอบโต้ ทั้งเรื่องการงดปล่อยตัวเชลยศึก และการประณาม ตนคิดว่าถูกต้องแล้ว

สำหรับกรณีที่ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พยายามรื้อฟื้นขอให้มีการเจรจา มองว่าไทยควรจะมีท่าทีอย่างไรนั้น พลโท บุญสิน กล่าวว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันรัฐบาลเราก็ต้องเข้มแข็งด้วย ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลไทยเข้มแข็ง เราเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า บางอย่างก็นำมาซึ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติด้วยเหมือนกัน ส่วนการที่เรายังไม่ปล่อยตัวเชลยศึกจะเป็นประเด็น เป็นการแสดงออกซึ่งความไม่พอใจของรัฐบาลเราว่าการกระทำแบบนี้ พี่น้องเราเสียขา ซึ่งก็สมเหตุสมผล มันอาจกระทบการเจรจาในลำดับต่อไป แต่ก็มีหนทางที่จะคลี่คลายกัน ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ และความต้องการของผู้นำกับกัมพูชาด้วย เราพร้อมอยู่แล้ว ที่จะเจรจาเพื่อสันติ ต้องดูสถานการณ์ตามช่วงเวลาอีกครั้ง

‘อันวาร์’ยกหูคุย’อนุทิน-ฮุนมาเนต’ปมชายแดน

วันเดียวกัน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Anwar Ibrahim ระบุ ได้คุยโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกุล ของไทย เพื่อหารือถึงทิศทางการพัฒนาในความพยายามสร้างสันติภาพ หลังเหตุการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศช่วงที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงพัฒนาการล่าสุดในความพยายามเพื่อสันติภาพ หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ตามแนวชายแดนร่วมกันของทั้งสองประเทศ ซึ่งผู้นำทั้งสองท่านให้การตอบรับเชิงบวก และยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นที่จะหาทางแก้ปัญหาอย่างสันติ ก็เป็นไปตามความเข้าใจที่ได้ตกลงกันภายใต้ปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top