วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
คำสั่งเด็ดขาด!‘อัยการสูงสุด’สั่งยื่นอุทธรณ์คดี‘ทักษิณ’หมิ่นเบื้องสูง
17 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการพิจารณายื่นอุทธรณ์คดี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี. จำเลยคดีดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ศาลอาญาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง กรณีที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ กับสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน และเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ที่เดิมมีการยื่นขยายระยะเวลาต่อศาลอาญาครั้งที่ 2 จนถึงวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้นั้น
ล่าสุดมีรายงานว่าเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด(อสส.)ได้มีความความเห็น ว่าการกระทำนายทักษิณเป็นความผิดตามฟ้องเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาต่อไป ซึ่งขั้นตอนต่อไปคำสั่งยื่นอุทธรณ์ของอัยการสูงสุด ซึ่งถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด จะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เจ้าของสำนวนเพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
ทั้งนี้เดิมทีการพิจารณาอุทธรณ์สำนวนคดีนี้ เมื่อช่วงเดือน กันยายนที่ผ่านมา นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด คนก่อน มีคำสั่งให้นำเรื่องการจะยื่นอุทธรณ์นี้เข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการพิจารณาคดี ตามมาตรา112 ของอัยการ ซึ่งขณะนั้นมีนายอิทธิพร อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ซึ่งขณะนั้นเป็นรองอัยการสูงสุดเป็นประธานคณะกรรมการ พิจารณา
ครั้งนั้นคณะกรรมการดังกล่าวได้ประชุมพิจารณา และมีมติ 8-2 เห็นควรไม่อุทธรณ์ และส่งให้นายไพรัช อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว แต่จนพ้นวาระตำแหน่งอัยการสูงสุด นายไพรัช ก็ไม่มีความเห็นว่าจะอุทธรณ์คดีนี้หรือไม่ จนนายอิทธิพร เข้ามารับตำแหน่งอัยการสูงสุดอำนาจการพิจารณายื่นอุทธรณ์คดีจึงเป็นหน้าที่ของนายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน สมัยนั่งประธานคณะกรรมการพิจารณาคดี มาตรา112 นายอิทธิพร ที่นั่งเป็นประธานคณะกรรมการก็ไม่ได้ลงมติในครั้งนั้น เนื่องจากเป็นมารยาทในฐานะประธานกรรมการ คำสั่งอุทธรณ์ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่การกลับความเห็นของนายอิทธิพรแต่อย่างใด
สำหรับคณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 คือคณะกรรมการที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทั่วราชอาณาจักร ประกอบไปด้วย รอง อสส.ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาเป็นเลขานุการ โดยตำแหน่ง ส่วนคณะกรรมการ จะมาจากอัยการที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ,อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี และอธิบดีอัยการสำนักงานอาญาอื่นๆ เพราะถือว่าเป็นสำนักงานที่ต้องรับคดีประเภทนี้โดยตรง
นอกจากนี้ยังมีอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนด้วย เนื่องจากบางคดีมีสำนวนที่เป็นคดีนอกราชอาณาจักร รวมถึงผู้ตรวจการอัยการบางคน และมีระดับรองอธิบดีอัยการบางสำนักงาน รวมกันกว่า 10 คน (จำนวนไม่แน่นอน) ขึ้นอยู่กับอัยการสูงสุดในขณะนั้นจะตั้งใครขึ้น เป็นกรรมการทำหน้าที่พิจารณาสำนวนคดี มาตรา112 จากทั่วประเทศ เรียกว่าคดี มาตรา112 จะสั่งฟ้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดนี้
แต่สำหรับคดีนี้ ซึ่งตามขั้นตอนคดีมาตรา 112 ของนายทักษิณเป็นคดีนอกราชอาณาจักรอำนาจพิจารณายื่นอุทธรณ์เป็นของอัยการสูงสุด การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคดี มาตรา112 จึงเป็นการกลั่นกรองความเห็นให้อัยการสูงสุดไม่ใช่การสั่งคดีเหมือนในชั้นพิจารณาคดี มาตรา112 ทั่วไป
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดีนี้ เนื่องจากศาลให้เหตุผลว่า ผู้ที่ได้รับฟังคลิปวิดีโอ ล้วนเข้าใจตรงกันว่าจำเลยให้สัมภาษณ์โจมตีการยึดอำนาจ และรัฐประหาร โดยพาดพิงถึงนายสุเทพ กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และองคมนตรีเท่านั้น ไม่ได้พาดพิงหรือสื่อความหมายถึงสถาบันว่าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร การสืบพยานหลักฐานโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาว่าจำเลยกระทำความผิด จึงรับฟังไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี