วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘พีระพันธุ์’ เปิดวิสัยทัศน์ ชู ‘การบริหารยุทธศาสตร์แบบองค์รวม’ สร้างอนาคตชาติ ชี้ไทยขาดการวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ภาคการเกษตร การพัฒนาคน ไปจนถึงปัญหาสแกมเมอร์ แนะรวมพลังความคิดแก้วิกฤตประเทศ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ "การบริหารยุทธศาสตร์แบบองค์รวม" แก่ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 30 (บ.ส.30) ณ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 โดยเน้นย้ำว่า ยุทธศาสตร์คือการวางแผนระยะยาวที่มองไปยังอนาคต เพื่อคาดการณ์ปัญหาและการจัดการที่ต้องบริหารจัดการแบบองค์รวมให้ครบถ้วน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่กับชีวิตทุกคนอยู่แล้ว เช่น การวางแผนการเงินในครอบครัว
นายพีระพันธุ์ ได้ยกบทเรียนที่ได้รับจากการศึกษาต่อต่างประเทศที่เน้นให้รู้จัก “คิด” ไม่ใช่การท่องจำตัวบทกฎหมาย เพราะหน้าที่ของนักกฎหมายไม่ใช่การบอกว่าใครถูกใครผิด แต่คือการวิเคราะห์การกระทำและต้องคิดให้เป็นระบบรอบคอบในทุกมุมมอง โดยเฉพาะในมุมมองของคู่ต่อสู้
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ยังนำเสนอตัวอย่างของความล้มเหลวที่เกิดจากการขาด "ยุทธศาสตร์แบบองค์รวม" โดยเฉพาะปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ได้แก่ ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และสแกมเมอร์ ซึ่งยังการขาดกฎหมายเฉพาะมารองรับ ทำให้การลงโทษต้องใช้การเทียบเคียงความผิดฐาน "ฉ้อโกง" ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เป็นหลัก และอาจลดโทษเหลือเพียง 6 เดือนถึง 1 ปี หากรับสารภาพ ซึ่งถือว่าน่ากลัวน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ที่ได้มา อีกทั้งยังมีปัญหาในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ใดโกงใคร ที่สำคัญคือ กฎหมายปัจจุบันไม่มีความผิดฐาน "ตระเตรียม" ที่จะฉ้อโกงในลักษณะสแกมเมอร์ ถึงแม้จะจับแก๊งที่ครอบครองโทรศัพท์ 200-400 เครื่องมาได้ โดยนายพีระพันธุ์เสนอมุมมองทางยุทธศาสตร์ว่า ควรให้ผู้ถูกจับพร้อมหลักฐานต้องพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่ให้ภาครัฐไปพิสูจน์ทั้งหมด เช่นเดียวกับในอดีตที่การปลอมบัตรเครดิตก็ไม่เป็นความผิดจนกว่าจะปลอมเสร็จ ทำให้ไม่สามารถจับกุมผู้ที่มีบัตรพลาสติกเปล่าเพื่อรอทำบัตรปลอมได้
นายพีระพันธุ์ยังยกตัวอย่างเรื่องการพัฒนานวัตกรรมโดรน ซึ่งประเทศไทยมีบริษัทที่ผลิตโดรนที่มีคนนั่งและสามารถบินได้แล้วหลายแห่ง แต่กลับไม่สามารถนำขึ้นบินได้ เพราะหน่วยงานควบคุมการบินไม่อนุญาตให้บิน เนื่องจากยังไม่ได้มีการแก้กฎหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขาดการบริหารจัดการอย่างเป็นองค์รวมของฝ่ายบริหารและฝ่ายประจำ ทำให้ความเก่งของคนไทยไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้
ด้านภาคการเกษตร ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมแต่กลับไม่มีปุ๋ย ต้องนำเข้าทั้งหมด ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียที่เป็นทะเลทราย กลับเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกปุ๋ยในราคาถูกกว่าไทย สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ทำงานร่วมกันอย่างมีแผนยุทธศาสตร์ที่จะนำแร่โปแตชคุณภาพสูงระดับโลกขึ้นมาผลิตปุ๋ย
.jpg)
ในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทยขาดการวางแผนระยะยาวในการพัฒนาคน เห็นได้จากตัวอย่างที่บริษัทอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ขาดแคลนแรงงานด้านการพ่นสีรถยนต์ จนต้องขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยฝึกนักโทษให้ ในขณะที่เด็กไทยวันนี้ยังถูกจำกัดอยู่ในหลักสูตรสามัญและอาชีวะแบบเดิม ๆ โดยหลักสูตรการศึกษาของประเทศไม่ได้สอดคล้องกับความต้องการในยุทธศาสตร์ชาติ เช่น การมุ่งเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน ที่ต้องมีการออกกฎหมายรองรับ แต่กระทรวงศึกษาธิการกลับไม่มีหลักสูตรที่เน้นด้านนี้ ขณะที่จีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศด้านเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด เพราะพวกเขามียุทธศาสตร์ด้านการศึกษาที่เตรียมคนให้มีคุณภาพเพื่อรองรับการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของการใช้ยุทธศาสตร์แบบองค์รวมของสถาบันศาลยุติธรรม ได้แก่ การแยกสถาบันศาลออกมาเป็นองค์กรอิสระจากกระทรวงยุติธรรมซึ่งเคยถูกเรียกว่า "กระทรวงศาล" โดยการแยกตัวนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่คิดไว้ตั้งแต่ประมาณปี 2533-2534 และประสบความสำเร็จเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2540 เปิดโอกาสศาลเป็นองค์กรที่สามารถดำเนินงานได้ด้วยตนเอง รวมถึงการพัฒนาระบบการฟ้องออนไลน์ ซึ่งศาลยุติธรรมได้ปรับตัวและมีวิสัยทัศน์ในการมองไปข้างหน้า โดยมีการพัฒนาระบบให้ประชาชนสามารถฟ้องคดีการโกงสินค้าออนไลน์ได้เองทางออนไลน์ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือและการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการเงิน หากไม่มีการบริหารจัดการแบบองค์รวมเช่นนี้ ประชาชนก็จะต้องฟ้องแบบเดิมและเกิดความล่าช้า
ในตอนท้าย นายพีระพันธุ์ย้ำว่า ยุทธศาสตร์ชาติจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจาก "วิสัยทัศน์" ซึ่งเกิดจาก "ความคิด" ไม่ใช่พรสวรรค์ และการบริหารจัดการยุทธศาสตร์ให้สำเร็จ ต้องอาศัยการร่วมมือและประสานงานกันเป็นทีมของทุกหน่วยงาน และหวังว่าสิ่งที่ตนได้นำเสนอจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการอบรมในการนำความรู้ไปช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี