รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ กรณีระเบิดเขมรตกใส่ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์

รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ กรณีระเบิดเขมรตกใส่ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์

วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 20.10 น.

รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ กรณีผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดที่มาจากฝั่งกัมพูชา

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน ในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ออกมาระบุว่า “ยังไร้เยียวยาจากรัฐบาล” หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นเหตุความไม่สงบจากกองกำลังนอกประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 14 ราย และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและกิจการโดยรอบนั้น


โฆษกฯ ระบุว่า แม้ปั๊มน้ำมันดังกล่าวจะยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐตามขั้นตอนทางราชการ แต่รัฐบาลมิได้ทอดทิ้ง และได้เร่งประสานงานทุกภาคส่วนเพื่อเข้าให้การช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกหลังเกิดเหตุ ทั้งด้านการซ่อมแซม ฟื้นฟูกิจการ รวมถึงการลดภาระทางการเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้โดยเร็วที่สุด

หน่วยงานในระดับจังหวัดร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมประสานบริษัทประกันภัย ธนาคาร และภาคเอกชน ให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ

ทั้งนี้ ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาบ้านผือ จังหวัดศรีสะเกษ บริษัท ทิพยประกันภัย ได้มอบเงินช่วยเหลือเร่งด่วนจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อใช้ในการซ่อมแซม ขณะที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เข้าดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุงสถานีบริการในวงเงินกว่า 3,000,000 บาท จนสามารถเปิดให้บริการได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา

ด้านร้านสะดวกซื้อในบริเวณดังกล่าว บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท กรุงเทพประกันภัย ได้ดำเนินการซ่อมแซมร้านใหม่ พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์และสินค้า รวมมูลค่า 3,500,000 บาท และเปิดให้บริการได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568

นอกจากนี้ จังหวัดยังได้ประสานธนาคารกรุงไทยเพื่อพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ รวมถึงประสานกรมสรรพากรเพื่อขอยกเว้นภาษีเงินได้ เพื่อบรรเทาภาระของผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้

สำหรับเงินชดเชยจากภาครัฐนั้น ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการ เริ่มจากการประเมินความเสียหายทั้งหมด ซึ่งมีการลงพื้นที่และดำเนินการแล้ว ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการความช่วยเหลือเป็นตัวเงินจากภาครัฐของทางราชการ จะครอบคลุมเฉพาะประชาชน เป็นหลัก ส่วนความเสียหายในลักษณะเป็นสถานที่หรือทรัพย์สินของพื้นที่ยังไม่อยู่ในขอบเขตที่สามารถจัดสรรเงินชดเชยได้

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 จังหวัดศรีสะเกษได้มีหนังสือขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสนับสนุนเงินช่วยเหลือกรณีสถานีบริการน้ำมัน ที่ได้รับความเสียหาย ถึงสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยมีการประเมินค่าเสียหายอย่างครอบคลุมตั้งแต่ความเสียหายของอาคารสิ่งก่อสร้างของสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อ ตลอดจนค่าขาดรายได้ (รายได้ที่สูญเสียจากการประกอบกิจการ : รายได้ของปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และรายได้ที่สูญเสียจากค่าเช่าร้าน) มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพิจารณาตามความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งผลการพิจารณายังไม่เสร็จสิ้น

"จะเห็นได้ว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ประสานให้ทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือแล้ว ส่วนเงินช่วยเหลือจากภาครัฐนั้น ผลการพิจารณายังอยู่ระหว่างดำเนินการตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลยังคงติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิด และทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผู้ได้รับผลกระทบ และประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มความสามารถ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" นายสิริพงศ์ กล่าว

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top