วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
"เพื่อไทย"ติงวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่-ภาคใต้ ระบบแจ้งเตือน-เครื่องมือไม่พร้อม ช่วย ปชช.ไม่ทั่วถึง ห่วงลามระบบสาธารณสุข แนะถอดบทเรียนทำแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ ป้องภัยพิบัติ
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ขอแสดงความเสียใจกับชาวหาดใหญ่และชาวใต้ที่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยครั้งนี้ ซึ่งถือว่าใหญ่สุด ด้วยภาพที่เกิดขึ้นสิ่งที่เราเห็น ข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นอุทกภัยที่หลายฝ่ายอาจคาดไม่ถึง ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ในเรื่องการรับมือในการแก้ปัญหา เราต้องยอมรับ ในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งและเคยดูแลน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.น่าน ต้องยอมรับตรงๆ ว่าไม่สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง อาจเป็นเพราะการคาดการณ์สถานการณ์ ปริมาณน้ำมหาศาล การเตรียมพร้อม การแจ้งเตือนการเตือนภัย เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ไม่มีความพร้อม จึงทำให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากดูจากภาพของอาสาสมัครที่เข้าไป แม้แต่ตัวเองก็ยังจะเอาตัวเองไม่รอด และต้องยอมรับว่าประชาชนได้รับผลกระทบจริงๆ จะไปโทษใครไม่ได้ ไม่อยากจะโทษ แต่สิ่งที่ต้องโทษคือเชิงระบบทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่ต้องรู้คืออุทกภัยต้องเกิด และการเกิดอุทกภัยในยุคนี้ไม่เหมือนกับยุคก่อนที่ผ่านมา ฝนที่ตกเป็นลักษณะเรนบอมตกเฉพาะที่เฉพาะจุด เช่นเดียวกับที่เกิดในภาคเหนือ ฉะนั้น เรื่องการเตรียมการณ์ การเตรียมความพร้อม และการแก้ไขสถานการณ์ขณะที่มีเหตุการณ์ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ทีมงานต่างๆ เครือข่ายทั้งหมดพร้อมมากน้อยขนาดไหนการระดมคน ความเชื่อเหลือได้มากน้อยแค่ไหน อย่างที่ จ.น่าน ตนต้องขอบคุณหลายฝ่าย เช่น อบจ.ที่ส่งทีมเข้าไปช่วยตั้งแต่เกิดภัยพิบัติจนหลังจบภัยพิบัติ ซึ่งตนอยากเห็นความร่วมมือแบบนี้
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ดังนั้น ข้อเสนอ ข้อแนะนำจากทุกฝ่ายรัฐบาลควรรับ อย่างข้อเสนอของ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ควรจะรับไป หากคิดว่าเป็นข้อเสนอที่ชัดเจน อย่าคิดว่าเป็นฝ่ายการเมือง เป็นฝ่ายค้าน ขอให้เอาประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้งก่อน
เมื่อถามว่า ระบบสาธารณสุขโรงพยาบาลก็น่าเป็นห่วง หลังจากนี้ต้องมีการถอดบทเรียนเพื่อทำแผนในอนาคตอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนเป็นห่วงมากเรื่องโรงพยาบาลและสถานพยาบาล ถ้าเราไม่มีการเตรียมความพร้อม สิ่งที่จะกระทบที่สุดคือการดูแลความเจ็บป่วย การเคลื่อนย้ายการวางศูนย์อพยพดูแล หากไม่มีแผนตรงนี้ จะเหนื่อยมากและเป็นอันตรายอาจจะก่อวิกฤติได้ เรื่องการดูแลผู้ป่วยในภาวะวิกฤตต่างๆ เรื่องน้ำเรื่องไฟต้องพร้อมมาก ในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเราได้วางเครือข่ายรับมือกรณีที่มีการตัดน้ำตัดไฟต้องมีเครื่องปั่นไฟ ต้องมีระบบน้ำที่คอยดูแลผู้ป่วยของตนเอง เราต้องมีแผนชัดและถอดบทเรียนเพื่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด ต้องทำเป็นแผนและยุทธศาสตร์ระดับชาติในการป้องกันภัยพิบัติ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี