วันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วันที่ 1 ธันวาคม 2568 พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 1 โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #เรือหลวงจักรีนฤเบศรไม่คุ้มค่าจริงหรือ
เรือหลวงจักรีนฤเบศร : เหตุผลด้านยุทธศาสตร์และความคุ้มค่าในมิติความมั่นคง–มนุษยธรรมของกองทัพเรือไทย
เรือหลวงจักรีนฤเบศร (HTMS Chakri Naruebet) มักถูกวิพากษ์หรือเข้าใจผิดว่าเป็น “เรือส่วนเกิน” หรือ “ไม่คุ้มค่า” แต่หากย้อนกลับไปดูแล้วพิจารณาแนวคิดการจัดหา ความจำเป็นด้านยุทธศาสตร์ และบทบาทที่ประเทศไทยได้รับจากเรือลำนี้จริง ๆ จะพบว่า เรือหลวงจักรีนฤเบศรเป็นหนึ่งในยุทโธปกรณ์ที่ “ตอบโจทย์ประเทศเกินมูลค่าราคา” เมื่อเทียบกับสิ่งที่ไทยได้รับในช่วงกว่า 25 ปีที่ผ่านมา
1. แนวคิดการจัดหา: ไทยต้องการศูนย์บัญชาการลอยน้ำที่มีอาวุธครอบคลุมหมายรวมถึง บ.เพื่อสกัดกั้นและคุ้มกันกองเรือ ในการป้องกันประเทศทางทะเล ไม่ใช่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีเหมือนมหาอำนาจ
หลายคนเข้าใจผิดว่าเรือหลวงจักรีฯ ถูกซื้อเพื่อเป็น “เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีแบบมหาอำนาจ” แต่ความจริงคือ…
**วัตถุประสงค์หลักในการจัดหา (ปี 2533–2535)
1. เป็นเรือบัญชาการ (Command & Control Ship)
• ไทยต้องการศูนย์สั่งการกลางกลางทะเล เพื่ออำนวยการยุทธการขนาดใหญ่ในอ่าวไทย—ซึ่งมีความสำคัญด้านเศรษฐกิจอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค
• เรือหลวงจักรีฯ ถูกออกแบบให้เป็น “สมองใหญ่ของกองเรือไทย” มากกว่าเป็นเรือรบโจมตี
2. ยกระดับขีดความสามารถป้องกันภัยทางทะเลและการกู้ภัยทางไกล
• ไทยต้องมีเรือที่สามารถรับ–ส่ง ฮ.ปราบเรือดำน้ำ (ASW), ฮ. ค้นหา–กู้ภัย (SAR) และอากาศยานขึ้นลงดิ่ง เพื่อเฝ้าระวังภัยคุกคามจากทะเล
3. สนับสนุนงานช่วยเหลือประชาชน
• ไทยประสบ “ไซโคลน–สึนามิ–น้ำท่วมใหญ่” บ่อยครั้ง
• ต้องมีเรือที่เป็น โรงพยาบาลเคลื่อนที่ + ศูนย์อพยพ + ศูนย์สื่อสาร พร้อมรองรับคนจำนวนมาก
ดังนั้น “ภารกิจตั้งต้น” ของเรือหลวงจักรีฯ คือ บัญชาการ–กู้ภัย–ป้องกันทางทะเล ไม่ใช่ “รบเชิงรุกด้วยฝูงบินโจมตี”
2. ความคุ้มค่าด้านยุทธการ: ได้เรือบรรทุก ฮ. ได้เรือบัญชาการ ได้เรือกู้ภัย ในราคาเพียงเศษเสี้ยวของต่างประเทศ
***ต้นทุนของเรือหลวงจักรีนฤเบศร
• ราคาจัดหาเพียง 7,400 ล้านบาท (รวมค่าอากาศยานในชุดแรก)
• ถูกกว่าเรือประเภทเดียวกันในระดับโลกหลายเท่า
**ทำไมจึงคุ้มค่า?
(1) ไทยได้เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์เต็มรูปแบบ
•
• รองรับ ฮ.ลำเลียง ฮ.กู้ภัย ฮ.ปราบเรือดำน้ำ
• มีลานบินขนาดใหญ่ รองรับ ปฏิบัติการต่อเนื่องในทะเล 24 ชม.
(2) ระบบบัญชาการกลางทันสมัย
• ทำหน้าที่ควบคุมกำลังรบของกองเรือทั้งหมด
• เป็นศูนย์สื่อสารทางทะเลขนาดใหญ่ สามารถเชื่อมโยงกับกองทัพพันธมิตร
(3) เพิ่มขีดความสามารถด้านปราบเรือดำน้ำ (ASW)
• อ่าวไทยมีความเสี่ยงต่อการรุกล้ำโดยเรือดำน้ำชาติอื่น
• การมีเรือที่สามารถใช้ ฮ.ASW เป็นข้อได้เปรียบสำคัญอย่างมาก
แม้ไทยไม่ได้จัดหาเครื่องบิน VTOL เพิ่มภายหลัง แต่บทบาทหลักของเรือหลวงจักรีฯ ยังคงอยู่ครบ 100% ของเจตนารมณ์การจัดหา
3. ข้อจำกัดงบประมาณ: ทำไมไทยไม่จัดหาเครื่องบินใหม่มาประจำเรือ
หลายคนใช้ประเด็น “ไม่มีเครื่องบินประจำเรือแล้ว” มาตัดสินว่าเรือหลวงจักรีฯ ไม่คุ้มค่า แต่ต้องเข้าใจบริบทว่า…
!!!เครื่องบินแบบขึ้นลงดิ่ง (VTOL) รุ่นใหม่ เช่น F-35B
• ราคา มากกว่า 3,000 ล้านบาทต่อ 1 ลำ
• ค่าซ่อมบำรุงสูงมากจนไทยไม่สามารถแบกรับได้
• ประเทศที่รวยกว่าหลายเท่า เช่น อิตาลี ญี่ปุ่น สเปน ยังมีปัญหาค้างงบ
งบประมาณแบบไทยจึง “ไม่เพียงพอ” และ ไม่ได้เกี่ยวกับความผิดพลาดของการจัดหาเรือ แต่เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจต่อเนื่องหลายสิบปี
4. งานช่วยเหลือประชาชน: คุณค่าที่มองไม่เห็นแต่มหาศาล
**สึนามิ 2547 (Indian Ocean Tsunami)
เรือหลวงจักรีฯ เป็น “เรือหลักในการสนับสนุนงานกู้ภัย”
• เป็นที่พักของผู้ประสบภัย
• เป็นโรงพยาบาลลอยน้ำ
• รับ–ส่งเฮลิคอปเตอร์จำนวนมาก
• ใช้ระบบสื่อสารกลางเชื่อมโยงการปฏิบัติงานทุกหน่วย
**พายุไซโคลนและน้ำท่วมหลายพื้นที่
เรือหลวงจักรีฯ ถูกใช้เป็น
• ฐานซ่อมบำรุงเรือเล็ก
• ศูนย์ลำเลียงเสบียง–อุปกรณ์
• ฐานปฏิบัติการของหน่วยซีลและหน่วยกู้ภัย
**งานด้านมนุษยธรรมและการทูตทางทหาร (HADR + Naval Diplomacy)
• รองรับภารกิจรับ–ส่งผู้ลี้ภัย
• ร่วมซ้อมรบร่วมกับมิตรประเทศ
• เป็น “หน้าเป็นตา” ของกองทัพเรือไทย
สิ่งเหล่านี้คือผลประโยชน์กับประชาชนแบบตรง ๆ ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย
5. บทบาทเชิงยุทธศาสตร์ปัจจุบัน: เรือหลวงจักรีฯ ยังมีความจำเป็นอย่างไรในปี 2025และในอนาคตอีกหลายปี
ไทยยังต้องมีเรือบัญชาการลอยน้ำ
• อ่าวไทยมีแหล่งพลังงานสำคัญของประเทศ
• เป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมอินโด–แปซิฟิก
• มีความเสี่ยงต่อการละเมิดน่านน้ำสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ภัยพิบัติใหญ่เกิดถี่ขึ้น – ต้องมีเรือขนาดใหญ่พร้อมรองรับประชาชน
• ทำหน้าที่โรงพยาบาลเคลื่อนที่
• เป็นฐานปฏิบัติการของ ฮ.กู้ภัย
• ให้ที่พักชั่วคราวกับประชาชนจำนวนมาก
มีบทบาทด้านความร่วมมือนานาชาติ
• เป็น “สัญลักษณ์ขีดความสามารถของกองทัพเรือไทย”
• ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือในการเจรจาและการซ้อมรบร่วม
สรุป: เรือหลวงจักรีนฤเบศร ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย แต่เป็นทรัพยากรที่คุ้มค่าและจำเป็น
-รองรับภารกิจ 3 ด้านครบถ้วน
1. ยุทธการทะเล
2. สั่งการ–ควบคุมกำลังรบ
3. ช่วยเหลือประชาชน–กู้ภัย–สื่อสาร
-เป็นการลงทุนที่ “ได้มากกว่าเสีย” ตลอด 25 ปี
• แม้ไทยไม่สามารถซื้อเครื่องบินประจำเรือเพิ่มเติม
• แต่บทบาทหลักไม่เคยหายไป
• และทำหน้าที่ช่วยประชาชนอย่างต่อเนื่อง
-มูลค่าที่แท้จริงของเรือหลวงจักรีอยู่ที่
ความสามารถในการช่วยชีวิต–รักษาเสถียรภาพ–ปกป้องทรัพยากรทางทะเลของชาติที่มีมูลค่าที่ประเมินมิได้….
##ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร
#กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี