วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า 12 ธ.ค.ยุบสภา ใครได้ใครเสีย
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2568 ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ร่วมงานสัมมนา “PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ” โดยนายอนุทิน กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Change for the Future” มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า “ตนก็บอกแล้วว่าวันที่ 31 ม.ค.69 ยุบสภา แต่ท่านรอถึงวันที่ 31 ม.ค.69 ไม่ไหวก็ไม่มีปัญหา ท่านจะให้ยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค.68 วันเปิดสภา ตนก็พร้อมยุบ”
นั่นแสดงว่า นายอนุทินกำลังท้าทายพรรคฝ่ายค้าน ที่ประกาศมาโดยตลอดว่า จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทินแน่นอน ตามมาตรา 151 แม้ว่านายอนุทินจะต่อรองว่า ถ้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 จะไม่ยุบสภาหนี พร้อมที่จะชี้แจง แต่เมื่อพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยยืนยันกลับมาว่า จะญัตติไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 แน่ จึงทำให้นายอนุทินประกาศจะยุบสภาทันทีในวันที่เปิดสมัยประชุม คือวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เพียงแต่ขอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 จริงๆ
ถ้าถามว่าทำไมนายอนุทินกล้าท้าทาย และกล้าประกาศยุบสภาชัดเจนว่า วันที่ 12 ธันวาคม 2568 เป็นวันยุบสภา ถ้าดูบริบททางการเมืองแล้ว จะเห็นว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เสียเปรียบทางการเมืองใดทั้งสิ้น ระหว่างที่เป็นรัฐบาลเดือนกว่าๆ พรรคภูมิใจไทยได้ทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครบทั้ง3ข้อแล้วคือ
1.ดูดส.ส.เข้าเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ครบหมด เพียงพอได้พร้อมสำหรับเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีทั้งอดีตส.ส. มีส.ส.ปัจจุบัน มีบ้านใหญ่เข้าสังกัดกันอย่างครบครัน
2.มีการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงต่างๆเสร็จเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโยกย้ายระดับผู้ว่าราชการจังหวัดล็อตแรก 45 ตำแหน่ง ล็อตที่สอง 18 ตำแหน่ง ถือว่ามีความพร้อมสำหรับการเตรียมการเลือกตั้ง
3.ได้ใช้นโยบายประชานิยมคนละครึ่งพลัส เฟสแรกผ่านพ้นไปแล้ว ได้รับเสียงตอบรับพอสมควร และประกาศที่จะเปิดเฟส2ต่อไปในเดือนธันวาคมนี้ เมื่อพรรคภูมิใจไทยหรือรัฐบาลของนายอนุทินทำภารกิจ3ข้อนี้เสร็จ จะยุบสภาเข้าสู่การเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยไม่เสียเปรียบเลย
ส่วนพรรคที่เสียเปรียบมากที่สุด น่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งน้อยมาก วันนี้ส.ส.เก่ามีเลือดไหลออกจากพรรคไม่ขาดสาย ยังไม่สามารถที่จะหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคได้ครบทั้ง3คน ยังไม่มีการตกผลึกทางความคิดเกี่ยวกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย คือนายทักษิณ ชินวัตร ยังอยู่ในเรือนจำ และเพิ่งได้รับผลกระทบจากคดีความ2คดี คือการที่อัยการสูงสุดอุทธรณ์คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และศาลฎีกามีคำ พิพากษาให้ชำระภาษี 17,600 ล้านบาทกระทบกับพรรคเพื่อไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสียเปรียบก็ตรงที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพิ่งกลับเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ยังเตรียมพร้อมทางด้านตัวผู้สมัคร นโยบาย และกลุ่มผู้สนับสนุนอย่างเพียงพอ มีเวลาค่อนข้างจำกัด ทำให้เกิดสภาพฉุกละหุกกับพรรคประชาธิปัตย์จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียเปรียบ
แต่ว่าสำหรับพรรคการเมืองที่ได้เปรียบ และมีความพร้อมไม่ได้มีแค่พรรคภูมิใจไทยเท่านั้น พรรคประชาชน ก็มีความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งมาก่อนพรรคการเมืองใด และยิ่งจะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว พรรคประชาชนก็มีความพร้อมเช่นกัน เพียงแต่พรรคประชาชนติดเงื่อนไขต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จด้วย แต่สำหรับ ความพร้อมในการเลือกตั้งเกี่ยวกับบุคลากรผู้สมัคร กระแสนิยม พรรคประชาชนมีความพร้อมมากกว่าพรรคการเมืองใดๆ
สำหรับอีกพรรคหนึ่ง คือพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ถือว่าเป็นพรรคที่มีความพร้อม และมีเตรียมการมาดี มีการสะสมกำลังในทุกด้าน เพื่อที่จะเป็นพรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัครแล้วประสบความสำเร็จในสนามเลือกตั้งได้มากที่สุด ใช้โมเดลการเลือกตั้งซ่อมเขต8 นครศรีธรรมราช จึงทำให้นักเลือกตั้งที่พลาดหวังจากพรรคการเมืองอื่นที่อยากจะลงสมัคร เดินพาเหรดเข้าหาพรรคกล้าธรรม จึงเป็นโอกาสของพรรคกล้าธรรม พรรคการเมืองใหม่ แต่ความพร้อมไม่ได้ด้อยไปกว่าพรรคการเมืองใด
เพราะฉะนั้นการจะยุบสภาในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นไปตามที่ผมได้วิเคราะห์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไม่ครบ4เดือนแน่นอน และมีโอกาสสูงมากที่จะยุบสภาในวันเปิดสมัยประชุม ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พรรคการเมืองที่มีความพร้อมและได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น มีอยู่3พรรค คือพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคกล้าธรรม ส่วนพรรคที่ความพร้อมน้อย หรือความพร้อมไม่เต็ม 100% คือพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี